24 ก.ค. เวลา 14:20 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของจิตนี่ มันยากจะเข้าใจ ในคำว่าจิต ..มดปลวกยุงเห็บหมัด สัตว์ต่างๆ ก็มีจิตไปอาศัย สัตว์น้ำ สัตว์บกก็สัตว์ปีก ก็มีจิตอาศัย มันมามากก่ายกอง แล้วมดก็มีจิตอาศัย ช้างก็มีจิตอาศัย ..แล้วค่าของชีวิตมันเท่ากันมั้ย ระหว่างมดกับช้าง เรื่องราวของจิต เมื่อเรามีการฝึกหัด สร้างบุญกุศลขึ้นมา ขนเอาสิ่งที่เป็นโคลนตม คือ ทำให้อารมณ์โลภโกรธหลงน้อยลงไป ทำให้ธาตนะโม ธาตุทั้งสี่ เบาบางจากกรรมขึ้นมา ..กรรม..ที่ปกปิดอยู่ เหมือนเป็นของหนัก ที่จิตนั้นแบกไว้ ก็จะเบาบางลงไป มีแสงรัตนะส่องเข้าไปถึงจิต
..จิตเริ่มมีแสงขึ้นมา เป็นแสงของธรรม แล้วก็ใช้แสงนั่น ค่อยๆ ..กระจาย..สิ่งสกปรกนั้นออกไป เมื่อทำได้มากขึ้น จิตก็มีการขยับขยาย เค้าเรียกว่า จิตเริ่มขยาย ..บางที่ก็รู้สึกตัวเล็ก บางทีก็รู้สึกตัวมันสูง ..สูงกว่าตึกสามชั้น ..นั่นจึงมีเรื่องราว ที่มันก็น่ากลัว ..ในความรู้สึกแบบนั้น เอ๊ะ..มันจะสูงเป็นเปรตหรืองัย เรื่องของจิตที่ขยับขยายโตขึ้นมา ก็จะทำให้เรียนรู้จัก อารมณ์ไ้ด้ชัดเจนขึ้น . ว่าอารมณ์นั่น นำพาจิตไปสร้างกรรมอย่างไร ก็จะค่อยๆหาทางเลิกเป็นทาสของอารมณ์ ..เพราะสิ่งที่ได้มีแต่กรรม
1
เรื่องของจิตมีมีอะไร ที่น่าเรียนรู้มาก ที่เราไม่ต้องไปเรียนรู้ที่ไหน ก็อาศัยเรือนกายนี้แหละ เรียนรู้ขึ้นมา ..อาศัยรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝึกหัดเรียนรู้ขึ้นมา ที่จะมีเรื่องราว ที่ว่า มะโนทะศึกษา ..ในธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ..ธรรมของท่าน นั้นช่วยเหลือจิตของเราให้เบาบางจากทุกข์ได้อย่างไร
สิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านสอนให้เรารู้จักกรรม เมื่อรู้จักว่าสิ่งนั้นเป็นกรรม เป็นทุกข์ เราก็ถอยออกมา สร้างบุญกุศลขึ้นมา ..แต่เพราะเราไม่เขื่อท่าน เราก็เอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ เจ้าพ่อเจ้าแม่ ร่างทรง .แอบอ้างอะไรต่าง ผีสิบแปดมงกุฎก็มี เราก็ไปเชื่อไปยึด ..ตะกรุดผ้ายันต์อะไรต่างๆ ศักดิ์สิทธิ์ ขลังนักขลังหนา
.บางที่ก็เชื่อจนเลยเถิด ว่า ..จะส่งผู้ตายขึ้นไปสวรรค์ชั้นฟ้า ….คนมันก็เชื่อ ..เราก็ดูเค้าไป ..แหม่..ยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า..เสียอีก ขนาดเทวทัตญาติท่าน ลงนรกท่านยังช่วยไม่ได้เลย
..กลับมาที่เรื่องราวของจิต จิตนั้นเราไม่รู้ว่า เค้าวัดขนาดกันอย่างไร เพราะมันอยู่ในกายที่เป็นกรรม ..แต่ที่เคยเห็นบ้าง พอไปเป็นเปรต มันก็รูปร่างสูงกว่า..ต้นตาล ที่ย่อเล็กลงมาก็มี ซึ่งมันก็ไม่รู้ว่า ทำไมเป็นยังนั้น ..สิ่งที่เราเข้าไปเรียนรู้ ได้ยากก็เรื่องมิติที่เป็นนามธรรม ที่จิตนั้นก็มีธาตุทั้งสี่ .สิ่งที่เป็นธาตุทั้งสี่ ในมิติที่เป็นนามธรรม ก็ยังมีรายละเอียดของรูป ที่เป็นนามธรรม เป็นมิติอะไรต่างๆ ..ที่ยากจะเข้าไปเรียนได้
แต่ก็มีจิต ..ที่สามารถ เข้าไปเรียนรู้ นั่นก็เรื่องของการเข้า นิโรธสมาบัติ ..ที่เหมือนยกขันธ์ห้าออกไปจากจิต ..แล้วก็ยังมีกฏระเบียบ ..ว่าไปศึกษาที่ไหนได้บ้าง ในขอบเขตของบุญกุศลบารมี ที่ตัวเองสะสมมา ที่มีรายละเอียดมากขึ้นไปอีก เหมือนว่า จะไปสถานที่ใด ..เข้าก็มีกฎมีระเบียบอะไรของเค้า
ครั้งหนึ่ง กำลังสวดมนต์ ก็มีภาพของประตูบานใหญ่ เป็นสีทอง เหมือนประตูพระราชวัง ..ลอยขึ้นมาข้างหน้า ..มีคนเฝ้าประตู .. เราไปถามพระ เรื่องที่เห็น ท่านก็บอกว่า เป็นประตูบุญ ..อยู่กับดินฟ้าอากาศ ..จิตของใครมีบุญ เค้าก็ไปลอยรับ ..เปิดประตูให้เข้าไป .. เรื่องทำนองนี้..เราก็ค่อยเรียนรู้เหมือนกัน ว่าของจริงหรือของหลอก
นั่นก็เป็นเรื่ิองที่ยากจะไปบอกกล่าวใครๆ แล้วที่เค้าเห็น เค้าเพียงให้เห็น ไม่ให้ไปยึดว่าสิ่งเหล่านั้น..เห็นแล้วเราก็ต้องปฏิบัติของเราต่อไป..เพราะสิ่งที่จะตัดสิน ก็เมื่อจิตออกจากกายนั้นแหละ..ว่าจะไดไปอยู่สถานที่ใด.. ต้องไปตามกฎของกรรม
..ไม่มีใครยิ่งใหญ่ กว่ากรรมที่ตนเองสร้างขึ้นมา ด้วยกายวาจาใจขณะมีกายเป็นมนุษย์ จิตจะไปอยู่ในสังขาร มดปลวก ช้างม้าวัวควาย .จิ้งจก ก็ไปอาศัยได้ ไปกินนินในสังขารกรรม..เล็กหรือใหญ่ไม่รู้ได้ ..เค้าบอกว่า ถึงเวลานั้น ก็ยังระลึกไม่ได้ว่าทำอะไรมา จึงไปอยู่ในสังขารนั้น ..ต้องมีทุกข์อยู่กับกรรมยาวนาน เกิดตายในอบายภูมิ กว่าจะได้กายเป็นมนุษย์ ก็เป็นอสงไขยก็เป็นไปได้ แล้วเราวัดขนาดขิงจิตยังไงดีน่ะ
โฆษณา