26 ก.ค. เวลา 05:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมกองทุนรวมตราสารหนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของหลายคน?

มาเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่า! 📈💰
.
พวกเราหลาย ๆ คนต่างรู้ดีว่าการเริ่มต้นลงทุนให้เร็วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ! เพราะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงทฤษฎีเรื่องการเงินของดอกเบี้ยทบต้น ที่..ยิ่งลงทุนนานก็ยิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น
แต่ในปัจจุบันการลงทุนก็มีหลากหลายตัวเลือกมากมาย ทั้งตราสารหนี้รายตัว หุ้นรายตัว หรือกองทุนรวมที่ไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ แล้วมือใหม่อย่างเราจะเลือกตัวเลือกไหนดีล่ะ? 🤔
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนอาจจะต้องการสร้างการลงทุนให้งอกเงย พร้อมทั้งบริหารความเสี่ยง ดังนั้น จึงเป็นที่มาของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มักจะมีความผันผวนต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารหนี้ระยะยาว เช่น ระยะเวลาในการถือครอง ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ตามมูลค่าที่ตราไว้หน้าตั๋ว ซึ่งนี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมสำหรับทั้งมือใหม่ และมือเก๋าในการเลือกลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น
ทั้งนี้ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้อาจมีการกรณีที่ผู้ออกตราสารหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ไม่เป็นไปตามที่กำหนด
(อ้างอิง: Interest Rate Risk Between Long-Term and Short-Term Bonds, สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ค. 2567)
🤔 กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นน่าลงทุนสำหรับมือใหม่จริง ๆ หรือ? – มาทำความรู้จักกับกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นกัน 👇
กองทุนรวมประเภทนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นรายตัว แต่เนื่องจากมีการบริหารความเสี่ยงของผู้จัดการกองทุน ซึ่งการคัดเลือกของผู้จัดการกองทุนก็จะมีการวิเคราะห์ตั้งแต่ชนิดของตราสารหนี้ การเลือกซื้อตราสารหนี้แต่ละบริษัทในสัดส่วนที่เท่าไหร่ และอายุคงเหลือของตราสารหนี้เป็นอย่างไร เมื่อพิจารณาและเปรียบเทียบ
ตัวเลือกแล้วก็จะซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นรายตัว มาหลาย ๆ ตัวเพื่อเข้าพอร์ตการลงทุน ดังนั้นไส้ในของกองทุนชนิดนี้ก็คือตราสารหนี้ของราย ๆ บริษัท ทำให้การผิดนัดชำระหนี้คืนของบริษัทไม่ส่งผลกระทบเป็นขนาดใหญ่ เพราะมีการกระจายตัวของตราสารหนี้แต่ละบริษัทนั่นเอง
แล้ว…ตราสารหนี้ระยะสั้นมีข้อดียังไงบ้างนะ?
1. ความผันผวนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารหนี้ระยะยาวและผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้:
กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีความเสี่ยงที่ต่ำ และสามารถคาดเดาเงินที่จะได้รับเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนของตราสารหนี้แต่ละตัว (ในกรณีที่ผู้ออกไม่มีการผิดนัดชำระหนี้) ทำให้นักลงทุนอาจจะไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงนั่นเอง
2. ความเสี่ยงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้น:
แม้ว่าหุ้นอาจจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็แลกมาด้วยกับความผันผวนที่สูง เพราะหากเปรียบเทียบแล้วการซื้อหุ้น คือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นในบริษัท ดังนั้นถ้ามีข่าวด้านลบ หรือกำไรของบริษัทลดลง เราก็อาจจะต้องรับความเสี่ยงขาดทุนในที่นี้ด้วย แต่ในขณะที่ลงทุนในตราสารหนี้นั้น เราจะเข้าไปเป็นสถานะเจ้าหนี้ของบริษัทต่าง ๆ
ดังนั้นบริษัทจึงมีภาระผูกพันธ์ที่จะต้องชำระหนี้คืนให้กับเรา รวมไปถึงเมื่อบริษัทเกิดปัญหา หรือวิกฤต ก็มีหน้าที่ในการหาเงินทุนมาคืนเจ้าหนี้ก่อน เช่น เมื่อบริษัทเกิดปัญหาจนขาดสภาพคล่อง ตราสารหนี้ระยะสั้นก็อาจจะโดนผลกระทบได้ แต่เนื่องอายุของตราสารสั้นกว่าระยะยาว จึงอาจเกิดการไถ่ถอนตราสารหนี้ได้ทันท่วงทีกว่าตราสารหนี้ระยะยาวในบางกรณี
🙌 แล้วถ้าเราสนใจกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น — มีกองทุนไหนที่น่าสนใจบ้างนะ? วันนี้ KTAM คัดกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นมาให้พิจารณาแล้ว ประกอบด้วย
1. กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (KTSTPLUS)
ความเสี่ยงของกองทุน: 4
นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยเฉลี่ยอายุตราสารไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ อาจมีการพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของ NAV
เหมาะกับใคร: เนื่องจากกองทุนมุ่งเน้นลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากในระยะ 3 เดือน – 1 ปี เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ชอบความผันผวน รวมทั้งไม่ต้องการเสียภาษีจากการลงทุน ไม่ว่าจะซื้อ หรือขายกองทุนรวมเมื่อเทียบกับบัญชีเงินฝากทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3Vn9vfx
2. กองทุนเปิดกรุงไทย ธนทรัพย์ พลัส (KTPLUS)
ความเสี่ยงของกองทุน: 4
นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในเงินฝาก หรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ อาจมีการพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของ NAV
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้นตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและกองทุนตลาดเงิน
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/4dWpOr7
3. กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น (KT-ST)
ความเสี่ยงของกองทุน: 4
นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก หรือตราสารอื่นๆ ที่มีคุณภาพ โดยเฉลี่ยอายุไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ อาจมีการพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 40 ของ NAV
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้นตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและกองทุนตลาดเงิน
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3yJHS7K
สรุปแล้ว ✍️
สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุน หรือผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อหาจังหวะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นนั้นถือกองทุนที่ตอบโจทย์ เพราะโดยปกติแล้วผลตอบแทนมักจะสูงกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป อีกทั้งการลงทุนไม่เสียภาษีในส่วนของดอกเบี้ย มีความผันผวนและความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น นอกจากนี้ตลาดของตราสารหนี้ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ทำให้ในปัจจุบันนักลงทุนจึงเลือกลงทุนในตราสารหนี้กันอย่างแพร่หลาย
(ที่มา: All of the World’s Money and Markets in One Visualization, สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 10 ก.ค. 2567)
หากใครกำลังมองหาโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทน รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากนัก กองทุน KTSTPLUS, กองทุน KTPLUS และกองทุน KT-ST อาจเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายในการลงทุนได้ 💪
ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย 📱
ดาวน์โหลด
สอบถามหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร. 02-686-6100 กด 9
คำเตือน กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ยกเว้น KT-ST มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน) ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
โฆษณา