1 ส.ค. เวลา 12:02 • ท่องเที่ยว

เรียนทำเฝอ ปอเปี๊ยะสด สลัดเนื้อย่าง ข้าวเกรียบปากหม้อกุ้งที่ “ฮอยอัน”

อาหารเวียดนามในแต่ละภาคมีความเป็นเอกลักษณ์และตั้งต้นจากข้าวเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเส้นที่นำมาทำเฝอ แป้งข้าวเกรียบปากหม้อญวน แผ่นปอเปี๊ยะก็ล้วนตั้งต้นมาจากข้าว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นาข้าวที่ฮอยอัน เมืองที่อยู่ทางตอนกลางของเวียดนามจะเขียวขจี
เตรียมทำปอเปี๊ยะสดกันจ้ะ
คลาสทำอาหารเวียดนามที่เรากับลูกสาวช่วยกันเลือกเรียกได้ว่าเปิดโลกสำหรับสองแม่ลูกสายกินและทำกับข้าวยิ่งนัก ช่วงที่วางแผนทริปกัน ก็มาดูว่า อยากทำอะไรกันบ้าง ที่ผ่านมาเวลาไปเที่ยวไหน ส่วนใหญ่ก็จะกินอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ทำ ด้วยความที่อาหารเวียดนามอร่อย สองแม่ลูกเลยช่วยกันส่องรายละเอียด Cooking class ใน Klook
หน้าตาสถานที่เรียน นั่งเรือเสร็จก็มาขึ้นที่ท่านี้
แม้ว่าคลาสนี้จะต้องตื่นเช้า เพราะไกด์จะพาพวกเราไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อของมาทำอาหารก่อน แต่สองแม่ลูกผู้ไม่อยากตื่นเช้าทุกวันเวลามาเที่ยวก็ไม่อิดออด เพราะตลาดสดที่ฮอยอันแม้ว่าจะคล้ายบ้านเรา แต่ก็มีสิ่งละอันพันละน้อยที่แตกต่าง จอยมาก
ผักจ้า มุมซ้ายคือส้มจี๊ดไว้บีบใส่เฝอก็ได้หรือใส่ชาผลไม้ก็ดี
ไฮไลต์ของคลาสคือการได้ทำน้ำซุปเฝอ ปลื้มปริ่ม จะว่าไป น้ำซุปนี่แหละที่ดึงสองแม่ลูกให้ตัดสินใจเลือกโปรแกรมนี้ นอกเหนือไปจากกิจกรรมการนั่งเรือกระด้งชมธรรมชาติป่าต้นจากจับปู ข้อดีของคลาสนี้ คือ เค้าจะถามเราก่อนด้วยว่า เราแพ้อาหารอะไรมั้ยและไม่ทานอะไรบ้าง ซึ่งในคลาสนี้ก็มีคนทานมังสวิรัติ ไกด์ของเราก็ใส่ใจในรายละเอียดมาก ตอนไปจ่ายตลาดนางซื้อพวกเห็ดและเต้าหู้แทนเนื้อสัตว์ให้สาวฝรั่งที่ทานมังฯได้ปรุงเมนูเดียวกันกับทุกคน เพียงแค่แทนที่เนื้อสัตว์ด้วยเต้าหู้และเห็ด
เห็ดและหมูยอแบบมังสวิรัติ
ตามโปรแกรม เราต้องไปขึ้นรถที่จุด Pick Up ย่านเมืองโบราณหรือ Ancient Town (อ่านทริปเมืองโบราณย้อนหลังกันได้ที่ Ep.18 นะคะ) แต่โชคดี จนท.ส่งเมสเสจมาทาง Whatsapp ล่วงหน้าก่อนออกเดินทางมาเวียดนามว่า จะมารับที่โรงแรมประมาณ 8.15-8.30 น. ให้รออยู่ที่ล็อบบี้นะ
เราก็แอบดีใจ ไม่ต้องตื่นเช้ามากมานั่งรถจากโรงแรมเพื่อไปขึ้นรถของคลาสต่ออีกทอด แต่ก็ไม่วายเมสเสจถามกลับไปเพื่อความมั่นใจว่า คิดค่าบริการเพิ่มหรือเปล่า เพราะในโปรแกรมไม่ได้บอกไว้ว่าจะมารับที่โรงแรม จนท.ก็บอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ยิ้มเลยทีนี้
อาหารเช้าที่โรงแรม
เช้าวันนั้น เรากับลูกรีบตื่นมาอาบน้ำทานข้าวเช้าที่โรงแรมให้เรียบร้อย สักพักพนักงานขับรถก็มาจอดรถหน้าโรงแรม เช็คชื่อเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นรถ มีเพื่อนร่วมคลาสนั่งอยู่ในรถแล้ว 1 คน เซย์ไฮกันแล้วรถก็ออกไปรับแขกจากอีก 2 โรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่ง มีครอบครัวเกาหลีมาด้วยอีกครอบครัวพ่อแม่ลูก
ไกด์สาวผู้น่ารักของคณะเรา
พนักงานขับรถปล่อยเราลงใกล้ ๆ ตลาด ไกด์ของเราเป็นผู้หญิงชื่อดิว นางแนะนำตัวกับทุกคนแล้วบอกว่าจะพาไปจ่ายตลาดกันก่อน แจกตะกร้าสำหรับใส่วัตถุดิบแล้วก็เดินเข้าตลาด ดิวพาไปที่แผงขายเส้นก๋วยเตี๋ยว นางอธิบายให้ฟังว่า เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ฮอยอันจะมีอยู่ 3-4 ประเภทที่เห็นเส้นแบบสีเหลืองก็เพราะใส่ผงขมิ้น รวมทั้งเครื่องปรุงอย่างปลาร้าและกะปิของเวียดนาม จากนั้นก็ไปซื้อเนื้อและกระดูกวัวสำหรับทำน้ำซุปเฝอ
ทางคลาสจะต้มนำซุปทิ้งไว้ตั้งแต่เริ่มเรียนเพื่อให้น้ำซุปได้ที่พอดีตอนทำเฝอ
เราแอบเห็นสาวฝรั่งที่ทานมังฯดมยาดมตรงแผงขายเนื้อ น่าสงสารนางอยู่เหมือนกัน ซื้อเนื้อเสร็จก็มาตรงแผงขายผัก ดิวซื้อเต้าหู้กับเห็ดให้นาง แล้วก็ถามว่า อยากไปดูแผงขายอาหารทะเลมั้ย แต่ตอนนั้น 9 โมงกว่าแล้ว อาจจะไม่มีของให้ดูเยอะนะ เพราะเค้าขายกันตั้งแต่เช้ามืดเมื่อเรือเข้าเทียบท่า เรายกมือบอกไปอยากดู ก็เลยได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำและท้องทะเลของฮอยอัน กุ้ง หอย ปลา หลากหลายชนิด
ปลาตัวเบื้อเริ่ม
จากนั้น ดิวก็ซื้อหัวไชเท้าสำหรับใส่น้ำซุป แล้วก็พามาดูผักที่ใช้ทำข้าวเกรียบปากหม้อและทานแกล้มเฝอ ไม่ว่าจะเป็นใบสะระแหน่ ผักชีใบยาว ต้นหอม โหระพา นางขยี้ให้ดมด้วย เพื่อให้นักเรียนจากอีกซีกโลกได้รับรู้ถึงกลิ่นแห่งโลกตะวันออก โหระพาที่นี่จะใบเล็กกว่าบ้านเรา
ผลไม้คล้ายบ้านเรา ส้มลูกใหญ่สีเขียวที่เอาทำน้ำส้มอร่อยมาก
ระหว่างที่เดินในตลาดก็จะมีผลไม้ ดอกไม้วางขายละลานตา เพลินมาก อ้อ เดินตลาดต้องระวังมอเตอร์ไซค์นิดนึง แต่เค้าก็ไม่ได้ขับฉวัดเฉวียนกันถึงขนาดจะชน แต่ก็ให้ดูตาม้าตาเรือไว้ก่อน จ่ายตลาดเสร็จก็ไปขึ้นรถ เพื่อไปลงเรือกระด้ง ก่อนลงเรือ ดิวเก็บตะกร้าจ่ายตลาดจากนักเรียนไปส่งต่อในครัว เพื่อเตรียมของสำหรับทำอาหารให้พวกเราหลังนั่งเรือเสร็จ
เซ็ตข้าวเกรียบปากหม้อใส่กุ้งแม่น้ำตัวน้อย
รอบนี้ พอลงเรือกระด้งชมวิวไปสักพักแล้ว พนักงานพายเรือกระด้งก็จะหยิบแผ่นป้ายภาษาอังกฤษมาให้เลือกว่า จะให้พายไปเส้นทางที่เหมาะกับสายเอ็นเตอร์เทนมีร้องเพลง ถ่ายรูป เปิดลำโพงตึ๊ด ๆ หรือจะให้พายพาไปตามเส้นทางธรรมชาติ เราก็เลือกแบบที่ 2 แต่ก็ยังได้ดูโชว์พายเรือกระด้งแบบหมุนอยู่นะ แค่ไม่มีเปิดเพลงโอปป้ากัมนังสไตล์ประกอบ
นั่งเรือกระด้งชมวิว
พอเรือพายกลับย้อนมาที่คลาส ซึ่งเป็นเรือนไม้โปร่งโล่ง พนักงานพายเรือก็ให้ลองตกปู เค้าจะมีเบ็ดใส่เหยื่อแล้วให้เราลองตกปูดำที่อาศัยอยู่ตามต้นจาก หย่อนเบ็ดลงไปแป๊ปเดียว ปูก็มากินเหยื่อแล้ว แม่น้ำลำคลองสะอาดอยู่ ปูถึงได้ชุกชุม ตกได้ 2 ตัวก็ปล่อยลงน้ำไปแล้วเรือก็เทียบท่าส่งเราขึ้นไปเตรียมตัวทำอาหาร
ตกปูแล้วปล่อยนะคะ
ล้างมือกันแล้วก็มีน้ำเสาวรสเสิร์ฟคลายร้อน ดิวอธิบายและสาธิตตั้งแต่การนำข้าวเปลือกมาตำเพื่อแยกเปลือกออกไปจนถึงการโม่ข้าวสาร เพื่อนำแป้งที่ได้จากการโม่มาทำอาหารในคลาส จุดนี้ประทับใจมิใช่น้อย เพราะข้าวที่เราโม่มาจนเป็นผงนั้น เมื่อผสมกวนกับน้ำแล้วหยอดลงบนแผ่นผ้าขาวบางที่อยู่เหนือเตา ใช้ช้อนยี แป้งให้เป็นวงกลม สักพักใช้ไม้ตักแผ่นแป้งที่สุกแล้วขึ้นมา เราก็จะได้แผ่นแป้งพร้อมปรุงอาหารเลยนะ
ไกด์จะสาธิตตั้งแต่ฝัดข้าวเลือกมาจนถึงโม่แป้งเลยทีเดียว
เมนูแรกที่ดิวสอน คือ ปอเปี๊ยะสดและน้ำจิ้ม ซึ่งทางคลาสจะเตรียมวัตถุดิบ เครื่องปรุงไว้ให้เราเรียบร้อย ก่อนลงมือทำ เราก็จะได้หมวกกุ๊กและผ้ากันเปื้อน น้ำจิ้มปอเปี๊ยะของที่ฮอยอัน รสชาติจะคล้าย ๆ กับน้ำจิ้มปอเปี๊ยะสดแบบจีนที่มีกุนเชียง ไข่ แตงกวา ตอนดูดิวทำก็เหมือนจะง่ายนะ แต่พอมาห่อปอเปี๊ยะเองก็รู้เลยว่า ถ้าจะทำให้ออกมาไส้แน่นและสวยต้องหัดทำบ่อย ๆ
ความเบี้ยวของฉัน
ไส้ปอเปี๊ยะที่ทางคลาสเตรียมไว้ให้คือ กุ้งต้ม แครอท แตงกวา และผักสลัดที่ให้กลิ่นหอม ต้นหอมเพื่อตกแต่งปอเปี๊ยะให้สวยงาม ที่สนุกสำหรับเราคือการทำน้ำจิ้ม เราต้องเอากระเทียมลงไปผัดก่อนที่จะใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ แล้วปิดท้ายด้วยการโรยถั่วลิสงบดหยาบและพริกสีเขียวและสีแดง
สลัดเนื้อย่าง หน้าตานอกจากจะดีแล้ว ยังอร่อยด้วย อิอิ
เมนูถัดจากปอเปี๊ยะคือ สลัดเนื้อย่าง ซึ่งเมนูนี้ ทำง่ายและอร่อย ขั้นตอนสำคัญคือการผัดเนื้อและทำซอสราดนี่แหละ ดิวสาธิตให้ดูก่อนว่า จะจัดจานอย่างไร ก่อนอื่นเราก็นำเส้นขนมจีนมาวางในจาน ท็อปด้วยผัก จากนั้นก็มาผัดเนื้อที่ราดด้วยพริกไทยบดหยาบ นางบอกว่าถ้าอยากจะทำแฟลมเบ (Flambe) หรือให้ไฟลุกท่วมเนื้อ ก็ให้หล่อน้ำมันไว้แล้วเร่งไฟแรง
ไกด์เราสาธิตละเอียดทุกขั้นตอน
งานนี้เราไม่กล้า กลัวคิ้วหาย เห็นมีเพื่อนร่วมคลาสชาวเดนมาร์กกับคุณพ่อชาวเกาหลีที่เอ็นจอยทำแฟลมเบ หลังจากที่ผัดเนื้อแล้วเราก็เอาเนื้อของเราวางด้านบนขนมจีน น้ำมันที่เหลือในกระทะก็เอามาผัดทำซอสแล้วราดซอสเป็นอันเสร็จพิธี ลืมบอกไปว่า แต่ละเมนูที่ทำเสร็จเราก็จะได้ทานเลย และทุกครั้งที่ดิวปรุงน้ำจิ้ม นางก็จะตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มให้นักเรียนในคลาสได้ชิมกันทุกคนก่อนที่จะลงมือทำเอง เพื่อให้รู้ว่ารสชาติควรจะออกมาแนวไหน
ฝีมือเรา
มาเมนูที่ 3 พวกเราได้ทำข้าวเกรียบปากหม้อเวียดนาม ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ชอบทาน แต่พอได้มาทำสูตรของดิวและลองทานแล้ว รู้เลยว่าทำไมเมนูนี้เวลาไปไหนในฮอยอันก็เจอ ดิวนำแป้งที่ผสมน้ำแล้วมาให้พวกเราดู นางเติมผงขมิ้นและต้นหอมซอยลงไป แป้งก็จะกลายเป็นสีเหลืองอ่อนตัดสีเขียว จากนั้น นางก็นำกุ้งแม่น้ำตัวเล็ก ๆ และเนื้อหมูมาใส่ตอนที่หยอดแป้งลงกระทะ ในระหว่างนี้ก็ให้เตรียมผักที่มีกลิ่นหอมจากที่ซื้อที่ตลาดมาเตรียมไว้รวมทั้งถั่วงอก เพราะไส้ของข้าวเกรียบปากหม้อคือผักเหล่านี้
ไกด์หรือคุณครูของเราให้นักเรียนมาทดลองตักแป้งนึ่งด้วย
เมื่อแป้งสีเหลืองในกระทะสุกพร้อมกับกุ้งตัวน้อยและหมู เราก็จะตักแผ่นแป้งสีเหลืองอร่ามกลิ่นหอมยวนใจลงจานแล้วนำผักที่เตรียมไว้มาใส่เป็นไส้เป็นอันเสร็จพิธี ขอบอกว่า แป้งที่ทำเองจากข้าวที่โม่ใหม่ ๆ และทานร้อน ๆ นี่มันจะมีความหวานจากกุ้งและหมู อร่อยจริม ๆ ทานกับน้ำจิ้มยิ่งชูรสซึ่งกันและกัน
เฝอเนื้อแกล้มหอมดอง บีบส้มจี๊ดสำหรับคนชอบเปรี้ยว
สามเมนูเข้าไปแล้วเริ่มจะรู้สึกอิ่ม แต่ก็ยังมีเมนูขวัญใจอย่าง “เฝอ” รออยู่ ก่อนที่จะทำเมนูแรกนั้น ดิวต้มน้ำซุปให้ดูก่อนว่าทำอย่างไร และต้มทิ้งไว้จนกระทั่งมาถึงเมนูที่ 4 ก็ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง น้ำซุปเฝอของพวกเราจึงรสชาติดี ไม่มีการใส่ผงชูรสแต่อย่างใดในน้ำซุป
แต่เนื้อที่จะใส่เฝอ ดิวใส่ชิกเก้นพาวเดอร์ หน้าตาคล้าย ๆ กับขนมกิมจ๊อสมัยก่อนแต่สีขาว ๆ และพริกไทย จากนั้นนางก็สอนลวกเส้นเฝอและผัก สูตรคือ ลวก 5 วินาทีแล้วตักขึ้นใส่ถ้วย จากนั้นก็นำเนื้อที่หมักไว้มาลงหม้อ พอสุกก็ตักใส่ถ้วยตามด้วยน้ำซุป ท็อปด้วยต้นหอมและหอมเจียว เมนูเฝอจะมีส้มจี๊ดสีเขียวฝานสำหรับเติมรสเปรี้ยว (Kumquat) หอมแดงที่ดองน้ำส้มสายชูและน้ำตาลเมื่อตอนต้นชั่วโมงมากินแกล้มด้วย อิ่มและอร่อย ใจฟูมาก
ตลาดมีผักผลไม้เครื่องปรุงให้เลือกมากมาย
ที่ดีอีกอย่าง คือ ดิวจะส่งสูตรการปรุงเมนูทั้ง 4 รายการนี้ตามมาให้ด้วย จะได้ไปลองทำกันที่บ้าน ทานเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นรถ ดิวก็จะคอยถามว่าจะลงที่ไหนกัน เพราะรถจะไปส่งย่านเมืองโบราณด้วย เผื่อใครยังไม่อยากกลับโรงแรมก็บอกได้ แต่เรากับลูกขอกลับโรงแรมไปพักผ่อนกันก่อน
ช่วงสาธิตการฝัดข้าวด้วยกระด้ง
เพราะคืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง สตาฟที่โรงแรมบอกว่า ช่วง 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่มในเมืองและที่เมืองโบราณจะปิดไฟเหลือแต่แสงสว่างจากโคมไฟ สองแม่ลูกก็ตาลุกวาวกันเลยทีเดียวเชียว Full Moon Night at Ancient Town จะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อได้นะคะ
โฆษณา