27 ก.ค. เวลา 03:25 • ไลฟ์สไตล์

คือพระอรหันต์นี่ ท่านมีสติตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง

อย่างพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า สติปัฎฐาน ๔ สำหรับปุถุชนทั่วไป บุคคลทั่วไปเขาก็เจริญไปเพื่อจะรู้ตามความเป็นจริงของกาย เวทนา จิต ธรรม แต่พระโสดาบันเขาเจริญสติปัฎฐาน ๔ เพื่อเขาจะรอบรู้ในกาย เวทนา จิต ธรรม ส่วนพระอรหันต์เขาสติปัฎฐาน ๔ เหมือนกันเห็นภาพไหม เพราะเขาอยู่กับความจริงว่ามันไม่มีตัวตนในกาย เขาก็เลยพรากจิตออกไปจากกายว่าไม่มีเขาในร่างกาย ไม่มีเขาในร่างกาย ไม่มีคนอื่นในร่างกาย เขาจะไปก่อกรรมได้ไหมละ ก็เป็นนิพพาน นี่ไง เห็นภาพไหม
อันนี้สติ สติที่หลวงพ่อบอกนี่ ก็คือการที่อยู่กับหลักฐานความเป็นจริง ใช่ไหม ก็ต้องดูว่าอะไรคือความจริง แต่จะรู้จากความจริงก็ต้องมีเหตุผล
ทีนี้เหตุผลข้างใน โครงสร้างข้างในมันละเอียดเพราะมันอาศัยการเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ไง ว่าที่บอกว่าอวิชชาเป็นปัจจัยก็เพราะมันไปปรุงแต่ง และถ้าละอวิชชาได้แล้วมันก็ปรุงไม่ได้อย่างนี้
แต่พระโสดาบันเขาละอวิชชาไม่ได้เพราะกำลังเขาไม่พอ คือการละอวิชชาก็ต้องละด้วยอรหัตมรรค อรหัตผล ศีลจะต้องบริบูรณ์ สมาธิบริบูรณ์ ปัญญาบริบูรณ์ ๓ อย่าง แต่พระโสดาบันเขาแค่มีศีลบริบูรณ์ แต่สมาธิกับปัญญา เขาแค่พอประมาณ เห็นไหม คือเขาไม่ได้มีสมาธิตั้งมั่นทั้งวัน เขาทำสมาธิได้นิดหน่อย ปัญญาเขาก็ไม่ใช่ว่าบริบูรณ์ทั้งวันอย่างนี้
อย่างที่พวกเราเห็นช่วงขาดสติก็ทุกข์อย่างนี้ อ้าว ไม่น่าโง่เลย ก็คืออวิชชาก็คือโง่ไง คือไปปรุงไม่ดีขึ้นมา เคยรู้สึกไหมว่า “เออ ไม่น่าโง่เลย เมื่อกี้” และพอไปเช็คที่มันโง่ก็เพราะอะไรเมื่อกี้ อ๋อ ก็เพราะขาดสติ ขาดสติเพราะอะไรก็เพราะทิ้งฐานนี่ไง คือทิ้งฐานเมื่อไหร่ก็ขาดสติเมื่อนั้น ก็คือทิ้งหลักฐาน ฐานคือหลักฐาน อย่างเช่นหลวงพ่อบอกว่าไม่มีตัวตนในเล็บอย่างนี้ ภาวนาไม่มีตัวตนในเล็บอย่างนี้ เห็นไหม อย่างนี้อยู่กับหลักฐานพอฟังหลวงพ่ออย่างนี้ มันก็ฟังแล้วมีเหตุผล ก็มีเหตุผลปั๊ปมันก็มีสติขึ้นมานี่ไง
🙏🙏🙏
จากพระธรรมเทศนาหลวงพ่ออำนาจ โอภาโส
รับฟังฉบับเต็มได้ที่: 200620 อาหารของสติ
ภาพ พระมหาปรินิพพาน และ พระพุทธชินราช (จำลอง) วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร
โฆษณา