26 ก.ค. เวลา 14:56 • ความคิดเห็น
อริยสัจ4กับขันธ์5 คุณว่าความหมายเหมือนกันไหมครับ ?
คำถามนี้ถูกลบ
เรื่องอริยสัจ 4 แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางที่ เดินสร้าทุกข์ อีส่วนหนึ่งเป็นเส้นทาง ที่จะหนีทุกข์ ยุติการเกิด
สองข้อ แรก เรื่องราวทุกข์ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ต้องไปมีรูปขันธ์ห้า รูปหมูหมากาไก่ สัตว์ต่างๆ ไปอยู่ในรูป ที่ไม่เห็นด้วยสายตา นั่นก็คือชีวิต ..ของคนเรา ที่เป็นปุถุชน อยู่กับอารมณ์ ก็ไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักว่า อารมณ์นั่น นำพาจิต ไปสร้าง ไปใช้กายวาจาใจด้วยอารมณ์กรรมต่างๆ เป็นตังยิ่งใหญ่ อิจฉาตาร้อนตาร้อน เบียนเบียน คนนั้นคนนี้ ..สัตว์เล็กสัตว์น้อยมากก่ายกอง
..มีการคล้องเวรกรรม จองเวรห้ำหั่นกัน ทำลายกัน ขัดขวางกัน ก็ด้วยอารมณ์โลภโกรธหลง ที่จิตนั่นใช้ เป็นนิสัย ..ลึกลงไปในธาตุทั้งสี่ ที่ประกอบกายสังขาร ปั้นรูปขันธ์ขึ้นมา ก็เป็นธาตุของกรรมที่ปั้นปรุงแต่งขึ้นมา มันจึงเดินอยู่ในเส้นทางของกรรม ที่ว่า สัตว์โบกย่อมเป็นไปตามกรรม
สองข้อหลัง เป็นเรื่องของการสร้างบุญบารมี หนีกรรม ..ชำระสะสางกรรม ให้กรรมนั้น เกิดเป็นการอโหสิกรรม ..มีการใช้กายของคุณบิดามารดา ที่จิตอาศัยในเรือนกายนั่น นำกายที่บิดามารดาให้มา ..นำมาใช้ให้เกิดเป็นคุณให้แก่จิต ..มีความกตัญญูรู้คุณของธาตุนะโม ที่ให้จิตอาศัย
จ้ตที่อาศัยกาย ก็ใช้ธาตุนะโม ..นี้ในลักษณะที่เกิดเป็นบุญกุศล ..เหมือนว่า ทำกายกรรม นั่นมาให้เป็นกายของบุญ . เมื่อมีกายเป็นบุญ กรรมที่จะขัดขวาง ในการสร้างบุญกุศล ..ก็บรรเทาลงไป สามารถนำกายนี้ มาประพฤติปฏิบัติธรรมในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ รอยของการยืนเดินนั่งนอนของพระ ให้กายและจิตไม่มีอารมณ์ มีความนิ่งเฉยได้
..นั่นเป็นเรื่องราวที่จะไปขัดกาย ขัดจิต ขัดขันธ์ทั่งห้า วิญญาณทั้งหก ให้สะอาดหมดจดบริสุทธิ์ ธาตุทั้งสี่ที่ประกอบเรือนกายก็บริสุทธิ์ เรืองรองด้วยแสงรัตนะธรรม ทำไปจนถึงไม่มี เหตุให้ต้องเกิด ..ยุติการเกิด ที่จะไปมีรูปนั้น รูปนี้อีก ..
..เรื่องของกายแก้ว ก็เป็นเรื่่องที่เรา เรายากจะเข้าถึง เพราะเป็นเรื่องของจิตที่เกิดมาสมัยต้นพุทธกาล มีบารมีมาเต็มองค์ มาฟังธรรมครั้งสุดท้าย ชำระสะสาง กายวาจาใจทั้งหมดให้มาเป็นธรรม ยุคนี้ก็ล่วงเลย มาจนกึ่งพุทธกาล จึงยากที่จะหาพบเพื่อที่จะ ฟังธรรมจากจิตของพระที่ท่านปฏิบัติธรรม จงสำเร็จได้ ..ว่าท่านมีอุบายอย่างไรในการประพฤติปฏิบัติธรรม..ในการเข้าถึงธรรมด้วยจิตของท่าน..จนจิตนั้นพ้นทุกข์ เป็นจิตของพระ..ยุติการเกิด ไม่ตีองเกิดในสามโลกจักรวาล .
เรื่องขันธ์ห้า นั่นเป็นเรื่องของการที่เรามีกาย มีรูปเกิดขึ้นมา รูปที่ตาเราเห็น ที่เป็นรูปธรรม ส่วนที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ พวก เวทนาสุขทุกข์ สัญญาหมายรู้จดจำ สังขาร..อารมณ์กรรมต่าง ที่ปรุงแต่ง เป็นส่วนที่เป็นนามธรรม วิญญาณทั้งหก หูตาจมูกลิ้นกายใจ ..ที่สัมผัสรูปรสกลิ่นเสียงอะไรต่างๆ ..เรื่องราวของขันธ์ห้า ที่ประกอบขึ้นมาจากธาตุนะโม ธาตุทั้งสี่ที่สะสมกรรมกันมาเอง
..ส่วนนี้ ..เมื่อมีชีวิต..ขันธ์ทั้งห้า ก็มีมา ..เป็นไปในลักษณะ ที่ไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ตลอดเวลา ที่มีชีวิต ..ด้วยกรรมที่ปรุงแต่งขึ้นมา ..กรรมนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง มันมาจากตรงไหน ..มีการสะสมกรรมกันไว้ที่ไหน ..นั่นก็ต้องเรียนรู้จักขึ้นมา โดยอาศัยเรือนกายที่จิตนั่นอาศัย ที่จะเป็นการเรียนรู้จักของจิต ที่จะรู้จักอารมณ์กรรตัวกระทำ แล้วก็สลัดอารมณ์กรรมนั่นออกไปได้ .เรื่องนี้ เป็นเรืรองของจิต ที่จะใช้กายมากระทำในสองข้อหลังของอริยะสัจจ์สี่ ที่ใช้เวลากันเป็นชาติๆ
หากเราศึกษาให้ดี รู้จักเรื่องราวของภพภูมิ รู้จักเรื่องราวของจิตที่เป็นนามธรรมบ้าง ที่เค้าสนใจอยากฟังธรรม เช่นคนธรรพ์ คนลับแล ..เราจะยิ่งเห็นความสำคัญในการที่จิตมีกายเป็นมนุษย์ มีโอกาสที่ได้สร้างบุญกุศลบารมี จิตที่เป็นนามธรรม เทพอินทร์พรหม เค้าไม่มีกายแบบมนุษย์ ..เค้าได้แต่อนุโมทนา ..เค้าฟังธรรมเก็บไว้ ที่ธาตุทั่งสี่ของเค้า .เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ เค้าก็สามารถ ..นำกายมาสร้างบุญกุศลบารมีได้เลย
โฆษณา