29 ก.ค. เวลา 06:06 • กีฬา

เริ่มต้นเล่นแบบขำๆ รู้ตัวอีกทีมแชมป์โอลิมปิก มหัศจรรย์โคโค่ สาวน้อยญี่ปุ่นวัย 14

ครอบครัวของโคโค่ โยชิซาวะ สาวน้อยวัย 14 ปี เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกสเกตบอร์ดคนล่าสุด วางกฎเอาไว้ว่า ลูกสาวจะไม่มีโทรศัพท์มือถือ จนกว่าจะเข้ามัธยมต้น
ที่ประเทศญี่ปุ่น พ่อแม่เกิน 51% ซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องแรกให้ลูกตอนอยู่ประถม บางคนให้มือถือตั้งแต่ลูกอายุ 7 ขวบ แต่ที่บ้านโยชิซาวะ ไม่ต้องการให้ลูกมีโทรศัพท์เร็วเกินไป เพราะกลัวลูกสาวจะเสียเวลากับโซเชียลมีเดียเกินควร และ เสียสมาธิในการจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่พ่อแม่คิดจะเป็นจริง วันหนึ่งโคโค่ สร้างความยิ่งใหญ่ระดับโลกขึ้นมาได้ด้วยสองมือ และสองขา ของเธอเอง
1
จุดเริ่มต้นในสเกตบอร์ดของโคโค่ เกิดขึ้นตอนอายุ 7 ขวบ เธอเดินอยู่ที่สวนสาธารณะท้องถิ่นในเมืองซากามิฮาระ แล้วไปเห็นคนอื่นเล่นสเกตบอร์ดกันอยู่ เธอจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า "อยากลองเล่นบ้าง" ซึ่งพ่อแม่ ก็โอเค ลูกอยากทำอะไรก็ส่งเสริมให้ทำ
1
โคโค่ เล่นมาเรื่อยๆ แต่เธอไม่ได้เรียนรู้จากยูทูบ หรือ จากคลิปต่างๆ โดยเธอเรียนจากคุณครูสอนสเกตบอร์ดที่สวนสาธารณะ
2
ขณะที่พวกอุปกรณ์ ก็ซื้อจากร้านใกล้บ้าน เธอเล่าว่า "หนูไม่รู้เลยว่ากีฬาสเกตบอร์ด ถูกบรรจุอยู่ในโอลิมปิกด้วย หนูก็แค่เล่นไปเรื่อยๆ เพื่อความสนุกสนาน ไม่เคยคิดจะเข้าลงแข่งอะไรทั้งนั้น"
กีฬาสเกตบอร์ด ถูกบรรจุอยู่ในโอลิมปิกเกมส์ ครั้งแรก ในโตเกียวเกมส์ 2020 โดยแบ่งการชิงชัยเป็น 2 ประเภท คือ สตรีต (Street) กับ พาร์ก (Park)
สตรีต - จะเน้นใช้พื้นที่ รอบๆ สนามแข่งอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ราวบันได ขอบบันได ม้านั่ง
1
พาร์ก - เน้นการโชว์ทริกใหญ่ๆ ตามสโลปโค้งๆ ของสนามแข่ง
1
สำหรับสเก็ตบอร์ด ประเภทสตรีต ในโอลิมปิกเกมส์ จะมีวิธีชิงเหรียญคือ
1- นักกีฬาทั้งหมดที่เข้าร่วมแข่งขัน จะวิ่งรอบพาร์ก 60 วินาที หรือที่เรียกว่า Run เป็นจำนวน 2 รอบ โดยใน 60 วินาทีนั้น จะโชว์สกิลอะไรก็ได้ (แต่ในปารีส 2024 จะลดเหลือ 45 วินาที)
2- พอ Run เสร็จ 2 รอบ นักกีฬาจะมาโชว์ท่าใหญ่ๆ เรียกว่า Trick จำนวน 5 ครั้ง ถ้าทำสำเร็จ ยิ่งท่ายากยิ่งได้คะแนนเยอะ แต่ถ้าทำล้มเหลวจะได้ 0 คะแนน
1
3- ใครคะแนนดีสุด ทั้ง Run + Trick จำนวน 8 คน จะเข้าแข่งรอบ Final ต่อไป
1
4- ในรอบ Final ทั้ง 8 คน จะโดนโละคะแนนรอบแรกทิ้ง แล้วแข่งใหม่ตั้งแต่แรก คือ 2 Run กับ 5 Trick ใครได้คะแนนสูงสุดก็ได้เหรียญทองโอลิมปิก
1
ในโตเกียวเกมส์ 2020 คนที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ประเภทสตรีต คือสาวน้อยอายุ 13 ปีชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อ โมมิจิ นิชิยะ
3
นิชิยะ ไม่ได้เก่งเรื่อง Run ที่สุด แต่เธอเก่งเรื่อง Trick คือโชว์ท่ายากระดับโลก เหมือนกับว่ามันทำง่ายๆ
หนึ่งในท่าที่เธอทำได้ ชื่อ "บิ๊กสปิน" ที่ทำออกมาได้อย่างเพอร์เฟ็กต์มาก และสุดท้าย นิชิยะก็ได้คะแนนรวมมากที่สุด คว้าเหรียญทองไปครอง
หลังจบการแข่ง ท่าบิ๊กสปินเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก นี่คือเทคนิคที่จะหมุนสเกตบอร์ดเป็น 270 องศา แล้วไต่ลงมากับราวบันได สำหรับผู้หญิง ถือเป็นหนึ่งในท่าที่ยากมากจริงๆ
ประเด็นคือในวันนั้น โคโค่นั่งดูถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านกับครอบครัว แล้วคุณพ่อของเธอก็ทักขึ้นมาว่า "ท่าบิ๊กสปิน มันคือท่าที่ลูกทำได้ประจำไม่ใช่หรอ?"
3
โคโค่เองก็แปลกใจ เออ มันใช่จริงๆ เธอทำท่าบิ๊กสปินได้ ตั้งแต่เรียน ป.5 ระหว่างเล่นสนุกๆ ที่สวนสาธารณะในเมืองซากามิฮาระ
4
โคโคเล่าว่า "หนูเริ่มฝึกท่าบิ๊กสปิน เพราะตอนนั้น ระหว่างที่เล่นอยู่ในพาร์ก มีใครสักคนบอกว่า นี่คือเทคนิคที่เจ๋งไปเลยถ้าเธอทำได้ แล้วหนูก็เลยลองทำดู แล้วสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ"
ด้วยความที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และเล่นอินเตอร์เนตน้อยมาก เธอจึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวของโลกสเก็ตบอร์ดเลย และไม่รู้ว่า ท่าบิ๊กสปินมันยากเลเวลไหน โคโค่เล่าว่า "ในวันนั้นเองที่ดูการแข่งโอลิมปิกที่โตเกียว หนูก็เพิ่งเข้าใจว่าตัวเองก็มีความสามารถเหมือนกัน"
1
หลักคิดคือ ถ้าหากนิชิยะใช้ท่านี้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ ตัวโคโค่ที่ทำท่าเดียวกันได้ ก็น่าจะเก่งพอที่จะแข่งโอลิมปิกได้เหมือนกัน
1
จากจุดนั้นเอง โคโค่ก็ตัดสินใจว่า งั้นจากนี้ไป จะลองเดินหน้าลุยเต็มที่ เป็นผู้เล่นอาชีพให้ได้ เพื่อโอกาสเข้าแข่งโอลิมปิกในอนาคต
3
คุณพ่อของโคโค่ เป็นบุรุษพยาบาล คุณแม่เป็นคุณครูอนุบาล ทั้งคู่ไม่ได้มีพื้นฐานเป็นนักกีฬาใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในเมื่อลูกชอบอะไร ก็ผลักดันสิ่งนั้นอย่างเต็มตัว โดยคุณพ่อตัดสินใจเปลี่ยนงาน จากทำที่โรงพยาบาล มาเป็น Caregiver คอยดูแลผู้ป่วยสูงอายุตามบ้าน เพื่อที่จะได้จัดสรรเวลาได้มากขึ้น สามารถพาลูกสาวไปฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่
2
ขณะที่การฝึกฝนนั้น นอกจากจะเรียนกับครูแล้ว โคโค่ยังใช้แทรมโพลีน ที่เด็กๆ ไว้ใช้กระโดดเล่น เพื่อลองหมุนตัวในทิศทางที่ต้องการ เวลาลงไปเล่นกับสเก็ตบอร์ดจริงๆ จะได้ทำได้ทันที โดยไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัวบ่อยเกินไป
1
เมื่อวางเป้าหมายว่าจะติดทีมชาติไปโอลิมปิกให้ได้ โคโค่ต้องเข้ากระบวนการฝึกอย่างหนัก ในวันจันทร์ ถึงศุกร์ หลังเลิกเรียน เธอต้องมาซ้อมต่อ 3-4 ชั่วโมง กว่าจะได้กลับบ้าน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ซ้อมวันละ 7 ชั่วโมง
1
สำหรับเด็กอายุ 12 ปี โปรแกรมเหล่านี้ก็ถือว่าโหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณจะก้าวไปเป็นนักกีฬาระดับทีมชาติ มันก็ต้องทุ่มเทกันหนักขนาดนี้อยู่แล้ว
เดือนธันวาคม 2021 ในวัย 12 ปี โคโค่ลงแข่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่ รายการ เจแปน แชมเปี้ยนชิพ และคว้าอันดับ 5 มาครอง จากนั้นในเดือนเมษายน 2022 ลงแข่งรายการเจแปน โอเพ่น ได้อันดับ 8
ถึงตรงนี้ เธอพร้อมแล้วที่จะก้าวไปแข่งระดับนานาชาติ
ในเดือนกรกฎาคม 2022 โคโค่ที่เรียนอยู่ชั้น ม.1 ออกไปแข่งระดับโลกครั้งแรก ในทัวร์นาเมนต์เวิลด์สตรีต สเกตบอร์ดดิ้ง ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี และจบอันดับ 6
สำหรับในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส การคัดเลือกนักกีฬาในรอบควอลิฟาย จะคัดเอาผู้เล่นที่มีอันดับโลก สูงสุด 1 ถึง 20 (นับจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2024) บวกกับโควต้าพิเศษของเจ้าภาพ 1 ที่นั่ง และ โควต้าประเทศเล็ก อีก 1 ที่นั่ง รวมทั้งหมด 22 ที่นั่ง
1
โดยมีเงื่อนไขคือ ในจำนวน 22 คนนั้น จะมีนักแข่งจากประเทศเดียวกันได้ ไม่เกิน 3 คน
1
ด้วยความอัจฉริยะของโคโค่ ทำให้เธอไต่เวิลด์แรงกิ้งขึ้นมา อยู่ที่ 1 ของโลกได้สำเร็จในวันตัดตัว
เธอจึงได้สิทธิ์ลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกที่ปารีส โดยนักกีฬาญี่ปุ่นอีก 2 คนที่ได้โควต้า คือ ลิซ อาคามะ (อันดับ 2 ของโลก) และ ฟูนะ นากายามะ (อันดับ 4 ของโลก) ส่วนเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียว โมมิจิ นิชิยะ หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์อย่างน่าเสียดาย เพราะเธออยู่อันดับ 7 ของโลก
ส่วนน้องเอสที วารีรยา สุขเกษม สาวน้อย 12 ปีชาวไทย จริงๆ เธอไม่ติดท็อป 20 ของโลก (อยู่อันดับที่ 21) แต่ก็ได้อานิสงส์จากการที่ ชาติใหญ่ๆ อย่างญี่ปุ่น และ สหรัฐฯ ได้โควต้านักกีฬาครบ 3 คนไปแล้ว น้องเอสทีจึงได้สิทธิ์ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีสด้วยเช่นกัน
4
การแข่งขันสเก็ตบอร์ดในโอลิมปิก มีขึ้นที่ปลาส เดอ ลา คองคอร์ด ในวันที่ 28 กรกฎาคม การแข่งขันประเภทสตรีตหญิง เริ่มต้นขึ้น โดยโคโค่ในวัย 14 ปี มาแข่งในฐานะตัวเต็ง เพราะเธอคือมือ 1 ของโลก
ลองคิดดูว่าจากเมื่อ 3 ปีก่อนยังเล่นขำๆ ที่สวนแถวบ้าน พริบตาเดียว เธอกระโดดมาเป็นมือ1 ของโลกได้อย่างน่าทึ่ง เวลาคนมีพรสวรรค์แล้วได้ฝึกอย่างจริงจัง มันสามารถพุ่งทะยานไปได้เร็วจริงๆ
1
ในรอบแรก จาก 22 คน จะคัดเหลือ 8 คน ไปเล่นรอบไฟนอล โดยโคโค่ได้คะแนนสูงสุด 258.92 เข้ารอบต่อไปตามความคาดหมาย
ส่วนน้องเอสทีของเรา เธอมีผลงานที่โอเคเลย ได้ 200.75 คะแนน จบอันดับ 17 จากผู้เข้าแข่งทั้งหมด 22 คน ลองคิดดูว่าเธอเข้าร่วมด้วยการเป็นมืออันดับ 21 ของโลก แต่จบอันดับ 17 ได้แบบนี้ก็ใช้ได้ เป็นกำลังใจให้เธอสู้ต่อ และคัมแบ็กกลับมาให้ได้อีกครั้ง ในโอลิมปิกที่ลอสแองเจลิส 4 ปีข้างหน้านะ
3
เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ นักกีฬาทั้ง 8 คน จะเริ่มนับแต้มใหม่ทั้งหมด ทุกคนจะออกมาโชว์ 2 Run (นับคะแนน แค่ 1 Run ที่ดีที่สุด) กับ 5 Trick (นับคะแนน แค่ 2 Trick ที่ดีที่สุด)
หลังจากผ่านไป 2 Run กับ 3 Trick คะแนนรวมของโคโค่ อยู่อันดับ 2 ตามหลังลิซ อาคามะ เพื่อนร่วมชาติอยู่พอสมควร
ลิซ อาคามะ มีแต้ม 265.95 ส่วน โคโค่มี 173.14 แปลว่า ในโอกาสอีก 2 Trick ที่เหลือ ถ้าเธออยากได้เหรียญทอง ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งครั้งที่เธอต้องเล่นท่า แล้วได้คะแนนมากกว่า 92.81 เต็ม 100
3
คะแนนระดับ 92.81 ถ้าจะได้มา ก็ต้องเป็นท่าเด็ดจริงๆ ที่กรรมการทุกคนพร้อมใจเทคะแนนให้
แต่ปัญหาคือ ถ้าเกิดเธอเล่นท่ายากเกิน แล้วพลาดขึ้นมา อาจจะจบแบบไม่ได้เหรียญเลยก็ได้
สองทางเลือกที่ไม่ง่าย ระหว่างเล่นเพลย์เซฟ ประคองเอาเหรียญทองแดงไว้ก่อน หรือ จัดเต็มไปเลย วัดใจเอาเหรียญทองกันไป
และโคโค่ ตัดสินใจว่าจะชิงเหรียญทอง ด้วยการเล่นท่ายากที่สุด Go Big or Go Home
1
และท่าที่เธอเลือกใช้นั้น คือ "บิ๊กสปิน" ที่เธอเคยเห็นจากหน้าจอทีวีเมื่อ 3 ปีก่อน แต่เธอปรับให้มันยากขึ้นอีกเลเวล กลายเป็นท่าไม้ตายใหม่ในชื่อ "บิ๊กสปิน ฟลิปบอร์ด สไลด์"
8
เมื่อได้สัญญาณ โคโค่ออกวิ่งจากจุดสตาร์ต และเมื่อถึงขั้นบนสุดของบันได เธอกระโดดขึ้นมาที่ราวบันได โดยสเกตบอร์ดของเธอหมุน 270 องศา และไม่ใช่แค่หมุนในแนวนอน แต่บอร์ดพลิกกลับด้านบน-ล่าง 1 รอบอีกต่างหาก เป็นท่าที่เธออีโวลูชั่น ให้ยากขึ้นไปอีกสเต็ป
หลังจากหมุนครบรอบ บอร์ดพลิกกลับมา ลงที่เท้าสองข้างของเธอพอดี ก่อนที่โคโค่จะไต่ราว แล้วแลนดิ้งลงพื้นได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ที่สุด
1
เธอชูมือด้วยความพอใจ เพราะมันสมบูรณ์จริงๆ และกรรมการประกาศคะแนนออกมา คือ 96.49!
1
คะแนนเกือบเต็มร้อยขนาดนี้ นี่จึงเป็น Trick ที่ได้คะแนนสูงสุดในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ และส่งผลให้เธอ มีคะแนนรวมแซงขึ้นเป็นอันดับ 1 ของการชิงเหรียญทอง
1
ผลแพ้ชนะตัดสินกันตรงนี้ เมื่อเธอปล่อยท่ายากขนาดนี้ได้แล้ว ก็ไม่มีใครไล่เธอทันอีกต่อไป จบการแข่งขัน โคโค่ โยชิซาวะ ได้เหรียญทองโอลิมปิก ด้วยวัยแค่ 14 ปี กับอีก 10 เดือนเท่านั้น
2
ใครจะไปเชื่อว่า จากเด็กน้อยที่เล่นขำๆ ที่สวนสาธารณะ วันหนึ่งจะกลายเป็นแชมป์โลกได้จริงๆ
1
และนี่เป็นหลักฐานที่ทำให้เห็นว่า มนุษย์ไม่มีขีดจำกัด อายุน้อย อายุมาก ไม่สำคัญ ถ้าหากมีพรสวรรค์ และได้รับการซัพพอร์ทที่ถูกต้อง ก็ก้าวไปอยู่จุดสูงสุดของโลกได้เสมอ
1
หลังจากได้เหรียญทองโอลิมปิก โคโค่กล่าวว่า "หนูอยากขอบคุณรุ่นพี่ ที่เคยเป็นเป้าหมายให้ไล่ตาม จนวันนี้หนูสามารถมายืนตรงนี้ได้ และหวังว่าหนูจะเป็นเป้าหมายให้ใครสักคนไล่ตามมาในอนาคตได้เช่นกัน"
7
จากโมมิจิ นิชิยะ มาสู่ โคโค่ โยชิซาวะ โอลิมปิกครั้งต่อไป แชมป์สเก็ตบอร์ด อาจจะเป็นดาวรุ่งญี่ปุ่นคนใหม่ก็ได้ เปลวไฟแห่งความหวัง ได้ถูกส่งต่อกันไปเรื่อยๆ รุ่นสู่รุ่น
2
คำถามสุดท้ายจากนักข่าว ถามว่าพอได้เหรียญทองโอลิมปิก ได้อยู่จุดสูงสุดของโลกแล้วแบบนี้ จะทำอะไรเป็นการฉลองดี
โคโค่ตอบว่า "หนูอยากกินราเม็ง และ หนูก็อยากไปดิสนีย์แลนด์ด้วย"
4
ท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้เป็นแชมป์โลก นี่ก็เป็นเด็กสาวที่มีอายุแค่ 14 ปีอยู่ดี ยังมีความน่ารักของวัยเยาว์อย่างเต็มเปี่ยม
3
เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่มาก แต่เอาจริงๆ ชีวิตของสาวน้อยมัธยมต้นอย่างโคโค่ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
โฆษณา