24 ก.ค. เวลา 15:11 • กีฬา

ไม่มีเหลี่ยมแพ้ แต่แพ้เฉย : แคมป์พรีซีซั่นของทีมใหญ่เขาทำอะไรกันในช่วงแรก ๆ ? | Main Stand

นัดแรกของพรีซีซั่นมีอะไรให้แปลกใจเสมอ ดอร์ทมุนด์ แพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ โรเซนบอร์ก, ลิเวอร์พูล แพ้ เปรสตัน และ แมนฯ ซิตี้ แพ้ เซลติก
แฟนบอลมักชอบเอาผลแพ้เหล่านี้มาหยอกล้อบลัฟกันในโซเชี่ยล ทว่าเรื่องราวเชิงลึกในระหว่างปรีซีซั่นมีอะไรที่ลึกล้ำ และซ่อนไว้มากกว่านั้น
พวกเขาทำอะไรกันหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันมาราว ๆ 2 เดือน ? ... และเตรียมอะไรก่อนฤดูกาลจะเริ่ม ติดตามที่ Main Stand
หนึ่งปีมีครั้งเดียว
ไม่มีอะไรที่นักเตะจะเฝ้ารอไปมากกว่าช่วงปิดฤดูกาล พวกเขาเป็นอาชีพหมาล่าเนื้อที่ต้องใส่กันสุดแรง และเมื่อถึงวันปลดระวาง เรื่องราวความยิ่งใหญ่และเงินทองที่เคยได้มาจะเปลี่ยนไปในทันที
ดังนั้นตลอดทั้งปีพวกเขาจะต้องใส่เต็มกันไม่กั๊ก และช่วงเวลาเดียวที่จะไม่มีใครห้ามไม่ให้พวกเขาทำอะไร คือช่วงพักเบรกหลังซีซั่นจบ ช่วงเวลานี้พวกเขาจะได้ใช้เงินที่หากันมาจากหยาดเหงื่อความพยายาม และมอบเวลาเต็ม ๆ ให้กับสิ่งที่ตัวเองรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัว เพราะ 1 ปี จะมีเวลาแบบนี้เพียงแค่ราว ๆ 1 เดือนเท่านั้น
ยิ่งนักเตะคนไหนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบความสนุก และเป็นพวกเจ้าสำราญ พวกเขาก็จะใส่กันเต็มเหนี่ยว กินที่อยากกิน ดื่มที่อยากดื่ม และหลังจากนั้นพวกเขาจะเข้าโปรแกรมนรกที่เรียกว่าเป็นเหมือนกับการรับกรรมในช่วงพักร้อน นั่นคือการรีดน้ำหนักออกช่วงปรีซีซั่นนั่นเอง
"ผมยอมรับว่าผมน้ำหนักเกินไปประมาณ 5 กิโลกรัม ตอนที่ผมเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด เเต่มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผม น้ำหนักผมขึ้นลงเร็ว เดี๋ยวผมก็กลับมาฟิตรีดน้ำหนักในช่วงปรีซีซั่น ตอนพักผ่อนก็คือพักผ่อน" เอเด็น อาซาร์ ว่าแบบนั้น
แม้ปัจจุบันนี้ เรื่องของวินัยและการจัดการตัวเองของนักฟุตบอลในช่วงซัมเมอร์จะมีมากขึ้น พวกเขาสามารถกิน เที่ยว และปาร์ตี้ ได้ตามสมควร แต่เมื่อกลับมา น้ำหนัก, มวลกล้ามเนื้อ และไขมัน จะต้องอยู่ในช่วงเท่ากับที่สโมสรตกลงกันไว้ก่อนจะปล่อยตัวออกไปในวันสุดท้ายของฤดูกาล และหากใครที่กลับมามีสภาพเละหรือเผละเกินกว่าที่สโมสรกำหนด พวกนักเตะก็จะต้องยอมจ่ายค่าปรับ และรับโทษตามที่แต่ละสโมสรตกลงกันไว้ ...
1
แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าแค่ปรับเงิน หลายคนก็ดูจะไม่ได้ตื่นกลัวอะไร พวกเขามีเงิน ก็แค่จ่าย และจากนั้นก็เข้าโปรแกรมออกกำลังกายรีดน้ำหนัก และควบคุมอาหารตามที่ทีมโภชนาการและฟิตเนสจัดแจงไว้รอ เท่านี้น้ำหนักของพวกเขาก็จะกลับมาเท่าเดิม รูปร่างกลับมาปกติราวกับซัมเมอร์ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น และทั้งหมดนี้จะเริ่มตั้งแต่วีกแรกที่พวกเขากลับมารวมทีมพร้อมหน้ากัน
ซ้อมหนักที่สุดคือช่วงนี้
ทุก ๆ สโมสรในระดับสูงจะมีแนวทางคล้าย ๆ กัน นั่นคือเมื่อนักเตะของพวกเขากลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา สิ่งแรกที่จะทำคือการตรวจสอบสมรรถนะทางร่างกาย เจาะเลือดตรวจหาความผิดปกติต่าง ๆ
หลังจากนั้นทุกคนจะต้องเข้าพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านสมรรถภาพร่างกาย ตรวจวัดหาไขมันส่วนเกิน ตรวจหามวลกล้ามเนื้อว่ามีอยู่เท่าไหร่ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกไปเปรียบเทียบกับข้อมูลเก่า ๆ ในซีซั่นก่อน ๆ ว่าพวกเขามีน้ำหนักหรือไขมันเกินมาเท่าไหร่
ลิเวอร์พูล ยุค อาร์เน่อ สลอต คือทีมที่เปิดเผยข้อมูลการทดสอบสมรรถภาพร่างกายอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสมรรถภาพของเขาอย่างได้ออกมาพูดคุยใน Podcast ของ Anfield Index และเผยข้อมูลเชิงลึกออกมามากมาย
อย่างที่บอกคือ อย่างแรก ทุกคนจะต้องถูกประเมินจากข้อมูลเชิงลึกทางการแพทย์ และแต่ละคนจะได้รับโปรแกรมการออกกำลังกาย และโปรแกรมทางโภชนาการโดยเฉพาะ เพื่อให้ร่างกายของพวกเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมต่อการฝึกซ้อมที่ว่ากันว่า "โหดที่สุด"
1
โดยแหล่งข่าวได้บอกเพิ่มเติมว่า การซ้อมในช่วงพรีซีซั่นคือช่วงที่โหดที่สุดแล้วในบรรดาทุกระยะการฝึกซ้อมหากนับรวมทั้งฤดูกาล เพราะนี่คือการฝึกซ้อมที่เน้นเรื่องความพร้อม ไม่เน้นผลการแข่งขัน การซ้อมในพรีซีซั่นจะไม่มีโปรแกรมการแข่งขันจริง ๆ จัง ๆ มาคั่น หรือมีการเข้าห้องเรียนรู้เรื่องแท็คติกและการศึกษาคู่แข่งมากเท่ากับช่วงเวลาการแข่งขันปกติ ช่วงเวลานี้นักเตะ และสตาฟฟ์โค้ชจะต้องโฟกัสกับตัวเองให้ได้มากที่สุด
ฝั่ง ลิเวอร์พูล เปิดเผยออกมาว่า การซ้อมพรีซีซั่นในยุคของ สล็อต นั้นจะเริ่มการทดสอบความทนทาน (ความอึด) กับการแข่งขันที่มีความเข้มข้นสูงแบบเอาเป็นเอาตาย ช่วงนี้นักเตะลิเวอร์พูลจะถูกรีดความฟิตให้ขึ้นไปอยู่ในจุดที่มีความฟิตสูงสุด แทบจะทะลุถึงขีดจำกัดของพวกเขาเอง
ซึ่งแต่ละคนจะรับความเข้มข้นได้ไม่เท่ากันในช่วงแรก เพราะบางคนก็ยังน้ำหนักเกิน และอาจจะมีการเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหากซ้อมเข้ม ๆ ในทันที พวกเขาจะเริ่มไต่ระดับความฟิตจากในสนามซ้อม สู่เกมอุ่นเครื่องเกมแรก - เกมที่สอง และขยับไปเรื่อย ๆ จนเกมสุดท้ายก่อนฤดูกาลเริ่ม
ซึ่ง ณ จุดนี้ไม่ใช่ว่านักเตะทุกคนจะฟิตเต็ม 100% เมื่อโปรแกรมจริงมาถึง เพราะแต่ละคนใช้เวลาในการคัมแบ็กสู่จุดสูงสุดต่างกัน เพราะในการฝึกแต่ละครั้ง นอกจากจะรีดความฟิตแล้ว พวกเขายังต้องคำนึงถึงความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บของนักเตะด้วยหากว่าได้รับโปรแกรมฝึกซ้อมที่หนักเกินไป
แหล่งข่าวทางการแพทย์เน้นย้ำว่า "มันเกี่ยวกับการผสมผสานอาการบาดเจ็บ ความฟิต และประสิทธิภาพ การลดภาระในการฝึกซ้อมอาจช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ แต่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าจะส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมอย่างไร แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาทุกคนจะต้องถูกจับตามองเกี่ยวกับเรืองสมรรถภาพร่างกายอย่างใกล้ชิด"
ไม่ต้องมองที่ลิเวอร์พูลก็ได้ มีหลายสโมสรที่เผยภาพและวีดีโอการฝึกซ้อมหรือเข้ายิมช่วงปรีซีซั่น เราจะได้เห็นภาพนักเตะวิ่งกันลิ้นห้อย ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ อันโตนิโอ คอนเต้ มาคุมทีม สเปอร์ส และได้มาปรีซีซั่นที่เกาหลีใต้ นักเตะของพวกเขาวิ่งกันจนขาอ่อน ชนิดที่ว่า แฮร์รี่ เคน ล้มตัวลงนอนหมดสภาพหลังวิ่งเข้าเส้นชัย ... เช่นเดียวกับที่ นาโปลี ตอนนี้นักเตะพวกเขาก็ลิ้นห้อยไม่ต่างกัน
1
ฝั่ง อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เผยภาพในโรงยิมที่นักเตะของเขาเรียกฟิตบนเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ด้วยหน้าตาเหยเกที่แสดงถึงความเหนื่อยแบบสุดขีด เช่นเดียวกับ เรอัล มาดริด ที่ถึงกับวิ่งแบกถังและใส่หน้ากากเพื่อทดสอบการหายใจ และวัดอ็อกซิเจนในเลือด ผ่านการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา เช่นการวิ่งช้าสลับเร็ว และสปรินท์เต็มที่ เพื่อจำลองสถานการณ์การหายใจ และทดสอบความฟิตเหมือนกับการแข่งขันจริง
ใส่กันขนาดนี้ … เรื่องผลไว้ทีหลัง
จากที่กล่าวมาทั้งหมดคุณจะพบได้ว่า นักฟุตบอลจะแทบไม่ได้เรียนรู้แท็คติกมากนักในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการเข้าแคมป์พรีซีซั่น ดังนั้นเรื่องความรู้ ความเข้าใจเกมจึงมีไม่มากนัก และในเมื่อร่างกายไม่ฟิต การที่จะทำให้อะไรในสนามให้ออกมาสั่งได้ดั่งใจมันก็ยากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ดังนั้นจึงไมแปลกที่เกมในช่วงปรีซีซั่นในช่วงแรก ๆ จะไม่สนุก เพราะความเข้มข้นของเกมต่ำ แต่ละคนจะต้องลงสนามพร้อมเครื่องไม้เครื่องมือของวิทยาศาสตร์การกีฬายุคสมัยใหม่ลงไปด้วย เพื่อประเมินพวกเขาในทุกสถานการณ์ เมื่อถึงเวลาที่ทีมฟิตเนสจำกัดไว้ พวกเขาก็จะถูกเปลี่ยนตัวออก และเอานักเตะอีกคนลงไปในเกมที่อยู่ในลักษณะของการทดสอบทางร่างกายแทน
ที่บอกว่าช่วงปรีซีซั่นเป็นเหมือนโปรแกรมนรกแล้ว นอกจากทุก ๆ จะต้องโฟกัสกับร่างกายและความฟิตของตัวเองแล้ว พวกเขายังต้องทำในสิ่งที่สโมสรทุกสโมสรระดับแถวหน้าของโลกต้องทำ นั่นคือการเตะอุ่นเครื่องในรูปแบบของการเดินสายโชว์ตัว ที่จะบินไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก
โดยในสารคดีของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในซีซั่น 2021-22 (ดูได้ที่ Mono Max) สะท้อนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาได้ไปปรีซีซั่นที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่ทีมจากลีกรองอย่างพวกเขาจะถูกเทียบเชิญมาเตะในที่ไกล ๆ แบบนี้ นั่นทำให้นักเตะหลายคนคิดว่าจะได้ใช้เวลาไปเที่ยวบ้าง แต่จริง ๆ แล้วพวกเขากลับได้แต่อยู่เพียงแค่ 3 ที่หลัก ๆ เท่านั้นนั่นคือ โรงแรม โรงยิม (สนามซ้อม) และสนามแข่งขันจริง
ลุค อายลิ่ง แบ็คตัวเก๋าของ ลีดส์ ในตอนนั้นถึงกับพูดออกจอว่า "นี่มันนรกชัด ๆ เราเหมือนมาถูกเรียกความฟิตนอกสถานที่ และงานของเรายังหนักกว่าเดิม เพราะต้องออกมาทำกิจกรรมของสโมสรร่วมกับเจ้าภาพ จากนั้นเราก็กลับเข้าโรงแรม พอตื่นเช้ามาอีกวันเราก็เก็บกระเป๋าและเดินทางไปอีกเมือง ... ลืมเรื่องไปเที่ยวได้เลย เราเหมือนอยู่ในกรงขังมากกว่า" อายลิ่ง กล่าวติดตลก แต่ก็พอจะเห็นภาพได้ว่า ช่วงปรีซีซั่นนอกจากจะทำร่างกายให้พร้อมแล้ว นักเตะยังต้องสโมสรทำเงิน สร้างรายรับในการเตะโชว์ตัวเหล่านี้ด้วย
จริงอยู่ที่เรื่องนี้จะดูเหมือนเป็นข้ออ้างสำหรับการแพ้ในเกมปรีซีซั่นช่วงแรก ๆ แต่อากัปกิริยาของกุนซือของทีมต่าง ๆ ที่พลาดท่าก็ดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนมากนัก ลิเวอร์พูล ที่แพ้ เปรสตัน แม้จะโดนแซวอยู่บ้างแต่กุนซืออย่าง อาร์เน่อ สล็อต ก็ยืนยันว่าไม่ได้คิดจริงจังเรื่องผลแพ้ชนะอะไร มีเพียงเรื่องร่างกายเท่านั้นที่เขาและทีมงานโฟกัสกับนักเตะที่ได้เล่นเกมนี้
"หลังจากสองสัปดาห์ของการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง การได้ลงสนามก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกคนมีความฟิตก่อนเกม และรักษาความฟิตไว้ได้ระหว่างเกมด้วย"
"เป็นสองสัปดาห์ที่ดี น่าเสียดายที่ผลการแข่งขันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ แต่ทุกคนมีความฟิต หลายคนได้ลงสนาม รวมถึงบรรดาดาวรุ่งก็ได้ลงสัมผัสเกมเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี" สล็อต กล่าว
2-3 สัปดาห์แรกคือช่วงที่ทำให้ทุกคนพร้อมที่สุด จากนั้นเมื่อถึงสัปดาห์ที่ 4, 5 และ 6 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของช่วงปรีซีซั่น ช่วงนี้ความจริงจังอาจจะเริ่มมากขึ้นแล้ว เนื่องจากนักเตะทุกคนได้เวลาพอสมควรสำหรับการเรียกฟิต ซึ่งช่วงเวลาสัปดาห์ 4, 5 และ 6 จะยังเป็นช่วงที่เป็นโปรแกรม ใหญ่ชนใหญ่ หรือบอลโชว์ที่ได้ค่าจ้างสูง ดังที่เราได้เห็นทีมใหญ่ ๆ ไปแข่งทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องกันที่สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งที่ประเทศไทย ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอกับ ลิเวอร์พูล เมื่อ 2 ปีก่อน
แน่นอนว่าแม้มันจะเป็นบอลอุ่นเครื่อง แต่มันก็ถือเป็นเกมที่พวกเขาต้องเซอร์วิสแฟน ๆ ที่ซื้อบัตรเข้ามาดูพวกเขาในแบบโอกาส 1 ปีมีครั้งอย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งเราจะได้เห็นพวกนักเตะจริงจังกับการแข่งช่วงปรีซีซั่นมากขึ้น นอกจากร่างกายนักเตะจะดีขึ้นแล้ว พวกเขาจะเริ่มใส่แท็คติกสำหรับซีซั่นใหม่กันในช่วงเวลานี้และใช้เป็นการทดสอบแท็คติก ตำแหน่ง และสิ่งต่าง ๆ ไปในตัวด้วย
แต่อย่างไรเสีย อย่างที่เราได้กล่าวมาทั้งหมด ช่วงนี้เป็นช่วงของการทำร่างกายของนักเตะ และทำเงินที่สำคัญที่สุดของสโมสร แม้จะจริงจังแค่ไหนก็ไม่มีทางเท่าการแข่งขันจริงแน่นอน นักเตะตัวหลักอาจจะได้ลงมากขึ้นตามข้อตกลงกับเจ้าภาพ แต่ก็จะได้เห็นการสอดแทรกดาวรุ่งและตัวสำรองลงเล่นสลับกันไป เหนือสิ่งอื่นใดคือการกลับไปประเทศตัวเองแบบที่ไม่มีนักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติม นั่นต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขา
ไม่ชนะไม่เป็นไร แต่ได้ความฟิตเต็ม 100% บวกกับได้เงินก้อนโตเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับนักเตะและสโมสรของพวกเขา
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
โฆษณา