27 ก.ค. เวลา 09:02 • ธุรกิจ
เซี่ยเหมิน

EP2/3 : Business trip @ Xiamen (Day 3&4 : Gulang Yu & Nanputuo Temple เกาะเปียโนและวัดหนานผู้โถว)

-เกาะเปียโน-
เริ่มออกเดินทางขึ้นรถบัส 8.30 โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึงท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะกู่ลั่ง ระหว่างรอ น่าจะมีพี่สาวชาวจีนที่นั่งด้านหลังเห็น Passport เรา เลยพูดขึ้นมาว่า ซาหวัดดีค่า เราก็เลยหันกลับไปทักทายเล็กน้อย ก่อนที่จะถึงเวลาขึ้นเรือพอดี
เรือที่เรานั่งเป็นเรือ 2 ชั้น ไม่มีแอร์ ด้วยความที่ชั้นล่างของเรือคนแน่นมาก เรากับพี่ในทีมอีกคนจึงพากันขึ้นไปบนชั้น 2 เพื่อพบว่าแน่นพอกัน 5555 แต่สุดท้ายก็หามุมยืนได้ แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนมาก เนื่องจากมีแดด บวกกับลมทะเลให้เหนียวตัว แต่ก็ถือว่าได้เก็บบรรยากาศ และรูปภาพนิดๆหน่อยๆพอได้เป็นของฝากให้ตัวเองในอนาคต
ออกเดินทางโดยเรือ
เมื่อมาถึงเกาะเปียโน เราได้นั่งรถกอล์ฟเพื่อเยี่ยมชมทั่วทั้งเกาะ โดยที่นี่จะไม่มีการใช้รถยนต์ในการเดินทางเลย ผู้คนท้องถิ่นล้วนแต่ใช้วิธีเดิน จุดแรกที่เราแวะจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่มาของเกาะเปียโน โดยวิทยากรมีการบรรยายถึงประเทศไต้หวัน รวมถึงตระกูลหวั่งหลี ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ที่คนไทยรู้จัก ก็มีต้นตระกูลมาจากที่นี่เช่นกัน
จุดขึ้นรถกอล์ฟ
พิพิธภัณฑ์ที่ประวัติศาสตร์ของเกาะเปียโน
เราแวะตามที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์เปียโน, ร้านชานมแมวดำ และเยี่ยมชม Walking street เล็กๆที่มีร้านขายของฝากอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์เปียโน
Walking street @ Gulang Yu
-โชว์โรงละครที่ไม่ได้คาดหวัง-
คณะทัวร์เดินทางมาถึงโรงละครประมาณ 1 ทุ่ม ทางไกด์บอกไว้ว่า ตั๋วที่ซื้อ ไม่จำเป็นต้องนั่งตามที่นั่ง ให้นั่งกระจายๆให้สบายตามอัธยาศัย
พอเข้าไปถึง ก็ตกใจ เพราะห้องแสดงคือใหญ่มาก แบบมากกกกก แล้วมีแค่คณะทัวร์ของพวกเรา ประมาณ 30 กว่าคน ในห้องที่จุได้เป็นหมื่นคน
ก่อนเริ่มของโชว์ จะเป็นการเกริ่นความเป็นมา มีเสียงวิทยากรจากลำโพงบรรยายเป็นภาษาจีน
พอเข้าเริ่มโชว์ เราได้ยินเสียงหวูดเรือ พร้อมกับนักแสดงกำลังทำท่าขับสมอเรือ และแท่นที่นั่งผู้ชมค่อยๆหมุนไปทางขวา 45องศา เพื่อเปลี่ยนฉาก (ก็เริ่มอึ้งตั้งแต่ตอนนั้นแหละ ว่าเห้ย มันไม่ธรรมดานะ บ้านเราไม่มีแบบนี้)
การแสดงนี้เหมือนเป็นการเล่าความเป็นมา ประวัติการสร้างเมืองเซียะเหมิน สงครามกับไต้หวัน การอพยพของเด็กหนุ่มสาว ที่ต้องจากลากับพ่อแม่ที่แก่ชราเพื่อการตั้งรกรากใหม่ เติบโต มั่งคั่ง เจริญรุ่งเรือง และงดงาม
ในฐานะที่บ้านเราเป็นคนไทยเชื้อสายจีนทั้งฝั่งพ่อและแม่ ก็รู้สึกร่วมด้วยไม่ยาก เพราะอากงเรา ก็หนีสงครามและความยากไร้มาจากซัวเถาเช่นกัน เป็นการจากลาโดยไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้จะได้กลับมาบ้านอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งคนจีนในยุค 1980+ หรืออากงอาม่าใครที่เดินทางจากจีนโพ้นทะเลมาตั้งรกรากใหม่ก็คงจะพอเข้าใจได้ โชว์ที่อลังการนี้ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความรักครอบครัว รักชาติ ของชาวจีน และเพราะรากฐานแนวคิดแบบนี้จากรุ่นสู่รุ่น จีนจึงยังคงเป็นแผ่นดินใหญ่ได้ในปัจจุบัน
ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรม เซี๊ยะเหมิน
Day 4 : วัดหนานผู่โถว เจ้าแม่กวนอิม และพระสังกระจาย
-วัดหนานผู่โถว-
จากกำหนดการเดิมที่จริงๆจะต้องไปวัดกันตั้งแต่เมื่อวาน แต่ด้วยความที่กิจกรรมเมื่อวานค่อนข้างแน่น จึงทำให้ทางไกด์เปลี่ยนมาเป็นวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
โดยในวันนี้ เราเริ่มจากเก็บสัมภาระ เตรียมตัวกลับบ้าน พบว่าควรเอากระเป๋าใบใหญ่กว่านี้มาเผื่อใส่ของด้วย (เนื่องจากเป็นวัยรุ่น Popmart เยอะไปหน่อย ได้มาหลายจุ่ม) โดยยังไม่ได้รวมของฝากจากการไปเยี่ยมโรงงานอีกด้วย เมื่อสัมภาระเรียบร้อยก็ลากกระเป๋ามาไว้รวมกันตรงล็อบบี้ ทานข้าวเสร็จพวกเราก็ทยอยกันขึ้นไปประจำที่นั่งบนรถบัส ไกด์ท้องถิ่นวันสุดท้ายที่บรรยายบนรถบัสเป็นไกด์ผู้หญิง มาแทนไกด์คนเดิมซึ่งมีภารกิจอื่นจึงบอกลากันตั้งแต่เมื่อวาน โดยไกด์ก็ได้บรรยายความเป็นมาเกี่ยวกับวัดต่างๆ
ไม่นานรถก็พามาถึงวัดหนานผู่โถว ก้าวลงจากรถมา ได้สัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงใช้ได้ วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนมากๆ และมีความชื้นสูง จึงทำให้เป็นวันที่เหงื่อออกเยอะสุดๆ เมื่อทำการฉีกตั๋วที่ได้รับแจกจากคณะทัวร์เรียบร้อย พวกเราก็เดินเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณสำหรับไหว้สักการะ โดยเราเดินวนทวนเข็มนาฬิการอบลานโล่ง ซึ่งตามแนวกรอบลานจะมีพระเจ้าองค์ต่างๆกันไป จริงๆก็คล้ายๆกับวัดจีนที่ไทยอยู่เหมือนกัน พอเดินไปสุดเราก็ได้พบกับห้องแอร์ที่ขายของฝาก ก็ได้กลับมาคนละชิ้นสองชิ้น
วัดหนานผู่โถว เป็นหนึ่งในวัดพุทธที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ เซี่ยเหมิน สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง มีความงดงามและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่าพันปี ที่ประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม เทพเจ้าแห่งความเมตตา และหอประไตรปิฎกที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับพุทธศาสนานับพันฉบับ รวมถึงพระพุทธรูป, งาช้าง และอีกมากมาย
Nanputuo Temple
และแล้วก็สิ้นสุด Agenda สุดท้ายของทริปนี้
ได้ทั้งความรู้ รวมไปถึงได้สำรวจบรรยากาศใหม่ๆที่ต่างเมือง พร้อมด้วยได้รับมิตรภาพดีๆกลับบ้านอีกด้วย ถึงเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากๆสำหรับเรา
ขอบคุณผู้อ่านที่ตั้งใจรับชมกันนะคะ แล้วเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสในการมาแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจอีกต่อๆไป
โฆษณา