28 ก.ค. เวลา 00:55 • ปรัชญา

🍀 พ่อครูสั่งสมการไม่สะสม(รายงานการอาพาธของพ่อครู มีนาคม 67)

☀️ พ่อครูสั่งสมการไม่สะสม
18 มีนาคม 2567 พ่อครูสนทนากับปัจฉาฯตอนเช้าบางตอน...
พ่อครูว่า... แล้วคุณก็ไปเอาสแตนดาร์ดของคนทั่วไปมาวัดอาตมา ก็วัดไปพูดไป มันจะไปถูกหรือ? อาตมาว่า อาตมาปฏิบัติกับตนเองเป็น Normal ของตนเอง แล้วความ Supra Normal ของอาตมาที่ได้ มันชอบอย่างนี้ แล้วก็ฝึกอย่างนี้ แล้วก็ใช้ประมาณอย่างนี้ อาตมา input output ตามประสาไป มันก็ได้อย่างงี้ๆๆ
แต่ที่คนก็ยากจะเข้าใจได้ คือมันเป็นการ “สั่งสมการไม่สะสม” สั่งสมความสูงสุดคือ “สั่งสมการไม่สะสม”
พวกที่ Normal ก็เอามาตรฐานสะสมมาให้ อ้าว! ให้สะสมๆ ก็ทรมาน คือมันได้อย่างนึง แต่มันไม่ได้ไอ้อย่างที่ควรจะได้ และก็ยัง? ยังไม่เหมาะใจของผู้ที่ยึดถือมาตรฐานสากลโลก แต่เราบอก เราไม่ใช่มาตรฐานสากลโลก เรามันมาตรฐาน Supra Normal ซึ่งไม่ใช่ ABnormal มันไม่เหมือนสามัญปกติทั่วไป
อันนี้เป็นการเป็นการศึกษา คนจะค่อยๆเข้าใจ อ๋อ! มันมีอย่างงี้ด้วยหรือ ศึกษามันเป็นเรื่องจริง สะสม Supra Normal ได้ คนทั่วไปมันต้องศึกษาด้วย ต้องสะสมด้วย เป็นโพธิสัตว์นี่จะต้องศึกษา
ปัจฉาว่า... งั้นพวกผมจะเอามาตรฐานของปกติไปวัดไม่ได้
พ่อครูว่า...ใช่ ไม่ตรงทีเดียว ให้พวกเราศึกษาไป มันก็จะเป็นได้
🌿 ทำไมพ่อครูพูดว่าน่าจะตายได้แล้ว?
ในการประชุมชุมชน ราชธานีอโศก 19 มีนาคม 2567 ปัจฉาพ่อครูได้รายงานสุขภาพของพ่อครูในช่วงเดือนมีนาคม ไว้ว่า...
ที่พ่อครูท่านพูดว่า “น่าจะไปได้แล้ว” หรือว่า “มันน่าจะตายได้แล้ว” ช่วงเดือนที่ผ่านมาพ่อครูพูดให้คนใกล้ชิดได้ยินแทบทุกวัน วันละหลายรอบ เพราะร่างกายมันผุพังไปมาก มันไม่อยู่ในสภาพที่พระโพธิสัตว์ระดับ 7 จะต้องใช้ มันไม่ได้อย่างที่ๆควรจะได้ ซึ่งมาตรฐานของพ่อครูที่จะใช้ร่างแบบไหนทำงาน มันไม่เหมือนกับมาตรฐานของเรา
ซึ่งพ่อครูไม่ได้ดูเฉพาะอาการเจ็บป่วยครั้งนี้ แล้วตัดสินเลย
แต่ท่านประเมินองค์รวมทั้งหมด ว่าถ้าจะไปแล้วก็กลับมาต่อ มันน่าจะดีกว่าถูไถอย่างไปอย่างนี้ มีหมอหมอเบียร์(นพ.พงพัฒน์)จาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ที่ได้ดูแลพ่อครูช่วงก่อนหน้านี้ ที่อาพาธด้วยปอดอักเสบคราวที่แล้วน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง
หมอเบียร์ได้ถามพ่อครูว่าทำไมพ่อครูพูดว่าอยากจะตายครับ พ่อครูบอกว่า
1.ก็คือรายงานสภาพความเป็นจริงให้ฟังว่า ร่างกายนี้มันเป็นยังไงควรจะไปแล้ว
2.เพื่อให้ลูกๆได้ทำใจเพื่อพวกเราได้ทำใจคลายความยึดถือว่า พ่อครูจะต้องอยู่กับเราไปตลอด หรือเท่าที่พ่อครูกำหนด 151 หรือ 100 อะไรแล้วแต่มาตรฐานของพวกเราเอง ตามที่ได้ยินได้ฟังมา แล้วก็กำหนดยึดถือไว้ในใจว่าพระครูควรจะสัก 100 นึงหรือเอาสัก 90 หรือเอาซัก 120 หรือเอาซัก 150 คือแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกัน แต่พ่อครูก็คือพูดให้พวกเราคลายความยึดถือ
แล้วร่างกายพ่อครูที่ทรุดโทรมไปมาก มันเกิดจากอะไร? อันนี้ก็ศึกษากันมายาวนานหลายปีแล้ว ซึ่งผู้ช่วยเหลือก็มีแพทย์ทั้งผอ. อดีตผอ.โรงพยาบาล ได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศเลย แม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา ที่วินิจฉัยว่า พ่อครูเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ก็คือแพทย์มือหนึ่งในด้านโลหิตวิทยาของประเทศไทย เขาใช้วิธีเอาเลือดและไขกระดูกพ่อครู ไปตรวจระดับยีน (bone marrow พบ MYD88 mutation เข้า ได้กับ lymphoplasmacytic lymphoma)
จึงได้วินิจฉัยตัดสินว่าเป็นมะเร็งชนิดนี้ คือ Lymphoplasmacytic lymphoma (Walden strom Macroglobulinemia)
ซึ่งอ.หมอที่ดูแลก็ให้ใช้ยามุ่งเป้ารักษาพ่อครู ซึ่งมันไม่ใช่ยาที่กำจัดหรือรักษาให้หายขาด แต่จะช่วยยับยั้งและลดความร้ายแรงของมะเร็งได้อย่างจำเพาะเจาะจง ทำให้คุณภาพชีวิตเป็นปกติได้ อายุยืนยาวได้เหมือนคนปกติ โดยมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัดมาก อ.หมอมีประสพการการใช้มายาวนานได้ และผลดีด้วย
เพราะฉะนั้นยาตัวนี้ใช้มา 2 ปีถามว่าทำให้พ่อครูดีขึ้นไหม ก็จาก 2 ปีที่แล้วเหนื่อยเพลียมาก ตอนแทบทั้งวันเหมือนตอนนี้ แต่ยาก็สามารถทำให้พ่อครูลุกขึ้นมาออกกำลังกายมาเดินงานปลุกเสกฯ ปีที่แล้วยังนำพวกเราเดินแอดเวนเจอร์ได้อยู่
แต่ต่อมาอาการพ่อครูทรุดลงมากตอนต้นปี 2567 เพราะว่าติดโควิด และติดเชื้อในปอด แถมต่อมาน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงอีกจนเป็นเบาหวาน หลายประการเหล่านี้ก็ทำให้พ่อครูทรุดหนักลงมาก
อาการมากที่สุดที่พ่อครูบอกอยู่บ่อยๆ ก็คือความเหนื่อย
ความเหนื่อยของพ่อครูนี่มันเป็นระดับไหน ซึ่งมาตรฐานระดับความเหนื่อยของแต่ละคนไม่เท่ากัน พ่อครูท่านเหนื่อย ขนาดนอนเฉยๆยังพอสบายไม่เหนื่อยมาก แต่ถ้าพูดนี่เหนื่อยแล้ว ถ้าลุกขึ้นมาในท่านั่งก็เหนื่อยมากขึ้นอีก และถ้าฉันอาหารนี่ยิ่งเหนื่อยมากกว่าเดิมอีก วัดได้จากชีพจรที่สูงขึ้นมากนั่นเอง เพราะฉะนั้นสภาพที่พ่อครูพักได้เยอะที่สุด ก็คือการนอน แล้วความเหนื่อยเกิดจากอะไร ทีมแพทย์พยาบาลก็กำลังหาสาเหตุเพิ่มเติมอยู่
🔥 สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ตาย 🌿
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 15.00น.พ่อครูมีนัดไปแอดมิด รพ.สรรพสิทธิประสงค์เพื่อตรวจหาสาเหตุการเหนื่อย ตามการนิมนต์ของคุณหมอเบียร์ เพื่อหาสาเหตุของความเหนื่อยที่พ่อครูมีอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่หลังปีใหม่มา
ตอนเย็นพ่อครูฉันอาหารประเภทน้ำได้เป็นปกติ ก่อนฉัน พ่อครูบอกว่า...ตายก็ตายยาก
ปัจฉาจึงถามว่า ตายจะไปอยู่ไหนครับ?
พ่อครูก็บอกว่าตายแล้วก็ของใครของมัน ไม่มีใครรู้เห็นกันได้ ไปตามกรรม กรรมเป็นของของตนผู้เดียว มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลยจริงๆ
คือมันรู้หรือมันไม่รู้นี่ มันก็อยู่ที่ตัวคนเดียว ถ้ามันรู้มันก็ออก หากไม่รู้ มันก็ไม่รู้ใครจะไปช่วย เป็นเหตุปัจจัยที่ตนเองจะต้องขวนขวายศึกษา ต้องขวนขวายเอาของเก่ามาพัฒนาตัวเอง เหมือนกับเหตุปัจจัยของธรรมชาติที่มันพัฒนาตัวเองขึ้นมาทั้งนั้น
ถ้าเผื่อว่าไม่มีเหตุปัจจัยช่วย มันก็ช้ากว่าแน่
ถ้ามีเหตุปัจจัยช่วยดี ต้องมีอาจารย์ว่างั้นเถอะ ใครๆอย่างนั้นเป็นผู้นำ เป็นเพื่อน มีองค์ประกอบที่จะได้ขึ้นมา พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่ามิตรดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของศาสนา คือความรู้ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้
เช้านี้ 29 มีนาคม 2567 คุณหมอเบียร์ มาเยี่ยมดูอาการพ่อครู บอกว่าอาการเหนื่อยของพ่อครูเกิดจากโลหิตจาง ซึ่งหมอได้แก้ไขภาวะนี้อยู่ พ่อครูก็อาการดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ดูเหนื่อยน้อยลงมาก และจะทำการตรวจหาสาเหตุของโลหิตจางต่อไป
ตอนค่ำพ่อครูมีอาการดีขึ้นสดชื่นขึ้น สีหน้ามีเลือดฝาดมากขึ้น ริมฝีปากมีสีเลือดเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ชีพจรเต้นช้าลง สามารถฉันอาหารน้ำได้ดี หลังฉันก็แปรงฟันด้วย สนทนากับคนรอบข้างได้ ฉันไปก็ฟังธรรมจาก youtube ...พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ แสดงธรรมก่อนฉัน เรื่อง ปาฏิหาริย์ระบบบุญนิยมแก้วิกฤติมนุษยชาติ วันที่ 29 ตุลาคม 2543 ที่พุทธสถานสันติอโศก กรุงเทพฯ ...หลังแปรงฟันก็บอกด้วยเสียงดังว่า นอนๆๆ
เช้านี้ 30 มีนาคม 2567 ที่รพ.สรรพสิทธิประสงค์ พ่อครูอาการดีขึ้นมาก ชีพจรตอนพักสามารถลดลงไปได้ถึง 85 ครั้งต่อนาที ลุกขึ้นมาถ่ายอุจจาระ 1 ครั้งตอนเช้าได้ดี เสียงพูดดูมีพลัง น่าจะดีขึ้นเพราะภาวะโลหิตจางได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นพอสมควรแล้ว ภาวะโปรตีนในเลือดต่ำก็เริ่มเติมอาหารโปรตีนสูงเข้าไปตั้งแต่เมื่อวานนี้
ตอน 07.00 น. พยาบาลถามว่าเป็นยังไงบ้างคะ... พ่อครูบอกว่าสู้ต่อไป สู้ได้ก็อยู่ต่อ สู้ไม่ได้ก็ตาย...
🍀 .... กองงานปัจฉา 30 มีนาคม 2567
โฆษณา