26 ก.ค. เวลา 10:14 • ปรัชญา

เสียงที่เราพูดเราคุยนั้น มันมาจากไหน

เราศึกษาอย่างนี้ไปก่อน ..ที่ศีรษะเราเนี่ยนะ ที่กลางกระหม่อมเราเนี่ย เหมือนเรดาร์ หรือ เหมือนดาวเทียม เป็นคนเก็บข้อมูล และคนเก็บคนส่ง แต่เป็นลำโพงเฉยๆ เป็นดาวเทียมที่โลกนี้เค้ามีกันอยู่เนี่ย แล้วมันมาจากไหน เสียงที่พูดเนี่ย เสียงที่พูดเนี่ย
เราไปสังเกต เสียงที่ออกไป เสียงที่พูดเนี่ยมันมาจากไหน มันมาจากลิ้น หรือลมหายใจ หรือ ตรงไหน อ้อ..มันมาจากแม่ทั้งสี่ แม่ทั้งสี่ก็ปล่อยเป็น.. ระลอกคลื่นไปสู่ ดาวเทียมที่บนศีรษะเรานี้ ก็ไหล ลงมาที่ ..ที่ตามช่องที่ ..ที่เรากำหนดไว้ เป็นอณู..ไหลออกมาเป็นเสียง ..เสียดสีกันขึ้น เป็นสีขึ้น เป็นแสง แล้วก็เป็นเสียงออกมา เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่พูดอยู่เนี่ย มันขึ้นโน้น อยู่ที่บนหัวสมองโน้น แล้วก็มันไหล ลงมาอีกที..เป็นคำพูด.. ลองไปศึกษาดูนะ เป็นอย่างนี้จริงมั้ย
ฉะนั้น ..เพื่อให้ศึกษาเรื่องอะไร ทำไมต้องไปศึกษา เพื่อจะรู้ว่า หูของเราเนี่ย ไปฟัง เสียงมาเนี่ย ส่งไปจิต จิตส่งไปให้แม่ทั้งสี่จริงมั้ย เมื่อเราสอบสวนได้ความต่างๆดีแล้วเนี่ย คราวนี้ เกิดความกลัวซิ ทำไอ้นั้น ก็แม่ทั้งสี่บันทึกๆ ดินฟ้าอากาศบันทึกๆ ทำดี..ดีกว่า จะกราบพระทั้งที่ กราบให้สวนงาม..ทำดีไม่รีบร้อน ช้าๆ ดูกิริยา..คนทีเจ้าชอบ พูดกัน โอ้ย..อย่างขุนนางเชียว เดินเนิบนาบๆ พระกราบไหว้ ยกมือไหว้
เหมือนกับ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเลย.. เอามั้ง..เราอยากจะเป็นเหมือนกัน ..แต่เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่มาเพื่อ..น้อมเข้ามา ..ทำได้..มันก็ ..เหมือนคนเกิดมาเนี่ย ปรุงแต่งขึ้นมา ทำให้ปรุงไปถึง อารมณ์ของเรา ไอ้ความที่รีบร้อนต่างๆเนี่ย หรือ ความโกรธ ความเมาอะไรต่างๆ ก็ให้เป็นทานไป แล้วมันก็ ค่อยๆ ถึงแม้มีโมโห ..ค่อยๆหยุด แล้วก็ ไม่หุนหันรุนแรง เหมือนกับที่เคยทำ เนี่ยกายมันสอนจิตให้กระทำ แล้วก็ค่อยๆทำขึ้น..
โฆษณา