26 ก.ค. เวลา 04:33 • ธุรกิจ

แสนสิริ ก้าวสู่ยุคสร้างบ้านไม่เบียดเบียนโลก วางเป้า Net Zero 2050

แสนสิริ ก้าวสู่ยุคสร้างบ้าน-คอนโดไม่เบียดเบียนโลก ประกาศเดินหน้า Net Zero 2050 ชวน 4,000 ซัพพลายเชน พลิกสู่ กรีนซัพพลายเชน สร้างนวัตกรรมสินค้าและก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตยั่งยืน
ภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะการใช้ไม้ หิน ดิน เป็นส่วนประกอบในวัสดุก่อสร้าง มีการคาดการณ์กันว่าอีกไม่นานทรัพยากรเหล่านี้จะหายากขึ้น จากผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นจึงเป็น ‘โจทย์ใหญ่’ ที่ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯ และซัพพลายเชน ต้องเร่งปรับตัว
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในพี่ใหญ่วงการอสังหาฯไทย มองหาพันธมิตรสีเขียว (Green Parner) เพื่อร่วมคิดค้นนวัตกรรม หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริหารความเสี่่ยง และยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เติบโตสู่ความยั่งยืน
ความยั่งยืน คือ กลยุทธ์
บริหารความเสี่ยงธุรกิจ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะโลกเดือดไม่ใช่เรื่องไกลตัว และภาคอสังหาฯต้องเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา นับเป็นบทพิสูจน์สำคัญของแสนสิริ และพันธมิตรที่จะร่วมกันปรับธุรกิจ กำหนดเส้นทาง สู่อนาคตที่ยั่งยืน และเติบโตไปด้วยกัน ด้วยการเปลี่ยนผ่านการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง ESG (Environment – Social – Governance) ดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล
นายอุทัย ยังกล่าวว่า แสนสิริเดินทางมาถึงปีที่ 40 ในปี 2567 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในทุก ๆ โครงการได้นำความยั่งยืนเข้ามาเป็นกลยุทธ์ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงของธุรกิจ อาทิ ทรัพยากร ธรรมชาติที่ขาดแคลน อาจหมายถึงราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น วัสดุทางเลือกจึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ต้องมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและย่อยสลายได้ง่ายรวมถึงนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น
“การสร้างบ้านเราใช้ทรัพยากร เช่น ไม้ ดิน หิน เหล่านี้เป็นวัสดุธรรมชาติ แม้แต่ซีเมนต์ก็มาจากวัสดุธรรมชาติที่มีการเผา มองว่าจากนี้ไปวัสดุก่อสร้างจะค่อย ๆ หายไป เนื่องจากภาวะโลกร้อน หลายสิ่งจะหายากขึ้น จึงเป็นโจทย์ที่คนที่อยู่ในวงการนี้ต้องหาวัสดุทางเลือกมาทดแทน และทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น เข็มเหล็ก ที่ทำจากไฟเบอร์ ปูนรักษ์โลก หรือแม้แต่อิฐมวลเบา ฯลฯ”
ดูแลสังคม พัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน
นายอุทัย กล่าวต่อว่า นอกจากบริหารความเสี่ยงเรื่องทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่างจำกัดแล้ว ธุรกิจยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิตของแรงงาน รวมถึงมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความยากจนและการเข้าถึงบริการพื้นฐาน เพราะหากแรงงานไม่มีความสุข ผลิตภาพอาจจะลดลง จึงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องเข้าใจ ต้องผนวกแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนเข้าไปในกลยุทธ์ขององค์กร ต้องบูรณาการให้คอบคลุมทั้ง มิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆ กันอย่างสมดุล
“เราพูดเรื่องนี้มานาน เพราะแสนสิริ ต้องอาศัยแรงงานในการก่อสร้างบ้าน จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน ทั้งองค์กร โดยสิ่งที่ให้ความสำคัญกับพนักงาน แรงงาน คือความสุขในการทำงาน และความปลอดภัยในชีวิตแรงงาน เพราะถ้าพนักงาน หรือแรงงานของเรามีปัญหา ไม่มีความสุข เป็นอันตราย จะทำให้แบรนด์ของเราไม่ดี ซึ่งนับเป็นความท้าทายของธุรกิจที่ต้องทำความเข้าใจ และผนึกความยั่งยืนเข้าไปในองค์กร”
ทั้งนี้ แสนสิริได้นำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นกลยุทธ์และการดำเนินงานของบริษัทอย่างจริงจัง พร้อมกับดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เติบโตไปด้วยกัน โดยเป้าหมายสูงสุดคือการร่วมมือกับพันธมิตร และสนับสนุนให้ Green Partner เติบโตไปด้วยกัน เพื่อผลักดันให้ทั้งอุตสาหกรรมและประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เส้นทางสู่ Net-Zero 2050
นายอุทัย กล่าวอีกว่า แสนสิริได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ มาสำรวจกระบวนการทำงาน ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยพบว่าแสนสิริปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ในจำนวนนี้ประมาณ 2% มาจากสโคป 1-2 ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้า การใช้น้ำมันในองค์กรเอง ส่วนที่เหลือ 98% มาจากสโคป 3 เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนทั้งหมด รวมถึงลูกบ้าน
ดังนั้น สิ่งต้องผลักดันต่อไป จึงได้ตั้งเป้าสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 ด้วยการตั้งทีมขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน ( Sustainability) ขึ้นมา พร้อมกับมีคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ธรรมาภิบาล (Governance) เพื่อดูแลเรื่องความโปร่งใส ร่วมมือพัฒนาองค์กร และระบบนิเวศก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์
สำหรับการวางแผนดำเนินการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกองค์กร 3 ระดับ ได้แก่
-แผนระยะสั้นในปี 2025 ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% (ล่าสุดปี 2023 ทำได้ 15%)
-แผนระยะกลางปี 2033 ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50%
-มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งเป็นแผนระยะยาวในปี 2050 ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครอบคลุมตั้งแต่ของบ้านและคอนโดมิเนียมที่ส่งมอบให้กับผู้บริโภค
ติดตามอ่านข่าวทั้งหมดได้ที่ลิงก์
#แสนสิริ
#NetZero2050
#Sansiri
#อุตสาหกรรมก่อสร้าง
#อสังหาริมทรัพย์
#ESGUNIVERSE
#บ้าน
#Greenproduct
#วัสดุก่อสร้าง
โฆษณา