28 ก.ค. เวลา 00:59 • ปรัชญา

🌿 9 เรื่องสุดท้ายของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ 🍀

.
ก่อนที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์จะได้ละสังขารจากพวกเราไปในวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 นั้น พ่อครูท่านได้ทำเรื่องสุดท้ายไว้หลายเรื่อง คณะปัจฉาพ่อครูได้เรียบเรียงมา เป็น ภาพจำที่ต้อง“จำ”! ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ไว้ทั้งหมด 9 เรื่องด้วยกันคือ
.
1. เพลงสุดท้ายของพ่อครู(เพลงบูรณภาพ)
2. หนังสือเล่มสุดท้ายของพ่อครู(หนังสือเกิดมาชาตินี้)
3. ลงไปเยี่ยมลูกๆครั้งสุดท้ายของพ่อครู
4. ข้อเขียนสุดท้ายของพ่อครู(การพิพากษาของพระเจ้า)
5. เทศน์เป็นทางการครั้งสุดท้ายของพ่อครู(มาฆบูชาพุทธาภิเษกฯครั้งที่ 48)
6. โอวาทสุดท้ายของพ่อครู(สั่งสมการไม่สะสม)
7. การรับบริจาคครั้งสุดท้ายของพ่อครู
8. รอยยิ้มสุดท้ายของพ่อครู
9. สัญลักษณ์สุดท้ายของพ่อครู(เลข 8 บนเชิงตะกอนถวายเพลิง)
.
1. เพลงสุดท้ายของพ่อครู(เพลงบูรณภาพ)
พ่อครูสนทนากับปัจฉาและโยม ตอนเช้าวันที่ 14 มกราคม 2567
.
พ่อครูว่า... บูรณภาพ บูรณะมันแปลว่าเต็ม สมบูรณ์ ภาวะ ภาพบูรณภาพ ภาพ คือสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่นี่มันต้องเต็ม เพราะฉะนั้นมันจะไม่เต็ม มันจะพร่องไม่ได้ เต็ม หมายความว่าไม่โอเวอร์เลยนะ เต็มนี่หมายความว่าไม่เกินด้วย เต็ม คือต้องพอเหมาะพอดีสัมบูรณ์ นอกจากนั้นแล้วจะต้องเสถียรด้วย ต้องพยายามจะให้เสถียรนะ ต้องระมัดระวังทุกมิติทุกมุมทุกประเด็นทุกเหลี่ยมอย่าให้พร่อง อย่าให้เปลี่ยนแปลงเสียสภาพไป ต้องบูรณภาพอยู่ตลอดทุกวินาที และเป็นอสงไขยก็คือเป็น Forever
.
และก็หมายถึงชาติ ประเทศด้วยหมายถึงอิสรเสรีภาพที่เรียกว่า ไท อิสรเสรีภาพสูงสุดเรียกว่าไท ที่ศัพท์ใช้คำว่าไท แล้วเราก็คำว่าไทย ที่หมายถึงประเทศด้วย เพราะมีทั้งสระไอ ไม่มี ย.ยักษ์ กับสระไอที่มี ย.ยักษ์ แล้วมีไท้ด้วย มีไท้ที่แปลว่าพระเจ้าแผ่นดิน มีหมดทั้งไท้ ทั้งไทยมี ย.ยักษ์ ทั้งไทไม่มี ย.ยักษ์ อยู่ในนั้นหมดครบ
.
เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ต้องเกิดนะ มันก็แปลก มันก็มาอย่างไม่หวือหวา แต่ดูท่าทีมันจะไปหวือหวา ว่าแล้วมันก็แปลกๆหลายๆอย่างมีอะไรที่ไม่เหมือนใคร และแปลกอีกอย่างนึงก็คือ ร้องง่ายเด็กเล็กใครเราร้องได้หมด ผู้ใหญ่ร้องอย่าเต็มที่ยังโชว์ขนาดไหนก็ได้ ร้องได้เล็กๆน้อยๆก็ได้ มันแปลกมันครบมันรวมเอาหมดทุกอย่าง เด็กร้องได้ผู้ใหญ่ร้องดี คนปวดท้องร้อง ร้องก็หายทันที ได้ทุกเพศทุกวัย เป็นยาที่บูรณภาพ
.
เพลงบูรณภาพหลวงปู่เป็นเพลงสุดท้ายแล้ว เลิกแต่งเพลงแล้ว บูรณภาพเป็นตัวจุดสุดแล้ว เป็นผู้ที่มาซ่อมแซมมาทำให้เต็มทำให้สมบูรณ์ ทำให้เกิดการบูรณะให้บริบูรณ์ให้ได้อยู่ตลอด เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่บกพร่องสิ่งที่ต้องซ่อมแซมโดยธรรมชาติหรือโดยมนุษย์นี้ทำให้มันเสื่อม ทำให้ฉิบหายลงไป เราก็จำเป็นที่จะต้องบูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุงให้มันสมบูรณ์ ให้มันบริบูรณ์
.
2. หนังสือเล่มสุดท้ายของพ่อครู(หนังสือเกิดมาชาตินี้)
ในเดือนกันยายน 2566 พ่อครูได้เทศนาถึงหนังสือเกิดมาชาตินี้ไว้ว่า... ใช่ อาตมาเป็นสมณะที่มีปฏิสัมภิทาญาณ ที่แสดงออกมานี้ อาตมาพูดเหมือนคนหน้าไม่อาย..แหม คุยตัวเอง มันเป็นสัจจะมันไม่ได้อาย มันไม่มี มังกุ ไม่ได้เก้อเขิน มันง่ายๆ มันพูดความจริง โดยที่เราไม่มีอะไรต้าน ไม่มีอะไรเป็นเรื่องที่ โต้ต้านอะไรไว้เลย มันไปเต็มที่ สะอาดใจ มันเป็นหนึ่งเดียว
.
มันเป็นเรื่องที่อาตมาได้นำมาพูดมาบอกจนกระทั่งทุกวันนี้ เขียนหนังสือเกิดมาชาตินี้ สารภาพมุมนี้ไม่รู้คนจะเข้าใจได้แค่ไหน คนอาจจะหาว่าอาตมาแก้ตัวก็ได้ ถ้าอ่านหนังสือเล่มนั้นเสร็จ แต่แท้จริงมันเป็นการเปิดเผยสุดแล้ว จำเป็นที่สุดที่อาตมาต้องพูดเช่นนี้ แล้วก็บอกเช่นนี้ แล้วก็อาศัยขยายความที่ละเอียดลึกแถมไป
.
เพราะฉะนั้นใครอ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความลึกละเอียดแถมไป แล้วก็จะบอกสัจจะความจริงว่าอาตมาจำเป็นชาตินี้ ต้องพูดถึงขนาดนี้ ซึ่งเขาถือว่า ผู้ที่สูงหรือผู้ที่ดีแล้วย่อมไม่พูด ย่อมไม่อวดตัวเช่นนี้ แต่อาตมามันต้องอวดตัวเช่นนี้ มันแย้งย้อนแย้งกับสัจจะของโลกที่เขายึดถือผิด ไม่ผิดของเขาหรอกเพราะเขาฐานเขาอย่างนั้น แต่อาตมานั้นเป็นอีกฐานหนึ่ง มันคนละมาตรฐานกัน มันไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน มันก็เลยเข้าใจยาก
.
อาตมาก็ทำงานมาจนถึงวันนี้ ก็เห็นผลงานของตนเอง ก็กำลังจะสรุปผลงานของตัวเอง เกิดมาชาตินี้ นี่กำลังเขียนหนังสือเกิดมาชาตินี้ เขียนว่าจะไม่มาก นี่ปาเข้าไปตั้ง เกือบ 200 หน้าแล้ว แต่ถึงแน่แหละ 200 หน้า ยิ่งยังไม่ได้เอาตารางงานที่ได้ทำมารวบรวม เกิดชาตินี้ทำอะไรบ้าง
.
3. ลงไปเยี่ยมลูกๆครั้งสุดท้ายของพ่อครู
ตอนสายๆวันที่ 18 มีนาคม 2567 ช่วงนั้นพ่อครูอาพาธมากแล้ว นอนอยู่กับเตียงแทบจะทั้งวัน แต่เมื่อมีผู้บริจาครถเข็นไฟฟ้า ซึ่งสามารถใช้นิ้วมือบังคับให้รถวิ่งไปตามที่ต่างๆได้เอง พ่อครูก็ได้ทดลองนั่งแล้วก็ขับรถเข็นเอง และได้นั่งรถเข็นลงลิฟต์ลงมาชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญแล้วก็ขับรถเข็นไปที่โรงครัวเพื่อไปเยี่ยมญาติโยม นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในชาตินี้ที่พ่อครูได้ลงไปเยี่ยมลูกๆ
.
4. ข้อเขียนสุดท้ายของพ่อครู(การพิพากษาของพระเจ้า)
ชาวเทวนิยม คือคนที่มีความรู้“วนหมุนจากซ้ายไปขวา” ทิศเดียวตาม “รูปธรรม” ที่มีกันในเอกภพมหาจักรวาลนั้นเป็น“ความรู้”อย่างเดียวที่เติมโง่ เพิ่มขึ้นๆเป็นปฏิภาคทวีไปตลอดกาล
.
จึงไม่สามารถจัดการ กับความเป็นจิตนิยามของตน ให้“สูญสลายกลายเป็นดินน้ำไฟลม” โดยไม่กลับมาเกิดเป็น“จิตนิยาม”อีก หรือแม้แค่“จบกิจ”สำเร็จ“เที่ยงแท้”เป็น“นิยตะ” ในความเป็น“กรรม”หรือ“กาล”ได้เลย
.
“ความเป็นอัตภาพของจิตวิญญาณ”ที่มีแต่“เฉโก” จึงมีแต่เพิ่ม“ความรู้ที่หมุนวนจากซ้ายไปขวา”เป็น“รูปธรรม” คือ“เฉโก” กันอยู่เท่านั้น
.
ยังไม่เป็น“นามธรรม”คือ“ปัญญา” ที่เป็น“ความรู้”ที่หมุนทวนกระแสของ“เฉโก”กันได้สำเร็จ
.
นี้คือ“ความจริงสมบูรณ์แบบ” ทั้งรู้ทั้งสัมผัสได้ด้วย “ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ” ของความเป็นคน ที่ยืนยันต่อกันและกันอย่างไม่ลึกลับ จึงชื่อว่า “ความรู้”และ“ความจริง” ที่เป็น“พระเจ้าแท้”
🍀 พ่อครู ลุกมาเขียนบนที่นอน 01.39 - 02.00 น. วันมาฆบูชา 24 กุมภาพันธ์ 2567 บ้านราชเมืองเรือ
.
5. เทศน์เป็นทางการครั้งสุดท้ายของพ่อครู(มาฆบูชาพุทธาภิเษกฯครั้งที่ 48)
พ่อครูได้เทศนาออกอากาศสดทางบุญนิยมทีวีเป็นครั้งสุดท้าย ในรายการธรรมะภาคค่ำวันมาฆบูชา 24 กุมภาพันธ์ 2567 งานพุทธาภิเษกฯครั้งที่ 48 ไว้ตอนหนึ่งว่า...พ่อครูว่า... ขณะนี้ออกอากาศอาตมานั่งอยู่บนชั้น 4 ญาติโยมนั่งมาฆบูชากันอยู่ที่ข้างล่างชั้น 1 ในขณะนี้ยังถ่ายทอดกันอยู่เลย
.
สมณะเดินดิน... ข้างล่างบอกว่าตอนนี้วิญญาณพวกเราก็ส่งไปชั้น 4 หมดแล้วครับตอนนี้
พ่อครูว่า... พูดถึงจุดที่ว่าเด็กนักเรียนคือเด็กอายุ 10 กว่าปีไม่ถึง 20 ปีมีเยอะ เด็กๆพวกนี้คือเป็นสายเลือด เป็น DNA ของพระพุทธเจ้า ที่จะพูดได้ด้วยพยัญชนะ ส่วนใครจะเป็นเนื้อแท้ของจิตวิญญาณ DNA แท้ๆจริงๆเลย มันก็อยู่ที่มวลของปริมาณของจิตวิญญาณ ของจิตเจตสิกต่างๆ ซึ่งมันก็จะต้องมีความยินดีตามมูลสูตร 10 ของพระพุทธเจ้า มีความยินดี จิตมันยินดีจริงๆเลยนะ มันแปลความเป็นภาษาไทยกันหมดแล้ว ความยินดี มันเป็นมูลสูตรข้อที่ 1
.
6. โอวาทสุดท้ายของพ่อครู(สั่งสมการไม่สะสม)
เช้าวันที่ 18 มีนาคม 2567 พ่อครูสนทนากับปัจฉาฯตอนเช้าบางตอน...
.
พ่อครูว่า... แล้วคุณก็ไปเอาสแตนดาร์ดของคนทั่วไปมาวัดอาตมา ก็วัดไปพูดไป มันจะไปถูกหรือ? อาตมาว่า อาตมาปฏิบัติกับตนเองเป็น Normal ของตนเอง แล้วความ Supra Normal ของอาตมาที่ได้ มันชอบอย่างนี้ แล้วก็ฝึกอย่างนี้ แล้วก็ใช้ประมาณอย่างนี้ อาตมา input output ตามประสาไป มันก็ได้อย่างงี้ๆๆ
.
แต่ที่คนก็ยากจะเข้าใจได้ คือมันเป็นการ “สั่งสมการไม่สะสม” สั่งสมความสูงสุดคือ “สั่งสมการไม่สะสม”
.
พวกที่ Normal ก็เอามาตรฐานสะสมมาให้ อ้าว! ให้สะสมๆ ก็ทรมาน คือมันได้อย่างนึง แต่มันไม่ได้ไอ้อย่างที่ควรจะได้ และก็ยัง? ยังไม่เหมาะใจของผู้ที่ยึดถือมาตรฐานสากลโลก แต่เราบอก เราไม่ใช่มาตรฐานสากลโลก เรามันมาตรฐาน Supra Normal ซึ่งไม่ใช่ ABnormal มันไม่เหมือนสามัญปกติทั่วไป
.
อันนี้เป็นการเป็นการศึกษา คนจะค่อยๆเข้าใจ อ๋อ! มันมีอย่างงี้ด้วยหรือ ศึกษามันเป็นเรื่องจริง สะสม Supra Normal ได้ คนทั่วไปมันต้องศึกษาด้วย ต้องสะสมด้วย เป็นโพธิสัตว์นี่จะต้องศึกษา
.
7. การรับบริจาคครั้งสุดท้ายของพ่อครู
วันที่ 8 เมษายน 2567 เวลา 06.52 น. ส.ดินไทได้วิดีโอคอลทางไลน์มา เพื่อให้คุณตุ๊กอัศวิน ถวายเงินพ่อครู 1 ล้านบาท และคุณเพื่อ(รักใจ) ถวายที่ดินมรดกให้อีก 2 ไร่ เพื่อให้มูลนิธิได้ทำประโยชน์ต่อไป โดยมีส.เดินดินช่วยรับมอบอยู่ที่บ้านราช พ่อครูก็ตื่นมารับฟังและพูดคุยอนุโมทนากับทางโยมได้ นับเป็นการรับบริจาคครั้งสุดท้ายในชีวิตนี้ของพ่อครู
.
8. รอยยิ้มสุดท้ายของพ่อครู
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 เป็นวันที่ 15 ที่พ่อครูมา Admit รพ.สรรพสิทธิประสงค์ เวลา 02.44 น. ส.แสนดิน สังเกตุเห็นใบหน้าพ่อครูยิ้มทั้งหน้าตา ทั้งปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยิ้มถึงดวงตา อย่างชัดเจน 2 รอบ
.
06.35 น. พ่อครูหายใจช้าลงไปเรื่อยๆ และหยุดหายใจไปตอนประมาณ 06.40 น. พยาบาลวัดชีพจรพ่อครูไม่ได้แล้ว ส.แสนดิน ขานเวลามรณภาพของพ่อครู ... “พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ในเวลา 06.40.10 น. วันพฤหัสบดี 11 เมษายน 2567”
.
9. สัญลักษณ์สุดท้ายของพ่อครู(เลข 8 บนเชิงตะกอนถวายเพลิง)
หลังพ่อครูละสังขาร พวกลูกๆก็ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างลานถวายเพลิง และมีการนำหินทรายที่เป็นก้อนสี่เหลี่ยม มาใช้สร้างเชิงตะกอนสำหรับถวายเพลิง คุณไผ่ใต้ร่มโพธิ์ ได้สังเกตุเห็นหินที่อยู่ก้อนท้ายของเชิงตะกอนมีสัญลักษณ์รูปเลข 8 แนวนอนติดอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นเลข 8 แนวนอนสีน้ำตาล
.
และหลังจากที่หินถูกความร้อนจากการถวายเพลิงพ่อครู สัญลักษณ์เลข 8 แนวนอนก็เปลี่ยนเป็นสีเงิน เป็นข้อสังเกตุได้ว่า พ่อครูซึ่งปางนี้ชาตินี้ได้ประกาศตนว่าเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เป็นสยังอภิญญา มาสืบต่อศาสนาของพระสมณโคดม พ่อครูจะยังไม่ได้ทำปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านยังมีอุดมการณ์จะกลับมาเกิดอีกเพื่อสร้างบารมีเลื่อนระดับเป็นโพธิสัตว์ระดับ 8 ต่อไปอีกแน่นอน
🍀 ​ กองงานปัจฉาฯ 5 มิถุนายน 2567
โฆษณา