28 ก.ค. เวลา 01:01 • ปรัชญา

🍀 เมื่อไม่มีพ่อครู เราจะสืบต่อศาสนากันได้อย่างไร?🍄

🌿 จากพ่อท่านสู่พ่อครู 🍄
พ่อครูทำงานกอบกู้ศาสนามากว่า 50 ปี ตอนแรกๆลูกๆชาวอโศกก็เรียกพ่อครูว่า “พ่อท่าน” ตามที่อดีตสิกขมาตุมาบรรจบ เรียกว่า “พ่อท่าน”เป็นคนแรก พวกเราก็เรียกสรรพนาม “พ่อท่าน”มากว่า 50 ปี ซึ่งเป็นคำเรียกพระเกจิทางใต้ที่คนศรัทธาเยอะ ๆ เรียก “พ่อท่าน” แต่ทางเหนือเรียก “ครูบา” เป็นศัพท์ท้องถิ่นแต่ละที่ แต่เมื่อ12 ปีก่อนพ่อครูละสังขาร ในงานโพชฌังคาริยสัจจายุ ปี 2555 พ่อท่านให้เรียกตนเองว่า“พ่อครู”แทนเพื่อให้ดูเป็นคำเรียกที่ธรรมดามากขึ้นนั่นเอง
ที่บ้านราชเมืองเรือ เร่ิมการอบรมครูดีไม่มีอบายมุข “ครูอารี รับมือโลกเดือดแต่ใจไม่เดือด” รุ่นแรกไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2567 มีครูที่เป็นผู้บริหารมาร่วมอบรม ถามคำถามว่า “ที่นี่บริการกันอย่างไร ทำไมถึงได้ทำงานได้อย่างเป็นระบบระเบียบ มีบุคลากรที่ครบพร้อม และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้สูงสุดอย่างนี้” และยังถามอีกว่า “เมื่อผู้นำสูงสุดจากไปแล้ว ที่นี่ยังดำเนินต่อไปอย่างไร?”
💦 พ่อครูปกครองโดยไม่ปกครอง 🍀
พ่อครูเคยตอบคนที่ใช้นามแฝงว่า 0015 ที่ถามมาในรายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันที่ 21 กันยายน 2561 ว่า...พ่อท่านฯใช้ธรรมะใดปกครองลูกๆชาวอโศกครับ เหมือนการปกครองสมัยพ่อขุนรามฯแบบ “พ่อปกครองลูก”บ้างหรือเปล่าครับ
พ่อครูว่า...อาตมาใช้ธรรมะข้อปกครองโดยไม่ปกครอง คนมารวมอยู่ที่อาตมาเป็นคนที่มาตามลำดับ ระดับที่ดีแน่น ระดับที่หลวงห่างไปหน่อย ระดับที่ห่างไปมากนานทีมาเป็นต้น ผู้มีภูมิธรรมมาใกล้ก็จะถูกขัดเกลามากหน่อย คนที่ห่างไปคือคนที่ถูกขัดเกลาไม่ได้มาก อาตมาเอาคุณภาพก่อน ไม่เอาปริมาณก่อน
🔥พ่อครูมีอำนาจในชาวอโศก แต่ท่านไม่ใช้อำนาจ 🍀
พ่อครูได้กล่าวไว้ในรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ 9 มีนาคม 2561 ไว้ว่า...เราชาวอโศก เป็นประชาธิปไตยที่บริบูรณ์ที่สุด มีเศรษฐกิจสมบูรณ์ที่สุด มีการเมืองระบอบรัฐศาสตร์สมบูรณ์ที่สุด ถึงเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ที่สุด ใครไม่เชื่อก็มาสอบถาม นักวิชาการด็อกเตอร์ระดับไหนก็มาสอบถามได้ว่าเศรษฐกิจของชาวอโศก เศรษฐกิจถึงขั้นสาธารณโภคี ประชาธิปไตยประเทศไหนเขาทำได้ คอมมิวนิสต์ก็ตาม เป็นสุดยอดแห่ง คอมมูนเลยนะ ชาวอโศก
คอมมิวนิสต์ประเทศไหนทำได้อย่างชาวอโศก สมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็ตาม
อาตมามีอำนาจในชาวอโศกนะ แต่อาตมาไม่มีอำนาจเลยในชาวอโศกไม่ได้ใช้อำนาจเลย พวกคุณยกให้อาตมาเองทั้งนั้น แล้วอาตมาก็เกรงใจหลายๆอย่างที่พวกคุณให้อำนาจ อาตมาเองเกรงใจ รู้สึกตัวว่าไม่เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่ คนข้างนอกก็แล้วไป แต่อาตมาอยู่ขณะนี้ ก็เหลือแหล่ ถ้าจะมีอำนาจบาตรใหญ่ก็มีได้เต็มที่ แต่อาตมากลัวคนข้างนอกมองว่าอาตมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ อาตมากลัว ไม่กล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่
ฟังคำว่าอำนาจบาตรใหญ่ก็คงจะรู้ว่าคืออะไร เผด็จการ อาตมาว่าอาตมาไม่ได้ทำแบบนั้น แล้วอาตมาว่านี่คือประชาธิปไตย แล้วอาตมาก็แค่ใช้อำนาจบริหารชาวอโศกด้วยประชาธิปไตย หรือคอมมูนด้วย คอมมูนเป็นสุดยอด ที่เห็นว่านี่คอมมูน
มีคณะบริหาร เป็นคณะบริหารที่ไม่ได้ไปบังคับ
โดยเฉพาะเอาเรื่องภาษี เรื่องการเมืองก็ไปสู่ส่วนกลางเป็นตัวตัดสิน คอมมูนหรือคอมมิวนิสต์ก็ต้องการให้เสียภาษีส่วนกลางให้มาก ประชาธิปไตยก็เหมือนกัน แต่ประชาธิปไตยดูเหมือนเปิดให้ประชาชน มีอิสระเสรีภาพในเรื่องนี้มาก ไม่บังคับกดขี่เท่าไหร่ แต่คอมมิวนิสต์เขาก็บอกว่ากดขี่มาก ออกกฎหมายไม่ให้มีลักษณะนายทุน ออกกฎหมายบังคับอย่างมากเท่านั้นเอง
แต่อาตมาใช้ของพระพุทธเจ้า กองกลาง ได้เหนือกว่า ประชาธิปไตยที่เขามี ได้เหนือกว่าคอมมูนที่เขามี คือในหมู่กลุ่มชาวอโศก ชาวอโศกทำงานฟรีให้กับกองกลาง 100% กินใช้อยู่กับกองกลางเรียกว่าคอมมูน เรียกว่าประชาธิปไตย อาตมาว่าสุดยอด ท่ามกลางสังคมโลกทุกวันนี้
อาตมาก็ทำหน้าที่ดูแล บริหาร อภิบาล ธรรมาภิบาลชาวอโศกอยู่ แล้วก็ได้ขนาดนี้ โดยที่เอากองกลางของสาธารณะ เป็นหลักตัดสิน สมาชิกชาวอโศกให้กับกองกลางอย่างเต็มใจมีอิสระเสรีภาพมากที่สุด จนส่วนใหญ่นี้ ที่เป็นสมาชิกในนี้ ในแต่ละชุมชนหมู่บ้าน ให้หมดเลย เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ อาตมาอธิบายเชิงรัฐศาสตร์ของที่เขาศึกษากัน มันเลยดีกว่ารัฐศาสตร์ที่เขาศึกษากันได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย
ทำอย่างไรให้ประชาชนสมาชิกของกลุ่มนี้สังคมนี้ เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ แล้วก็อยู่บริหารกันอย่างที่เรียกว่ามีคณะบริหารมีคณะกรรมการ มีการประชุมว่าเอาอย่างนี้ๆ ไม่ได้เกิดความเดือดร้อนอะไรเลย มีคณะบริหารดูแลประชุมกัน มีกฎระเบียบ ก็อยู่กันดี
อาตมาว่าอาตมาทำงานบริหาร บริบาล ประชาชนซ้อนอยู่ในประเทศไทย อาตมาทำ แล้วก็เห็นว่าผู้ที่เป็นสมาชิกชาวอโศกยกอธิปไตยให้อาตมา โดยที่อาตมาไม่ได้บังคับปล่อยพวกคุณยกให้โดยสมัครใจ เห็นๆ โดยอาตมาอยู่ในหมู่คนชาวอโศก มาตลอดตั้งแต่ต้นจนเดี๋ยวนี้
ส่วนคณะกรรมการที่บริหารกันตั้งแต่มีชุมชนแต่ละชุมชน เลือกคณะบริหารส่วนกลางของชาวอโศก ก็เลือกตั้ง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็ไม่เห็นจะต้องมาแย่งชิงกันเลือกตั้งอะไร ไม่เห็นจะมาซื้อเสียงอะไร ชาวอโศกนี้ ไม่ว่าจะคณะกรรมการชุมชน อบต. อบจ. ไม่เห็นมีการแย่งชิงไม่มีการซื้อเสียงแข่งกัน ดีไม่ดี เกี่ยงกันด้วยซ้ำ เอาเถอะเป็นเถอะ นี่คือ ความสำเร็จของการให้ความรู้แก่ประชาชน
ระบบนี้เป็นอย่างไร ระบบนี้พาคนไปจน ชาวอโศกเป็นระบอบที่พาคนให้เป็นจน จนแล้วเป็นสุขสบายดีด้วย เป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจรัฐกิจสังคมได้ ในชาวอโศกที่อาตมาทำงานมากับชาวอโศก 47 48 ปี ไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องให้ตำรวจมาจัดการ เคยมีบ้างคนข้างนอกมารวน เป็นคอมมูนสูงสุด จนเจ้าหน้าที่มาตรวจเราเป็นคอมมิวนิสต์ จริงๆแล้วมันเป็นสุดยอดของคอมมิวนิสต์
จริงๆน่าจะมีเจ้าหน้าที่มาจับว่าเป็นพวกประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยเกินไปพวกนี้ ทำไมไม่มาจับ? แสดงว่าเขาเข้าใจประชาธิปไตย ผู้ที่ศึกษารัฐศาสตร์จะเข้าใจว่าชาวอโศกเป็นคอมมิวนิสต์ก็สุดยอด เป็นประชาธิปไตยก็สุดยอด จะว่าเผด็จการก็สุดยอด เผด็จการโดยไม่เผด็จการ แล้วจะเอาอย่างไรอีก
🔥 ดาบอาญาสิทธ์ที่พ่อครูมีแต่ไม่เคยใช้ 🍀
หากว่าคำว่าพ่อท่านหรือพ่อครู คือตำแหน่งที่เป็นสมมุติตราประทับ ลายเซ็น รูปธรรมและให้คนยอมรับ จำนนต่อตราประทับ จำนนต่อลายเซ็นพ่อครู หรือมีคณะเผด็จการมาทำงานบริหารชาวอโศก โดยโลกาธิปไตยหรืออัตตาธิปไตย
หากว่าพ่อครูใช้วิธีนี้ปกครองชาวอโศก ตอนพ่อครูยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อพ่อครูไม่อยู่ ก็จะต้องหาคนมาสืบทอดโดยให้ขึ้นมารับตำแหน่งตราตั้งนั้นๆ หรือให้คณะเผด็จการมาทำงานต่อ เพื่อนำพาชาวอโศกเดินทางต่อไป ถ้าทำด้วยวิธีเช่นนั้น ชาวอโศกคงจะเดินทางต่อไปไม่ได้ยาวไกล เพราะเป็นวิธีการที่ต้องอาศัยศรัทธาเป็นตัวตั้ง ซึ่งศรัทธาของชาวอโศกต่อผู้นำคนใหม่คงไม่เท่าศรัทธาต่อพ่อครู แม้จะศรัทธามากพอในรุ่นแรกๆ แต่ศรัทธาก็จะลดลงไปเรื่อยๆเมื่อผ่านรุ่นต่อรุ่น
แต่เพราะพ่อครูไม่ได้ใช้วิธีแบบสายศรัทธากดข่ม ในการปกครองดูแลชาวอโศก แต่ใช้วิธีการของสายปัญญา คือให้อิสรเสรีภาพในการปฏิบัติ พ่อครูสอนให้ลูกๆมีปัญญาสัมมาทิฏฐิแยกแยะโลกียะโลกุตระ ปฏิบัติลดละตัวตนได้สำเร็จ จนมีแต่ความเห็นแก่หมู่กลุ่มแก่ส่วนรวม ลูกๆที่ทำงานต่อจากพ่อครูจึงไม่ได้มีอาญาสิทธิ์ที่คนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ใช้มติหมู่ใหญ่ส่วนรวมในการตัดสิน บริหารกิจกรรมกิจการของชาวอโศกต่อไป แม้จะมีคณะบริหารก็ล้วนแล้วแต่ได้ลดละตัวตน มีภูมิธรรมที่จะช่วยกันบริหารโดยไม่เป็นลักษณะเผด็จการ
เมื่อพ่อครูบริหารโดยแม้มีอาญาสิทธิ์แต่พ่อครูก็ไม่ได้ใช้อาญาสิทธิ์นั้น ลูกๆที่มาสืบสานงานต่อจากพ่อครู จึงไม่มีอาญาสิทธิ์อัตตาธิปไตยที่จะเผด็จการสั่งการใครๆได้ มีแต่ใช้ธรรมาภิบาล โดยธรรมาธิปไตยเท่านั้นในการบริหารดูแลหมู่ชาวอโศกต่อไป
🍄 ศาสนาพุทธสืบต่อมาได้อย่างไรแม้ไม่มีพระพุทธเจ้า
เคยมีพระนิสิตมหาจุฬาฯถามพ่อท่านตั้งแต่ท่านบวชมาได้แค่ 5 พรรษาว่า : สมมุติว่าท่านเกิดเสียชีวิต สำนักสันติอโศกของท่านจะไม่ล้มเหลวไปจากโลกหรือ?
พ่อท่านได้ตอบไว้ว่า : เอาอันนี้ผมขอฝากไว้ให้ฟัง ผมมีความเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าท่านสร้างศาสนาของท่าน ไม่มีใครเก่งเท่าพระพุทธเจ้า มหาสาวกไม่มีมหาสาวกองค์ใดเก่งเท่าพระพุทธเจ้า แต่ศาสนาพระพุทธเจ้าสืบต่อมาได้อย่างไร ผมก็ทำนัยยะเดียวกันกับของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นอาจารย์ใหญ่ตาย ศาสนาก็ต่อมาได้
เมื่อทำถูกทางเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าพาทำ คือมีคนที่จะสืบทอดอย่างจริงจัง และทำให้เกิดอย่างที่ผมบอกแต่ต้นแล้วว่า ต้องสร้างให้เกิดความจริง มีความจริงให้ได้ เมื่อเกิดความจริง มีความจริงให้ได้ สืบทอดมีอริยคุณได้จริง สิ่งนั้นเป็นสัจจะ เพราะฉะนั้นมันจะต่อของมันไปเอง ไม่ห่วง ผมไม่กลัวตาย ตายเมื่อไหร่ผมก็ไม่กลัว และผมก็เชื่อแน่ว่า ไม่มีปัญหา...ตอบปัญหา โดย พระโพธิรักษ์ครั้งที่ 2 ณ มหาจุฬาลงกราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ 28 มกราคม 2531
🍀 อปริหานิยธรรมทั้ง 7 จะทำให้ชาวอโศกไม่เสื่อมแม้ไม่มีพ่อครู
พ่อท่านว่า...ผมตายไปแล้วอีก 300 ปี ถ้าดำเนินอปริหานิยธรรมนี้อยู่ และพวกเรา ได้เนื้อได้หนังของพวกเราอยู่ เราได้ป่าในใจขึ้นมาด้วยเสร็จเรียบร้อยอย่างนี้อยู่ เป็นเนื้อธรรมของเราที่แท้จริงแล้วด้วย
แล้วก็ดำเนินการไปอย่างนี้ ไม่ลุแก่อำนาจแห่งความอยากของตนเป็นใหญ่ ไม่เป็นอัตตาธิปไตย มีธรรมาธิปไตยอย่างพรั่งพร้อมอยู่อย่างนี้ เรียกร้อง หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ เป็นไปด้วยการถูกต้องตามหลัก 7 ประการนี้ จะเสื่อมหรือศาสนา ....21 กันยายน 2518 พ่อท่านเทศน์ที่ศีรษะอโศก
อปริหานิยธรรม ๗ (ธรรมที่เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม)
๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์
๒. เมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุม ก็พร้อมเพรียงกันเลิก และพร้อมเพรียงกันทำกิจที่หมู่จะต้องทำ
๓. จักไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ แล้วจักประพฤติมั่นในสิกขาบทตามที่พระองค์ ทรงบัญญัติไว้
๔. สักการะเคารพนับถือบูชาท่านผู้เป็นเถระ ผู้เป็น..รัตตัญญู ผู้บวชมานานเป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปริณายก และจักสำคัญถ้อยคำแห่งท่านเหล่านั้นว่า เป็นถ้อยคำอันตนพึงเชื่อฟัง
๕. ไม่ตกอยู่ในอำนาจตัณหาที่เกิดขึ้นแล้ว อันเป็นเหตุให้เกิดเป็นภพต่อไป
๖. จักพอใจอยู่ในเสนาสนะป่า (ป่า คือ สภาพความสงบสงัดจากกิเลส)
๗. จักเข้าไปตั้งความระลึกถึงเฉพาะตนไว้ว่า..ไฉนหนอ เพื่อนพรหมจรรย์ ผู้มีศีลเป็นที่รัก ที่ยังไม่มา..ขอจงมา และที่มาแล้วพึงอยู่เป็นสุข (พตปฎ. เล่ม ๒๓ ข้อ ๒๑)
...กองงานปัจฉาฯ 29 มิถุนายน 2567 🌿
โฆษณา