25 ก.ค. เวลา 11:09 • หนังสือ

หยุดอ่านแบบเดิมๆ ซะที! วิธีใหม่ที่จะทำให้คุณอ่านหนังสือแล้วฉลาดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

ในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารท่วมท้น การอ่านอย่างมีประสิทธิภาพกลายเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวทันโลกและพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง แต่หลายคนมักประสบปัญหาในการอ่านและจดจำเนื้อหาที่อ่าน บางครั้งเราอ่านจบแล้วกลับจำไม่ได้ว่าเพิ่งอ่านอะไรไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเรากำลังสูญเสียทรัพยากรที่มีค่าที่สุดคือเวลาของเราเอง
7
เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจาก Jim Kwik ผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สอนและโค้ชเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาการใช้สมอง (Brain Coach) ผู้แต่งหนังสือชื่อดังอย่าง Limitless : Upgrade your brain, learn anything faster, and unlock your exceptional life
3
ต้องบอกว่าการพัฒนาทักษะการอ่านให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก และวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ่านคือการตั้งคำถามกับตัวเองขณะอ่าน โดยมีคำถามสำคัญ 3 ข้อที่ควรถามตัวเองเสมอ:
3
1. เราจะใช้สิ่งนี้อย่างไร? (How can I use this?)
คำถามนี้จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และทำให้เราคิดถึงการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง แทนที่จะเป็นเพียงข้อมูลที่เก็บไว้เฉยๆ การคิดถึงวิธีการใช้ความรู้จะทำให้เรามีแนวโน้มที่จะจดจำและเข้าใจเนื้อหานั้นได้ดีขึ้น
6
2. ทำไมเราต้องใช้สิ่งนี้? (Why must I use this?)
คำถามนี้จะช่วยให้เราเห็นความสำคัญและคุณค่าของสิ่งที่เรากำลังอ่าน ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เราอยากนำไปใช้จริง เพราะความรู้จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าเราไม่นำไปปฏิบัติ การเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเราต้องใช้ความรู้นี้จะช่วยผลักดันให้เราลงมือทำ
5
3. ใครที่คาดหวังให้เราเป็นผู้ชนะในวันนี้? (Who’s counting on me to win today?)
คำถามนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ โดยให้เราคิดถึงคนที่เรารักหรือคนที่กำลังพึ่งพาเรา ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันอีกทางหนึ่งให้เราพยายามเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง
5
การใช้คำถามเหล่านี้ขณะอ่านจะช่วยเปลี่ยนการอ่านจากกิจกรรมที่อาจดูน่าเบื่อให้กลายเป็นการฝึกฝนที่มีพลังและมีความหมาย นอกจากนี้ยังมีหลักการสำคัญอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาการอ่านของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น:
2
1 . หลักการ “หัว หัวใจ มือ” (Head, Heart, Hands)
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยทั้งสามส่วนนี้ทำงานร่วมกัน:
  • ​หัว (Head): คือความรู้และความเข้าใจในเชิงทฤษฎี
  • ​หัวใจ (Heart): คืออารมณ์และแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากเรียนรู้
  • ​มือ (Hands): คือการลงมือปฏิบัติจริง
5
เมื่อทั้งสามส่วนนี้ทำงานประสานกัน จะเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและยั่งยืน
2. หลักการ 3I: Information, Inspiration, Implementation
1
  • ​Information (ข้อมูล): คือความรู้ที่เราได้รับ
  • ​Inspiration (แรงบันดาลใจ): คือพลังที่ทำให้เราอยากนำความรู้ไปใช้
  • ​Implementation (การนำไปปฏิบัติ): คือการลงมือทำจริง
6
เมื่อรวมทั้ง 3I เข้าด้วยกัน จะเกิดเป็น Integration (การบูรณาการ) ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเรียนรู้ คือการที่ความรู้นั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา ทั้งในความคิด จิตใจ และการกระทำ
1
4. Confidence-Competence Loop
ยิ่งเรามีความมั่นใจในการทำสิ่งใด เราก็จะยิ่งทำสิ่งนั้นบ่อยขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเก่งขึ้น และความเก่งนั้นก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เรา เป็นวงจรที่เสริมพลังกันไปเรื่อยๆ ดังนั้น การเริ่มต้นด้วยความมั่นใจ แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย ก็สามารถนำไปสู่การพัฒนาทักษะได้อย่างมาก
6
5. “Genius leaves clues” (อัจฉริยะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ)
เบื้องหลังความสำเร็จหรือความเก่งกาจในด้านต่างๆ มักมีวิธีการหรือระบบที่สามารถเรียนรู้และทำตามได้ การสังเกตและวิเคราะห์วิธีการของคนที่ประสบความสำเร็จจึงเป็นวิธีหนึ่งในการพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
2
6. “Reasons reap results” (เหตุนำมาซึ่งผลลัพธ์)
การมีเหตุผลที่ชัดเจนในการทำสิ่งใด จะช่วยผลักดันให้เราทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ ดังนั้น การเริ่มต้นด้วยการถามว่า “ทำไม (Why)” หรือเหตุผลที่แท้จริงในการทำสิ่งต่างๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
2
การอ่านเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย ยิ่งเราอ่านมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น และเมื่อเราเก่งขึ้น เราก็จะยิ่งมีความสุขและสนุกกับการอ่านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราอยากอ่านมากขึ้นไปอีก เป็นวงจรแห่งการพัฒนาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
1
นอกจากนี้ การอ่านยังเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับสมอง ช่วยรักษาความอ่อนเยาว์และพลังงานของสมองเมื่อเราแก่ตัวลง ดังนั้น การสร้างนิสัยรักการอ่านจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับอนาคตของเราเอง
1
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปปฏิบัติจริง เพราะความรู้จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าเราไม่นำไปใช้ การอ่านเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เราฉลาดขึ้น แต่การนำสิ่งที่อ่านไปคิดต่อ วิเคราะห์ และลงมือทำต่างหากที่จะทำให้เราพัฒนาขึ้นอย่างแท้จริง
3
ดังนั้น ในครั้งต่อไปที่คุณได้อ่านหนังสือ บทความ หรือแม้แต่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ลองถามตัวเองด้วยคำถามทั้งสามข้อนี้:
2
  • 1.
    ​เราจะใช้สิ่งนี้อย่างไร?
  • 2.
    ​ทำไมเราต้องใช้สิ่งนี้?
  • 3.
    ​ใครที่คาดหวังให้เราเป็นผู้ชนะในวันนี้?
5
คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เราได้ประโยชน์สูงสุดจากทุกสิ่งที่อ่าน และจะเปลี่ยนการอ่านของเราจากการรับข้อมูลเพียงอย่างเดียว เป็นการเรียนรู้ที่มีพลังและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้อย่างแท้จริง
4
เริ่มต้นวันนี้ ตั้งเป้าหมายการอ่านของคุณ และลองใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณจะพบว่าโลกของความรู้และโอกาสใหม่ๆ กำลังเปิดกว้างรอคุณอยู่ และการอ่านจะกลายเป็นกิจกรรมที่สนุก ท้าทาย และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งต่อตัวคุณเองและคนรอบข้างที่คุณรัก
7
References :
How To Double Your Learning Speed | Jim Kwik
1
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา