24 ก.ค. เวลา 10:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ส่องวิธีแจกดิจิทัลวอลเล็ต คืนความเท่าเทียม ยั่งยืนสู่คนจน

ส่องวิธีการขับเคลื่อนดิจิทัลวอลเล็ต ให้ถึงมือคนจน เพิ่มความเท่าเทียมกระตุ้นเศรษกิจฐานราก หอการค้าแนะ 3 วิธีการใช้ เปิดลงทะเบียนให้มากที่สุดและรวดเร็ว เน้นร้านค้าท้องถิ่น และป้องกันฉ้อโกง
หลังจากที่รัฐบาลประกาศโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท (Digital Wallet) ซึ่งเป็นโยบายเติมเงินลงกระเป๋าประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ล่าสุดวันนี้ (24 กรกฎาคม 2567) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงถึงความพร้อมเฟสแรกเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัลวอลเลต เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 และการใช้จ่ายจะเริ่มในไตรมาส 4 ของปี 2567
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ และสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ครอบคลุมประชาชน-ร้านค้าเล็ก-ใหญ่
โดยรัฐบาลมองว่า เมื่อเริ่มดำเนินโครงการแล้ว จะเกิดการใช้จ่ายและประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 4 แบบ ได้แก่
1.การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน
2.การใช้จ่ายระหว่างร้านค้า ขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่
3.การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ
4.พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็ก ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ค้าส่งขนาดใหญ่ระดับประเทศหรือระดับท้องถิ่น โดยจะต้องซื้อสินค้าในอำเภอ ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน รวมถึงร้านค้ากับ ร้านค้า ที่สามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้
ทั้งนี้รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 และมีกำหนดการที่จะให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
วางเป้าคนไทยเข้าร่วม 45 ล้านคน
รัฐบาลคาดว่าจะมีคนเข้าร่วม 45 ล้านคน จึงเตรียมเงินไว้ 4.5 แสนล้านบาท ส่วนคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเงินดิจิทัล มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มีสัญชาติไทย มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ เป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 โดยกรมสรรพากรประมวลผลข้อมูล 7 วันก่อนเปิดการลงทะเบียน
และไม่เป็นผู้มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท โดยจะตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ บัตรเงินฝาก ใบรับเงินฝาก และผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน โดยกำหนดวันตรวจสอบสิทธิ 31 มีนาคม 2567
ที่สำคัญไม่เป็นผู้ที่อยู่ต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืน ในมาตรการและโครงการอื่น ๆ ของรัฐ ไม่เป็นผู้ที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการและโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
ลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไปผ่านแอพพลิเคชั่น ‘ทางรัฐ’ ของคนที่มีสมาร์ทโฟน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 และลงทะเบียนของประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ตั้งแต่ 16 กันยายน-15 ตุลาคม 2567 ไม่จำกัดจำนวนประชาชนที่ใช้สิทธิ
ติดตามอ่านข่าวทั้งหมดได้ที่ลิงก์
#ดิจิทัลวอลเล็ต
#Digitalwallet
#ESGUNIVERSE
#สังคมไร้เงินสด
#พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
#คนจน
#ความเท่าเทียม
โฆษณา