28 ก.ค. 2024 เวลา 03:42 • ความคิดเห็น
สิ่งต่างๆ มันไหลมาแต่เหตุ ..กายที่มีกรรม มีธาตุทั้งสี่ ดินน้ำลมไฟ เคยสะสมกรรม มีบัญชีกรรมอยู่กับธาตุทั้งสี่ ที่เคยคล้องกรรมใช้กิริยาอะไรต่างๆ เบียดเบียนหักล้างหรืออุปถัมภ์กัน ถึงเวลาวันเดือนปี วินาทีนั้น ปีนั้น ต้องหนุดลมหายใจ ก็ต้องหยุด จะเกิดอุบัติเหตุพิกลพิการ หรือว่า อยู่ๆ ไหนว่า เคยรักกันชอบกับ ก็เกิดวิปริต แตกแยกทำลายกัน
เมื่อเรารู้ว่า เรามีกรรม ต้องเกดิชดใช้กรรม เราก็สร้างให้กายเรามีบุญขึ้นมา เพราะกรรมนันบันทึกอยู่ที่ธาตุทั้งสี่ เราก็เอาธาตุทั้งสี่ มาสร้างบุญ กระจายบุญกุศล เพราะ ธาตุทั้งสี่ในตัวที่เราอาศัยก็เป็นดินฟ้าอากาศ เราก็กระจายบุญกุศลไปให้จิตที่เค้าคล้องกรรมทั้งดีไม่ดี ไปให้เค้า เค้าก็มีดินน้ำลมไฟ
เหมือนเรา เราก็ส่งผ่านไปให้เค้า ได้อนุโมทนา ..อีกทั้ง..แก้ไชธาตุที่จิตเราอาศัยอยู่ ให้มาเป็นธาตุของบุญ ทำได้ตอนที่มีสติสัมปชัญญะ อาการครบสามสิบสอง ร่างกายแข็งแรง ..ร่างกายไม่แข็งแรง จิตไม่เข้มแข็ง มันก็แก้ไข ..สิ่งต่างๆที่ไหลมาแต่เหตุไม่ได้ ..ต้องไปตามยถากรรม
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านก็หยุดยั้ง สิ่งต่างๆ ที่ไหลมาแต่เหตุ วิญญาณทั้งหก..มีอะไรไหลเข้ามา ท่านก็เอาคำว่าพุทโธ ไปปิดกั้น ไม่ให้ไหลเข้ามา ทั้งกายทั้งจิตของท่าน ก็มีแต่คำว่า พุทโธ ..เป็นกายของพระจิตของพระเกิดขึ้น .กายก็เป็นแก้ว ไม่มีฝุ่นละลองอะไรไปเกาะติดได้เลย
แต่คนเราไม่เชื่อพระพุทธเจ้าหรอก เค้าบอกว่า ได้ธาตุนะโม มาดีแล้ว ก็เอามาทำสิ่งดีๆสร้างให้เกิดเป็นบุญกุศล ..แต่นี้พอจะเอาธาตุนะโมดีๆมาทำ สลัดลดละกรรม ทำเหมือนขึ้นต้นดี ตั้งท่าดีแป็บหนึ่ง ก็ไปเอา คาถาอาคม เจ้าพ่อเจ้าแม่ เอามาเป็นตัวช่วย จะได้ .ลาภยศ ทรัพย์สินเงิน มาหล่อเลี้ยงกายให่มีกรรมมากขึ้น
แล้วมันจะไม่หนักเวรหนักกรรมเข้ามาไหลเข้ามาในกายในธาตุทั้งสี่ ไม่มีเวลาหยุดพักได้เลย น้ำเลือดน้ำหนองในเรือนกายก็เป็นสีดำๆเน่าเหม็นมีกรรม หล่อเลี้ยง ก็ยังไม่รู้ตัว จมูกมีไว้ สัมผัสข้างนอก ..แต่สัมผัสข้างในไม่ได้ เพราะจมูกมันก็เป็นจมูกของกรรม
เมื่ออยากพิสูจน์ ไม่ต้องทำขนข้าวขนเงินทอง ทรัพย์สินอะไรติดตัว พยายามสลัดมันออกไป แปรสภาพให้เป็นบุญ แล้วหมั่นนำกาย ที่ได้พ่อแม่เป็นมนุษย์ทั้งทีร่างกายแข็งแรง มันมาฝึกหัด..ตามรอยของพระ ที่ท่านไปแล้วไม่กลับมา ไม่มีเหตุต้องมาเกิดแก่เจ็บตายอีก ไม่ต้องไปมีเวลาอยู่ในสังขารหมูหมากาไก่ รูปสัตว์นั่นนี้
เมื่อมีกานเป็นมนุษย์ ..ก็ทำให้เวลาเกิดมันน้อยลงไป นับชาติน้อยลงไป จนไม่มีชาติอีกต่อไป ..ส่วนอีกประเภทหนึ่ง ก็นับชาติไม่ได้ เกิดตาย เหมือนเมล็ดข้าว นี่ถ้าเอาข้าวมาสักกระสอบ จะนับเม็ดไหวมั้ย เม็ดหนึ่งก็ชาติหนึ่ง ถ้ามันเป็นสิบกระสอบ ร้อยกระสอบ ..นับกันไม่เบื่อ..สนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดๆตายๆ ไม่รู้จักทุกข์ได้เลย
กาลาเวลา มันบ่งบอกว่า จะอยู่อาศัยกายกรรม นี้ไดนานมั้ย .กาลเวลามันเดินหน้าตลอด .กายก็เดืนหน้าตลอด ..ไปสู่ความแก่เจ็บตาย .ไปตามกาลเวลา ทีกายนี้เค้ากำหนดมาให้ใช้ชั่วขณะหนึ่ง จิตแต่ละดวงที่ได้กายมา จะไปใช้อย่างไร ที่ได้กายนี้
มา ..มันเป็นเรื่องของจิตที่อยู่ในกายใช้สร้างอะไรที่เป็นคุณแก่จิตหรือเป็นโทษแก่จิต ..เค้าจึงให้สติปัญญามากับกายมนุษย์ ที่สามารถพิจารณาเหตุผลดีชั่วได้ เราว่าจะจะเผลอใช้กายทำชั่ว ..ก็หยุดมันซะ ไม่ต้องทำมัน ..มันก็ไม่มีกรรมชั่วติดกายติดจิตไป ทำได้ในขณะที่ยังไม่หมดกายหมดเวลามีกายเป็นมนุษย์
โฆษณา