28 ก.ค. เวลา 00:58 • ปรัชญา

🔥 พ่อครูละรูปขันธ์ คืนสู่ดินน้ำ ไฟ ลม ไปสู่ดุสิต 💦

เนื่องด้วยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ท่านได้ใช้รูปขันธ์นี้ทำงานหนักเพื่อกอบกู้ศาสนามากว่า 50 ปี โดยที่ท่านอาพาธด้วยอาการไอเรื้อรังมากว่า 20 ปีเนื่องจากมี มีติ่งโพรงอากาศยื่นออกมาจากผนังหลอดลมใหญ่ (Tracheal diverticulum)ซึ่งรักษาโดยการผ่าตัดไม่ได้, มีจอประสาทตาขวาเสื่อมรักษาโดยการยิงเลเซอร์ทำให้ตาขวาแทบมองไม่เห็นแสง ส่วนตาข้างซ้ายเป็นต้อกระจก, มีโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง(รักษาโดยการฉันยามุ่งเป้ามาตั้งแต่ปี 2565), มีโรคมะเร็งผิวหนังที่น่องขวา(ได้รับการผ่าตัดจนหายแล้ว)
เดือนมกราคม 2567 พ่อครูอาพาธเป็นโรคโควิดมีอาการไม่มากและรักษาจนหายติดเชื้อโควิดอยู่ที่บ้านราช แต่ก็ทำให้พ่อครูมีอาการเหนื่อยง่ายและภาวะร่างกายอ่อนแอลง
เดือนกุมภาพันธ์ 2567 พ่อครูมีภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในปอดจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์สามารถรักษาจนหายติดเชื้อแล้วได้กลับมาอยู่ที่บ้านราช แต่หลังจากนั้นพ่อครูก็มีภาวะเหนื่อยง่าย ฉันอาหารไม่ค่อยได้ ฉันได้น้อยลงเรื่อยๆ จนที่สุดฉันได้แค่อาหารประเภทน้ำ
เดือนมีนาคม 2567 พ่อครูมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หลังออกจากโรงพยาบาลแม้จะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้ว แต่อาการเหนื่อยและฉันอาหารไม่ได้ก็ยังคงอยู่
☀️ พ่อครูเปรยกับปัจฉาว่า จะรีบตายรีบมาเกิดใหม่ เพื่อสืบต่อศาสนา 🍀
กลางดึก คืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องทำงานพ่อครู(พ่อครูจำวัดที่ห้องทำงาน)
พ่อครูว่า… ปากมันแห้ง ดื่มน้ำก็เฝื่อน รสไม่ไหว
ปัจฉาว่า… น้ำเปล่าไม่น่ามีรส
พ่อครูว่า… รสเฝื่อน รสอะไรก็ไม่รู้ ไม่ไหว น้ำมะม่วงน้ำมะผึ้งอะไรเขา เออค่อยยังชั่วขึ้นมา รู้สึกว่าโอ้โหนานมากเลยนะนี่ จะเจอรสนี้
ปัจฉาว่า… ใช้หลอดดูดไหมฮะ จะได้ไม่ต้องมีเข้าลิ้นเท่าไหร่ ดื่มน้อยเดียว
พ่อครูว่า…โอ้ย คำนวณแล้ว สรีระมันก็ไม่ไหวแล้ว มันควรตายจริงๆ ตายดีกว่าที่จะอยู่ต่อ ตายแล้วรีบมาเกิด อย่างไรก็ต้องมาเกิดอีกอยู่ เพราะว่ามันไม่ไหวหรอก ศาสนาพุทธยังไปไม่ได้ถึงไหนเลย
🍀 อาพาธ ครั้งสุดท้ายของพ่อครู
วันพฤหัสบดี ที่ 28 มีนาคม 2567 พ่อครูไป admit ที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ด้วยอาการเหนื่อยมาก และแพทย์ได้ตรวจพบว่ามีโลหิตจางมาก จากภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร คณะแพทย์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ได้ให้การรักษาพ่อครูจนร่างกายฟื้นฟูได้พอสมควร แต่หากจะรักษาต่อไป อาจต้องใช้การรักษาที่เข้มงวดมากขึ้น
🍀 พ่อครูเลือก...ตาย
พฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 ทีมงานแพทย์นำโดย นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ นพ.สุรินทร์ ธนพิพัฒนาศิริ นพ.พงษ์พัฒน์ พิมพ์สะ(หมอเบียร์) และคณะปัจฉาพ่อครู ได้มากราบเรียนถามแนวทางที่พ่อครูจะให้พวกทีมแพทย์รักษาอย่างไร
หมอเบียร์ว่า...ก็คือถ้าการรักษาในปัจจุบันนะครับหลวงปู่ ถ้ามีอย่างในตอนนี้ ที่เราประเมินสถานการณ์ครับ
อย่างที่ 1 เลยก็คือ การให้การรักษาแบบเต็มที่ครับ ก็จะมีการรักษาโดยหลวงปู่อาจจะต้องให้มีการติดตามอาการที่เข้มงวด แล้วก็ดูแลแบบใกล้ชิดกว่านี้ ซึ่งการรักษาตรงนั้นอาจจะต้องเป็นที่ ICU ครับ
อันที่ 2 ก็คือการที่เราอยู่ที่ห้องพิเศษตรงนี้ แต่ว่าคืออาจจะเป็นการช่วยเหลือในการบรรเทาอาการต่างๆ ที่ทำให้หลวงปู่มีอาการเหลือน้อยที่สุด ไม่รบกวนการที่จะทำให้หลวงปู่ เกิดความไม่สุขสบายมากที่สุด อันนี้ก็สามารถทำได้ที่ ที่ตรงนี้ที่เราอยู่กันได้ครับ
ส่วนในทางที่ 3 ก็คือถ้าที่วัด ทางทางโรงพยาบาลเรามีทีมในการที่จะดูแลหลวงปู่ เช่นเดียวกันกับที่นี่มีบุคลากรทางการแพทย์ดูแลให้เหมือนกัน อุปกรณ์ต่างๆยาต่างๆสามารถดูแลหลวงปู่ได้เหมือนกันซึ่งการรักษาตรงนี้ก็คือเราจะมีเป้าประสงค์เพื่อที่จะทำให้หลวงปู่ไม่เกิดความไม่สุขสบายในร่างกายมากที่สุด โดยอาจจะมีการปรับยาช่วยหรือว่ามีการใช้เครื่องมือบางอย่างช่วย แต่จะไม่ใช้เครื่องมือบางอย่างที่ทำให้หลวงปู่เกิดความไม่สุขสบายในร่างกายเลยครับ
ก็จะมี 3 ทางที่พอจะเป็นทางให้หลวงปู่ได้เมตตาพิจารณา ก็คือทางเรานะครับทำได้ทุกอย่างเลยครับหลวงปู่ เอาตามที่หลวงปู่มีเจตจำนงว่า อันไหนที่ทำให้หลวงปู่เกิดความรู้สึกว่า มันดีที่สุดแล้วก็มีความสบายใจที่สุดนะครับ ทางเราสามารถที่จะทำให้ได้
ส.แสนดิน...อันนี้พวกผมปัจฉาแล้วก็ทีมหมอ คือยังไงสุดท้ายต้องให้พ่อครูตัดสินใจ สามทางนี้ อันที่ 1 อันที่ 2 อันที่ 3 พ่อครูจะเลือกเอาอันไหนครับ
พ่อครูว่า... ตาย...ตาย
หมอสุรินทร์...ตายที่ว่านี่พ่อครูคิดว่าจะตายที่โรงพยาบาลหรือว่าที่วัดครับ
พ่อครูว่า... ที่ไหนก็ได้
หมอเบียร์ว่า...คือถ้าหลวงปู่อยากจะให้ผมไม่ทำให้หลวงปู่ไปรบกวนมากครับหลวงปู่ บางทีเช่นการต้องดูออกซิเจนตลอด วัดความดันอย่างงี้ ผมอาจจะลดการวัด ลดอะไรให้หลวงปู่ไม่ต้องเจ็บหรือว่าต้องมานั่งฟังเสียงมันตลอดเวลาครับ จะได้แบบไม่ ไม่รำคาญ
อันที่ 2 ยาบางอย่างที่มันอาจจะไม่จำเป็นกับหลวงปู่ ผมก็อาจจะขออนุญาตเอาออก เอาที่ยาที่จำเป็นที่สุดกับหลวงปู่พอนะครับ แล้วก็ยาที่มีลดอาการต่างๆที่ทำให้หลวงปู่ไม่สุขสบาย ก็อาจะมีการเพิ่มให้สักนิดหน่อย เพื่อ ที่จะให้หลวงปู่ไม่เหนื่อยมากขึ้นครับ
หลวงปู่มีความเห็นว่ายังไงครับ
พ่อครูว่า... ตามควร ขอบคุณมาก
ทีมแพทย์กราบลาพ่อครู....
🍀 พ่อครูสลายรูปขันธ์ คืนสู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม
ภายหลังจากคณะแพทย์ได้รับทราบแนวทางจากพ่อครู ในวันที่ 4 เมษายน 2567 ก็ได้รับการรักษาแบบประคับประคอง ให้พ่อครูมีเวทนาทางร่างกายให้มีความทรมานน้อยที่สุด พ่อครูเองก็ปฏิเสธการฉันอาหารและน้ำดื่ม มีเพียงแต่ผู้ดูแลใช้ผ้าซับน้ำเช็ดริมฝีปากและบีบน้ำให้พ่อครูพอชุ่มคอไม่ทรมานจากอาการปากแห้งคอแห้งเป็นระยะเท่านั้น
สังเกตว่าหลังจากทีมแพทย์และพยาบาลเปลี่ยนแนวทางการรักษาจาก Intensive care(การดูแลแบบเข้มข้น) ไปเป็น Paliative care(การดูแลแบบประคับประคอง) พ่อครูดูหลับพักผ่อนได้สบายขึ้น ยาวนานขึ้น เป็นไปตามประสงค์ของพ่อครูที่ได้พูดมาตลอด
สัปดาห์สุดท้าย พ่อครูงดฉันอาหารและไม่ได้รับสารอาหารและเพิ่มเติมทางเส้นเลือด แม้แต่ออกซิเจนทางจมูกพ่อครูก็ปฏิเสธเป็นระยะๆ คือพ่อครูไม่รับธาตุ ดิน น้ำ และลดลมคือออกซิเจนลงไปเรื่อยๆ และส่วนใหญ่พ่อครูก็จะนอนหลับหรือเข้าภวังค์ไปเป็นส่วนใหญ่ จะมีตื่นขึ้นมารับรู้ภายนอกแล้วก็พักหลับหรือเข้าภวังค์ไป
แต่พ่อครูมีภาวะร่างกายที่มีเม็ดเลือดแดงแตก จากการเติมเลือดเนื่องเพื่อแก้ไขภาวะโลหิตจางจากเลือดออกในทางเดินอาหารตอนเร่ิมเข้ามา Admit ที่รพ.ครั้งนี้ ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกทำให้เกิดสารสีเหลืองชื่อบิลิรูบินเพิ่มขึ้นสูง ทำให้พ่อครูตัวเหลืองตาเหลืองจากบิลิรูบิน และทำให้เกิดอาการคันตามร่างกาย
พ่อครูจึงใช้มือเกาที่ใบหน้า แขนขา และตามตัวเป็นระยะ รวมถึงทำให้พ่อครูมีอาการขบฟันโดยไม่รู้ตัวเป็นระยะๆ
คุณหมอเบียร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลแบบประคับประคอง ได้มาปรับให้ยาเพื่อให้พ่อครูลดอาการคัน ลดการขบฟัน ทำให้พ่อครูมีทุกขเวทนาทางร่างกายลดลง
🍀 7 เมษายน 2567 เวลา 05.45 น. พ่อครูพูดขึ้นมาว่า กุญแจอยู่ไหน ลูกกุญแจ หากุญแจไม่เจอ? อยู่แถวนี้ .... แล้วก็นอนหลับพักต่อ ส.แสนดินจึง ถามว่า หากุญแจไม่เจอ คือกุญแจตายหรือเปล่าครับ กุญแจตายทางร่างกาย.... พ่อครูพยักหน้าใช่
05.47 น. พ่อครูพูดว่า...ไป ไปเถิดไป?
ส.แสนดินถามว่า ไปไหน พ่อครูว่า ไปเถิดไป...
ส.หนักแน่นถามว่า ไปบ้านราชหรือเปล่า?
พ่อครูส่ายหน้า....บอกว่า ไป ไปเถิดไป ไปรอดๆๆๆๆ หากหัวใจเธอจริงพอ
06.25 สมณะเดินดิน โทรมาถามว่า จะมาเยี่ยมพ่อครูดีไหม หรือจะเป็นการรบกวนพ่อครู พ่อครูตอบว่า...ไม่ ไม่ต้อง
ปัจฉาว่า...ไม่ต้องมา เดี๋ยวพ่อท่านจะไปหาเองใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า... พยักหน้า แล้วพ่อครูก็ไอต่อ
พ่อครูว่า...ตาย
ปะใบลานว่า...เมื่อกี้นี้พ่อท่านว่าจะกลับไม่ใช่หรือคะ
พ่อครูว่า... วันตาย ...หมอน...(ขอหมอนแล้วนอน)...นอน
08.20 น. วันนี้พ่อครูเอาผ้าเช็ด หน้า เช็ดมือ ยกแขนเอง บอกให้พ่อครูยิ้ม ก็ยิ้มได้ทันที จนพวกเราประหลาดใจว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้น เหมือนมีปาฏิหาริย์ ปัจฉาจึงถามว่า เป็นเพราะอะไร ทำไมวันนี้ พ่อครู เหมือนมีพลังพิเศษเกิดขึ้น...หรือ มี เทวดามาบอกอะไร พ่อครูบอกว่า ทำไมคุณ ยังเทวนิยมอย่างงี้ 55
19.02 น. ทีมดูแลเรียนถามว่า มีรายการคุณหนึ่ง จักรวาล มาบ้านราช กำลังสัมภาษณ์เรื่องงานเพลงพ่อครู พ่อครูสนใจจะชมหรือไม่ พ่อครูพยักหน้า ทีมงานจึงเปิดรายการจากแท๊ปเล๊ตให้พ่อครูชม สักครู่ปัจฉาแสนดินมาจึงเชื่อมสัญญานเข้า smart ทีวี ดูรายการสัมภาษณ์ต่อเนื่องได้
ระหว่างดู พ่อครูถามว่า คุณหนึ่งชื่ออะไรกันแน่ เพราะในทีวี ปชส.เห็นเขียนจักรวาล จึงเรียนว่า หนึ่ง ชื่อเล่น จักรวาลชื่อจริง เลยเรียกกัน หนึ่ง จักรวาล ระหว่างสัมภาษณ์ปฏิบัติกร มีช่วงที่พวกเราบอกไม่ขายบัตร มีโรงบุญแจกอาหาร พ่อครูเสริมว่า มันยากทุกอย่างที่ไม่ให้มีเงิน ท้ายรายการคุณหนึ่ง จักรวาล ร่วมกันนร.สัมมาสิกขา ศิษย์เก่าและชาวอโศกทุกคน พร้อมใจกันร้องเพลงบูรณภาพ เสร็จแล้วพ่อครูยิ้มบอกว่า เขาเต็มใจ(เลยเป็น 1 เดียวกัน)
20.50 น. พ่อครูลืมตาขยับตัว ส.แสนดินถามว่า พ่อครูไหวไหมครับ พ่อครูส่ายหน้า และถามว่าพ่อครูจะรับออกซิเจนไหม...พ่อครูพยักหน้า...จึงใส่ออกซิเจนไฮโฟลวให้ พ่อครูก็บอกว่า....เพราะมันวนหลายล้านๆๆๆๆๆๆชาติ วนจนรู้ว่าถึงตรงนี้มันก็กลับมาที่เดิม และเราจะต่อไปได้ ส.แสนดินถามว่า เราจะไม่ต่อได้ไหมครับ...พ่อครูว่า...เราก็ไม่ต่อ
🍀 8-9 เมษายน 2567 พ่อครูนอกจากจะงดรับอาหารและน้ำแล้วก็ยังลดการใช้ออกซิเจนทางจมูกลงไปเรื่อยๆ โดยพ่อครูจะใช้มือหยิบสายออกซิเจนออกจากจมูกเป็นระยะ โดยปัจฉาฯก็ได้เรียนถามพ่อครูว่าจะรับออกซิเจนไหม พ่อครูก็จะส่ายหน้าปฏิเสธได้อยู่เป็นระยะ
ระยะสองวันนี้พ่อครูทั้งที่ไม่ได้รับน้ำและอาหาร แต่จะมีปัสสาวะออกมามากต่อวัน และสังเกตุว่าเนื้อหนังของพ่อครูเร่ิมเหี่ยวลีบลงตามแขนขามากขึ้นเรื่อยๆ และพ่อครูจะเข้าภวังค์มากขึ้น ตื่นมารับรู้ภายนอกน้อยลงไปเรื่อยๆ ทีมปัจฉา ทีมแพทย์และพยาบาลทั้งที่โรงพยาบาลและที่วัด ผลัดกันมาช่วยทำให้พ่อครูมีทุกขเวทนาทางร่างกายให้น้อยที่สุดตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน
🍀 10 เมษายน 2567 วันนี้มีญาติโยม ศิษย์เก่า หลายคณะมาเยี่ยมตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนพ่อครู มาเซ็นเยี่ยม กราบระลึกถึงพ่อครูหน้าห้อง ได้พบสนทนากับปัจฉาและสมณะที่มาดูแลพ่อครู เป็นความอบอุ่นที่ได้มาเจอกัน มีความเป็นพี่เป็นน้อง ได้มาสนทนาธรรมที่พ่อครูสอน ในยามที่ต้องทำใจในสิ่งที่ทุกคนกำลังเผชิญกันอยู่
19.00 น. หมอเบียร์มาเยี่ยม และก็มาปรับยาให้พ่อครูลดการกัดฟันลง
หมอเบียร์บอกว่า ช่วงนี้หลวงปู่จะรับรู้ได้หมด แต่จะตอบสนองไม่ได้เต็มร้อย แต่จะได้ยิน สัมผัส รู้เรื่องหมดเลย เราก็จะแก้ปัญหาเรื่องที่ทำให้พ่อครูทรมานร่างกายให้เหลือน้อยที่สุด
หมอเบียร์ถามพ่อครูว่า หลวงปู่ยิ้มให้ดูหน่อย...พ่อครูก็ฉีกยิ้มให้อย่างดีเลย หมอเบียร์ว่าหลวงปู่เก่งมากเลย ...พ่อครูก็พยักหน้า ...หมอให้ยาช่วยเนาะหลวงปู่ จะได้ไม่เหนื่อยไม่ปวดนะหลวงปู่
หมอเบียร์ได้บอกว่า...ช่วงเวลาสุดท้ายนี้บอกระยะเวลาไม่ได้ แล้วแต่คน แต่เป็นหลักอาทิตย์ ไม่ถึงเป็นเดือน ธาตุดินน้ำไฟลมจะค่อยๆเสื่อม แต่ละช่วงจะลดการรบกวนอะไรได้บ้าง น้ำก็ค่อยออกไป ปอดจะได้ไม่แฉะ ดินก็ค่อยๆยุบลง ลมก็จะค่อยๆลด ไฟธาตุก็จะค่อยๆบางเบา ย้อนกลับคืนสู่ธาตุทั้ง 4 เพราะเรายืมเขามาชั่วคราว .... ช่วงนี้ให้ท่านรับรู้ในสิ่งที่ทำให้สบายใจ ชวนคุย เป็นต้น ท่านก็จะรับรู้ได้
หมอโชติมาเยี่ยมก่อนนอน เอาฟันยางมาให้พ่อครูใส่ตรงฟันด้านบน เพื่อให้พ่อครูกัดฟันแล้วไม่บาดเจ็บ ปรากฏว่าใส่แล้วหลวม หมอโชติจึงนำฟันยางไปต้มที่คลินิกแล้วดัดให้เข้ารูปก่อนมาให้พ่อครูสวม ซึ่งต้องกลับไปดัดที่คลินิกถึงสองรอบจึงพอดีกับปากและฟัน
🍀 11 เมษายน 2567 เป็นวันที่ 15 ที่พ่อครูมา Admit ... คืนวานนี้พ่อครูพักได้ตลอด มีขยับปากขึ้นลงแต่ไม่กัดฟัน มือไม้ขยับไปมาเป็นระยะ หายใจเสียงดังมีกรนเป็นระยะ มือดึงสายออกซิเจนออกเป็นระยะ ตั้งแต่ 21.00 เป็นต้นมาพ่อครูไม่มีปัสสาวะออกมาเลย มีเหงื่อออกตามตัวตามมือเท้าตลอด
02.44 น. ส.แสนดิน สังเกตุเห็นใบหน้าพ่อครูยิ้มทั้งหน้าตา ทั้งปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยิ้มถึงดวงตา อย่างชัดเจน 2 รอบ
ช่วงหลังจากนี้ สังเกตว่าชีพจรที่แขนพ่อครูเบาลงไปเรื่อยๆ ชีพจรที่เท้าก็เบาลงไปเรื่อยๆจนแทบจับชีพจรไม่ได้ พ่อครูมีการลืมตาเป็นส่วนใหญ่ แต่ดูเหมือนจิตจะอยู่ในภวังค์ตลอด จะมีสลับไปหลับตาบ้างบางครั้งเล็กน้อย การหายใจของพ่อครูก็ช้าลงไปเรื่อยๆเช่นกัน
04.50 น. พ่อครูหายใจมีเสียงดังครอกๆ มีภาวะการหายใจแบบหิวอากาศ(Air Hunger)แต่ไม่มาก ปลายมือปลายเท้าเร่ิมเย็นลง จับชีพจรที่ข้อมือได้เบามาก ได้ 105 ครั้งต่อนาที วัดออกซิเจนในเลือดได้ 63% ในอากาศของห้อง การหายใจก็ช้าและเบาลงเรื่อยๆ
05.00 น. วัดออกซิเจนปลายนิ้วมือไม่ขึ้นเลย จับชีพจรข้อมือแผ่วมาก แต่จับชีพจรตรงข้อพับแขนได้แรง 102 ครั้งต่อนาที แต่พ่อครูก็ลืมตาและขยับมือไม้ไปมาเล็กน้อยได้อยู่
06.29 น. พยาบาลมาวัดความดันโลหิตที่แขนวัดแต่ไม่ขึ้นแล้ว พ่อครูก็หายใจช้าลงไปเรื่อยๆ ชีพจร 59 ครั้งต่อนาที วัดออกซิเจนในเลือดไม่ขึ้น พยาบาลบอกว่าจะไปแจ้งหมอเบียร์ให้ทราบเรื่อง
06.33 น. พ่อครูหายใจช้าลงเรื่อยๆ แต่ตาก็ยังลืมอยู่ ส.ฝนธรรมจึงใช้มือปิดเปลือกตาพ่อครูลง เพื่อให้พ่อครูได้พักเต็มที่
06.35 น. พ่อครูหายใจช้าลงไปเรื่อยๆ และหยุดหายใจไปตอนประมาณ 06.40 น.
พยาบาลวัดชีพจรพ่อครูไม่ได้แล้ว ส.แสนดิน ขานเวลามรณภาพของพ่อครู ... “พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ในเวลา 06.40.10 น. วันพฤหัสบดี 11 เมษายน 2567”
ขอน้อมส่งพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ไปสู่ดุสิต ไม่นานนะครับ ก่อนกลับมาทำงานสืบสานศาสนาต่อ ผมลูกๆทั้งหลาย จะรักษาการ จะไม่ยอมให้สิ่งที่พ่อท่านทำเสื่อมลงไป จะทำให้เจริญยิ่งๆขึ้นนะครับ
กราบขอบพระคุณพ่อครู ที่ได้ช่วยให้พวกกระผมได้พ้นทุกข์ขึ้นมาได้เป็นลำดับ น้อมนมัสการกราบลาพ่อครูด้วยนะครับ ...
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ (รัก โพธิรักขิโต)
ชาตะ : วันอังคาร ที่ 5 มิถุนายน 2477
มรณะ : วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567
สิริอายุ : อายุ 89 ปี 10 เดือน 6 วัน
อุปสมบท : วันที่ 7 พฤศจิกายน 2513 รวม 53 พรรษา 5 เดือน 4 วัน
...กองงานปัจฉาพ่อครูสมณะโพธิรักษ์
#รู้อารมณ์ให้ชัด_กำจัดดูดผลักรักชัง_เพิ่มพลังการให้การรับใช้_ยอมแพ้ได้แม้ไม่ผิด
โฆษณา