26 ก.ค. เวลา 05:43 • ข่าว

จากโทษจำคุก..สู่แดนประหาร

พลิกปูมคดีฆาตกรรมโหดนักเรียนนายร้อยที่สยองที่สุดของมาเลเซีย
13
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา ศาลมาเลเซียได้พิพากษาประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ อดีต 6 นักศึกษา ด้วยข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาที่ทำให้ ซุลฟาฮาน อุสมาน บิน ซุลการ์ไนน์ นักเรียนนายร้อยจากมหาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรมาเลเซีย วัยเพียง 21 ปี ถึงแก่ความตาย หลังจากต่อสู้ในชั้นศาลมานานถึง 7 ปีเต็ม
28
เป็นคดีที่ศาลมาเลเซียยอมรับว่าเป็นกรณีความรุนแรงที่หายากที่สุดคดีหนึ่ง จากการกระทำที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมที่สุดเท่าที่ศาลเคยเห็นมา ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสังคม และเป็นหน้าที่ศาลที่ต้องยุติการกระทำไม่ได้เกิดขึ้นอีก
3
จึงนำไปสู่การรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ และกลับคำพิพากษา จากโทษจำคุก 6 ผู้ต้องหาเป็นเวลา18 ปี เป็นประหารชีวิตในวันนี้
3
ผู้ต้องหา 6 คน จากอดีตนักศึกษา แต่วันนี้กลายเป็นนักโทษประหารวัย 28 ปี ได้แก่
1. มูฮัมหมัด อัคมาล ซูไฮรี อัซมาล
2. มูฮัมหมัด อาซามุดดิน แมด โซฟี
3. มูฮัมหมัด นาจิบ โมฮัมหมัด ราซี
4. มูฮัมหมัด อาฟิฟ นัจมูดิน อาซาฮัต
5. โมฮัมหมัด โชบีริน ซาบรี
6. อับดุล ฮาคีม โมฮัมหมัด อาลี
1
ทั้งหมดเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย Universiti Pertahanan เป็นผู้ร่วมกันลงมือทำร้ายร่างกาย และทรมานเหยื่ออย่างรุนแรง ด้วยเตารีดไอร้อนอย่างสาหัสนานถึง 2 วัน ด้วยเหตุจากแล็บท็อปเพียงเครื่องเดียว
5
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2017 ณ โรงพยาบาลเซอร์ดัง ในรัฐสลังงอร์ ของมาเลเซีย ได้แจ้งข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนนายร้อยทหารเรือชั้นปี 3 ของมหาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ให้กับทางต้นสังกัดทราบ ซึ่งพบว่าเขาเสียชีวิตแทบจะทันทีที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากบาดแผลถูกไฟลวกพุพองอย่างรุนแรงถึง 80% ทั่วร่างกาย ไม่นับร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายด้วยของแข็งอีกนับไม่ถ้วน
6
ที่เศร้ากว่านั้นคือ ซุลฟาฮาน ไม่ได้เสียชีวิตโดยทันที แต่เขาต้องทรมานจากบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายมานานหลายวัน กว่าจะมีคนส่งตัวมาโรงพยาบาล แต่ก็ช้าเกินไปแล้ว เขาขาดใจตายเสียก่อน
2
พ่อ และแม่ของ ซุลฟาฮาน มารับศพลูกชาย ผู้เป็นความหวังของครอบครัวด้วยหัวใจที่แตกสลาย และยิ่งรับไม่ได้เมื่อเห็นบาดแผลที่ถูกทำร้ายทั่วร่างกายอย่างโหดเหี้ยม และยับเยินเกินเยียวยา
2
ทางการมาเลเซียเริ่มคดีทันที โดยการอายัดตัวนักศึกษาจำนวน 36 คนในหอพัก UPNM’s Jebat Hostel มาสอบสวน ได้ความว่า มีแล็บท็อปเครื่องหนึ่งของนักศึกษาหายไป โดยสมาชิกในหอสงสัยว่านาย ซุลฟาฮาน เป็นคนขโมยไป แต่เขาไม่ยอมรับ กลุ่มนักศึกษาจึงจับตัวมากักขังไว้ในวันที่ 21 พฤษภาคม และรุมทำร้ายเขาเพื่อบีบให้เขารับสารภาพ แต่ ซุลฟาฮาน ยังคงปฏิเสธ
4
ทัณฑ์ทรมานอย่างโหดเหี้ยมจึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยการใช้เตารีดเหล็กร้อนนาบลงบนผิวหนังของเขา แล้วลากเป็นแผลยาวตั้งแต่ลำตัว ลามถึงต้นขา ไม่เว้นแม้แต่อวัยวะในร่มผ้า ล้วนถูกจี้ด้วยเหล็กร้อน จนเกิดแผลพุพองสาหัสทั่วร่างกาย นอกจากนี้ยังมีร่องรอยการถูกทุบตีด้วยของแข็ง ถูกมัดด้วยสายยาง
4
แน่นอนว่า ระหว่างที่มีการลงทัณฑ์ ซุลฟาฮาน กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เพื่อนร่วมหอไม่หยุด จับเขาจี้ไฟด้วยเตารีดนานถึง 2 วัน และทิ้งเขาไว้อย่างนั้น โดยไม่มีใครพาไปหาหมอจนอาการโคม่า และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในวันที่ 1 มิถุนายนนั่นเอง
2
หลังการสืบสวน ตำรวจตัดผู้ต้องหาในหอพักจาก 36 คน เหลือ 18 คน ที่เข้าข่ายร่วมกระทำความผิด โดยนักศึกษา 6 คน ที่ระบุว่าเป็นคนยุยง และลงมือทำร้ายร่างกายซุลฮาฟานโดยตรง ส่วนอีก 12 คน สมรู้ร่วมคิด
หลังจากต่อสู้คดีมานานหลายปี ศาลสูงมาเลเซียได้ตัดสินให้จำเลย 6 คน ต้องโทษจำคุก เป็นเวลา 18 ปี ด้วยความผิดในข้อหาฆ่าคนโดยไม่เจตนา ส่วนอีก 12 คน ถูกจำคุก 3 ปี ในข้อหาสมรู้ร่วมคิด
4
ทางฝ่ายจำเลยทั้ง 6 คน ยังไม่พอใจในคำตัดสินของศาล พวกเขาขอยื่นอุธรณ์ที่ศาลรัฐบาลกลางเพื่อสู้คดีต่อ ขอลดโทษจำคุกจาก 18 ปี เหลือแค่ 12 ปี โดยพิจารณาว่าพวกเขาเป็นเพียงนักศึกษาที่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์
5
เมื่อจำเลย 6 คนไม่ยอมสำนึกผิด อัยการก็จัดให้ โดยยื่นคำร้องถึงศาลอุทธรณ์ขอรื้อคดีใหม่ ด้วยความผิดอาญามาตรา 302 สำหรับคดีฆาตกรรมร้ายแรงที่โทษตั้งแต่จำคุก 30 ปี ไปจนถึงประหารชีวิต และโบยอีก 12 ที
3
หลังจากผู้พิพากษาหลัก พร้อมคณะกรรมการร่วมอีก 3 คน ได้พิจารณาคำร้องใหม่ที่มีความยาว 93 หน้า นานถึง 3 ชั่วโมง ก็มีความเห็นว่า คดีนี้มีรูปแบบการกระทำความผิดอย่างโหดร้าย ที่หาได้ยากมาก (ไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน) เป็นความรุนแรงที่ไม่ควรเป็นเยี่ยงอย่างแก่สังคม จึงกลับคำตัดสินจากเดิมจำคุก 18 ปี เป็นประหารชีวีตด้วยการแขวนคอ รวมถึงผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 12 คน ปรับโทษจำคุกจาก 3 ปี เป็น 4 ปี
17
หลังจากได้ฟังคำตัดสินใหม่ พ่อและแม่ของซุลฟาฮาน ถึงขั้นคุกเข่าคำนับศาล ศีรษะจรดพื้น พร้อมกล่าวว่านี่คือความยุติธรรมที่พวกเรารอคอยอย่างเจ็บปวดมานานถึง 7 ปี นับตั้งแต่วันที่พวกเขาไปรับศพลูกชายที่โรงพยาบาล และเชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนใดทำใจได้เมื่อเห็นสภาพร่างกายของลูกชายในวันนั้น
10
เป็นอีกหนึ่งคดีที่ชาวมาเลเซียติดตามมากที่สุด ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน และ สถาบันการศึกษาที่นับวันจะรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นคดีฆาตกรรมสยอง ด้วยฝีมือของกลุ่มนักศึกษาอายุแค่ 21 ปี ที่ไม่มีเศษเสี้ยวของความเมตตาในหัวใจของพวกเขาเลย
8
ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาอาจได้รับการปกป้องโดยสถานะของความเป็นนักศึกษา เป็นวัยที่ยังอ้างได้ว่า "ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย" แต่พอเวลาผ่านไป สังคมก็ได้รู้ว่าไม่อาจลวงตาด้วยคำว่า นักศึกษา ได้อีกแล้ว
6
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
2
แหล่งข้อมูล
โฆษณา