31 ส.ค. เวลา 03:00 • การศึกษา

สรุปสารคดี History 101 ตอน Fast Food 🍕🍔🍟

ที่อเมริกามีร้านฟาสต์ฟู้ดถึง 250,000 ร้าน
ธุรกิจประเภทนี้ทำรายได้ 5.7 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี
สูงกว่า 4 เท่าของโครงการอะพอลโลซะอีก 🧑‍🚀🚀
จากความนิยมของร้าน Automat ในปี 1920-1940
ที่ลูกค้าสามารถหยอดเหรียญแล้วรับอาหารได้เลย
กลายเป็นที่มาของร้าน Fast Food ในปี 1921
ในเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส ของร้าน White Castle
ที่เริ่มทำการเสิร์ฟเบอร์เกอร์ที่สะอาด และรวดเร็ว
แต่ยังไม่เป็นที่นิยม เพราะเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ 📉
จากสงครามโลกครั้งที่ 2 คนเลยนิยมทำอาหารกินเอง
พอเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น คนเริ่มมองการกินอาหารนอกบ้าน
เป็นเรื่องของความบันเทิงอย่างหนึ่ง
ร้านฟาสต์ฟู้ดจึงเริ่มผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
และ KFC 🍗 ก็เป็นร้านแรกที่เริ่มขายแฟรนไชส์
อีกสิ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จมาก
คือในปี 1950 ยุคที่รถยนต์ 🚗 เฟื่องฟู
ทำให้ร้านอาหารแบบ Drive-Thru บูมสุดๆ
และอีก 10 ปีต่อมา ก็มีเทคโนโลยีไมโครเวฟ
ที่ทำให้เราได้อาหารที่เร็วเข้าไปอีก
หลายทศวรรษต่อมา ร้านฟาสต์ฟู้ดของอเมริกา
ก็แพร่อาณาจักรไปเกือบทั่วทุกมุมโลก
แต่สิ่งที่เป็นผลกระทบตามมาก็คือ “โรคอ้วน”
ปี 1975 พบว่า คนป่วยเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
ปี 2016 พบว่า ผู้ใหญ่ 39% มีน้ำหนักเกิน
ตอนนี้มีเด็กถึง 340 ล้านคน ที่มีรูปร่างอ้วน
 
ทำให้ปี 2000 คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ
ร้านฟาสต์ฟู้ดจึงมีการปรับตัวตาม
ด้วยการเพิ่มเมนูที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มผักหรือผลไม้
และกระบวนการทำที่ลดแคลอรี่ 🍎🥬
 
แม้ในปี 2018 อย. จะออกกฎให้แสดงปริมาณแคล
และจำกัดขนาดของอาหารไม่ให้กินเยอะเกินไป
แต่ผู้บริโภคก็ติดใจรสชาติ จนแทบไม่มีผลซะแล้ว
ปี 2015-2018 เป็นปีที่โลกร้อน 🌎🔥 มากที่สุด
ซึ่ง 14.5% ของแก๊สมีเทนมาจากปศุสัตว์ 🐮
นอกจากนี้ยังมีการใช้ขยะพลาสติกจำนวนมาก
ทำให้นักอนุรักษ์ออกมาเรียกร้องธุรกิจฟาสต์ฟู้ด
ในการลดปริมาณขยะ หรือใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับโลก
นั่นจึงทำให้ร้านต่างๆ เริ่มปรับตัวอีกครั้ง 🌱
รับชมได้ทาง: Netfilx
โฆษณา