31 ก.ค. เวลา 23:15 • ประวัติศาสตร์
Shou County

บทเรียนแห่งความล้มเหลวของสามขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ Failosophy of three War Lord

ขอฉายภาพของผู้นำก่อนยุคสามก๊กให้เห็นชัดๆ ที่ในตอนเริ่มกบฏโจรผ้าเหลืองมีขุนศึกที่โดดเด่นหลายคนเช่น อ้วนสุด ลิโป้ และซุนเกี๋ยน ทั้งหมดอายุ 30 เท่า ๆ กันพอดี ว่าทำไม ทั้ง 3 คนไปไม่ถึงจุดที่แบ่งแผ่นดินเป็นส่วนของตัวเองได้
เริ่มจาก "อ้วนสุด" (Yuan Shu)ผู้ยิ่งใหญ่ ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกที่สืบเชื้อสายขุนนางมาถึง 4 ชั่วอายุคน หากนับแต้มต่อของชีวิตทั้งชาติตระกูล โอกาสในความก้าวหน้า ความสามารถ และเส้นสายเครือข่าย อ้วนสุดน่าจะไปได้ไกลกว่าทุก ๆ คน แต่การรักษาความสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่า Connection คือสิ่งสำคัญ แต่อ้วนสุดถือตัวว่ายิ่งใหญ่ ทำให้เขามองข้ามเรื่องนี้จึงถูกโดดเดี่ยวโดยไม่รู้ตัวจากการผลักมิตรไปเป็นศัตรูจนหมด
ในศึก18 หัวเมืองเพื่อปราบตั๋งโต๊ะ "อ้วนสุด" เป็นผู้มีความพร้อมในลำดับต้น ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะเหนือกว่าอ้วนเสี้ยวและโจโฉ มากในฐานะเจ้าเมืองลำหยงผู้มากบารมี แต่เมื่อรัฐบาลส่วนกลางของราชวงศ์ฮั่นล่มสลาย ฮ่องเต้ตกอยู่ในอำนาจของโจโฉใน ค.ศ. 189 ในตอนนั้นโจโฉเริ่มได้เปรียบทั้งการทหารและการเมือง และการรบพุ่งเพื่อแย่งชิงอาณาเขตก็เริ่มต้น เข้าทางสมุหนายกโจโฉ
คนต่อมาที่เข้าข่ายเป็นผู้นำที่ผิดพลาด และจากไปก่อนเวลาอันควรคือ ซุนเกี๋ยน (เกิดในปี คศ. 155 เสียชีวิต ค.ศ. 191 อายุ 36 ปี) เขาได้ตราแผ่นดินมาจากซากเมืองลกเอี๋ยงในช่วง ศึกปราบตั๋งโต๊ะ ในตอนนั้นเขาเป็นผู้นำทางทหารในระดับแนวหน้าของยุค ดูแล้วภาวะผู้นำไม่ด้อยกว่าโจโฉ ดูดีกว่าสองพี่น้องตระกูลอ้วนที่เป็นเจ้านายด้วยซ้ำ แต่เพราะความประมาท ขณะเคลื่อนทัพล้อมเมืองเกงจิ๋ว ซุนเกี๋ยนมั่นใจในตนเองจนพลาด ตามตีแม่ทัพของเล่าเปียวเข้า Killing Zone ถูกพลธนู 500 คนล้อมยิงจนพรุนจบชีวิตไปก่อนวัยอันควร
เรื่องนี้ต่อมาก็เกิดซ้ำกับพยัคฆ์แห่งกังตั๋งลูกชายซุนเกี๋ยนในเรื่องเดิม คือความประมาท หลังจากติดตามพ่อในสนามรบหลายปีเมื่อพ่อตายซุนเซ็กบุตรชายของ ซุนเกี๋ยน นำตราแผ่นดินของพ่อมาจำนำกับ อ้วนสุด เพื่อขอยืมทหารจำนวน 3,000 นายนำไปตั้งตนเป็นใหญ่ในภาคตะวันออกบริเวณภูมิภาคเจียงหนาน (ปัจจุบันคือ มณฑลกวางตุ้ง)
การพิชิตกังตั๋งของซุนเซ็ก (Sun Ce's conquests in Jiangdong) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในราว ค.ศ. 194 – ค.ศ. 199 ภายใต้การนำของขุนศึกผู้มีฉายาว่า พยัคฆ์แห่งกังตั๋ง โดยผลจากสงครามครั้งนี้ซุนเซ็กสามารถรวบรวมดินแดนบริเวณเจียงหนานเข้าด้วยกันพร้อมกับตั้ง ง่อก๊ก ขึ้นในเวลาต่อมา ซุนเซ็กใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี รวมแผ่นดินกังตั๋ง สร้างอาณาจักรง่อ แต่ยอดขุนศึกผู้นี้กลับอายุสั้นเพียง 26 ปี ก็เสียชีวิตจากการฉายเดี่ยวไปล่าสัตว์ และถูกลอบสังหาร
War Lord อีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือ ลิโป้ บิ๊กเนมฉายาเทพเจ้าสงคราม ในช่วงปลายของชีวิต ลิโป้ได้จับมือกับอ้วนสุดในช่วงเวลาสั้น ๆ ใน ค.ศ. 196 เพราะอ้วนสุดเดินหมากผูกมิตรกับผู้นำแคว้นต่าง ๆ เพื่อสร้างแนวร่วมเพื่อเป็นบันไดไปสู่การเป็นฮ่องเต้ ต่อมาจึงขอมีไมตรีกับลิโป้ ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว
แต่ก็ต้องทรยศหักหลังกันเองอีกครั้งตามสไตล์ของเจ้าตัว ด้วยความที่ลิโป้ไม่ฟังความคิดเห็นของใคร และตัดสินใจผิดพลาดบ่อยครั้งทำให้ลูกน้องหมดศรัทธาและไม่เชื่อถือในตัวลิโป้ต่อไปจนเป็นเหตุให้รบแพ้โจโฉและถูกประหารชีวิต (ตอนลิโป้ถูกประหารในปี 199 คงอายุไม่เกิน 45 ปี)
ในปีค.ศ. 197 อ้วนสุด ตัดสินใจสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ โดยได้ประกาศตนเองว่าเป็น"โอรสแห่งสวรรค์" พระนามว่าพระเจ้าต๋องซือ จากที่โจโฉรู้เรื่องที่อ้วนสุดตั้งตนเป็นฮ่องเต้โจโฉ ไม่เพียงไม่โกรธแค้น แต่กลับเบิกบานใจ เพราะนั่นเข้าทาง จนเกิด การทัพปราบอ้วนสุด(Campaign against Yuan Shu) การปราบปรามเกิดขึ้นในช่วง ค.ศ. 197 - 199 การทัพครั้งนี้ถูกริเริ่มขึ้นโดยโจโฉที่ประกาศว่าการกระทำของอ้วนเสี้ยวครั้งนี้เป็นกบฏต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้
การรบสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของอ้วนสุดสองปีหลังจากประกาศตนเป็นฮ่องเต้ อ้วนสุดก็ถึงแก่กรรม (เกิดในปี 155 เสียชีวิตปลายปี ค.ศ. 199 อายุ 44 ปี) ทิ้งบทเรียนที่ว่า ผู้นำจะสูญเสียสิ่งใดก็ได้แต่อย่าสูญเสียความน่าเชื่อถือ
ไว้ให้โลกจดจำเป็นบทเรียน
โฆษณา