1 ส.ค. เวลา 08:25 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Custom ERP vs. Off-the-Shelf ERP: ทางเลือกไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ?

ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจสมัยใหม่ ทำหน้าที่ผสานรวมการทำงานต่าง ๆ เช่น การเงิน, การจัดการสินค้าคงคลัง, และการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เข้าด้วยกัน เมื่อต้องเลือกโซลูชัน ERP บริษัทต่าง ๆ มักเผชิญกับคำถามสำคัญ : ควรลงทุนพัฒนาระบบเฉพาะ (Custom ERP) หรือเลือกใช้ระบบสำเร็จรูป (Off-the-Shelf ERP) ดี? บทความนี้จะพาคุณสำรวจความแตกต่างระหว่างสองแนวทาง พร้อมข้อดี-ข้อเสีย และตัวอย่างการใช้งานจริง เพื่อช่วยคุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กรของคุณ
Off-the-Shelf ERP: โซลูชันสำเร็จรูป พร้อมใช้ทันที
Off-the-Shelf ERP หรือระบบ ERP สำเร็จรูป เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั่วไปของธุรกิจหลากหลายประเภทและขนาด มีฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานมาตรฐานที่สามารถปรับแต่งได้ในระดับหนึ่ง
ข้อดี :
  • 1.
    ถูกกว่า : Off-the-Shelf ERP มักมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่า Custom ERP เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด
  • 2.
    ติดตั้งใช้งานได้เร็ว : ระบบถูกพัฒนาและทดสอบมาแล้ว สามารถติดตั้งและใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจได้ประโยชน์เร็วขึ้น
  • 3.
    มีการอัปเดตและการสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอ : ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จะคอยอัปเดตและให้การสนับสนุนทางเทคนิค ทำให้ระบบมีความปลอดภัยและทันสมัยอยู่เสมอ
ข้อเสีย :
  • 1.
    ปรับแต่งได้จำกัด : ตัวเลือกในการปรับแต่งมักมีข้อจำกัด อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจได้ทั้งหมด
  • 2.
    อาจไม่เหมาะกับกระบวนการทำงาน : ธุรกิจอาจต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพ
  • 3.
    อาจมีฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น : คุณอาจต้องจ่ายเงินสำหรับฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้งานจริง
ตัวอย่างบริษัทที่ใช้ Off-the-Shelf ERP:
  • 1.
    ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs): หลายบริษัทเลือกใช้ Off-the-Shelf ERP เช่น SAP Business One หรือ NetSuite เพื่อจัดการด้านการเงิน สินค้าคงคลัง และลูกค้าสัมพันธ์ เพราะราคาไม่แพงและใช้งานง่าย
  • 2.
    ธุรกิจค้าปลีก : ร้านค้าปลีกอย่าง Tops Supermarket ใช้ระบบ Microsoft Dynamics 365 for Retail เพื่อจัดการสินค้าคงคลัง จุดขาย และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า
Custom ERP : สร้างมาเพื่อธุรกิจคุณโดยเฉพาะ
Custom ERP หรือระบบ ERP แบบกำหนดเอง คือการพัฒนาซอฟต์แวร์ ERP ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยคำนึงถึงกระบวนการทำงาน เวิร์กโฟลว์ และความต้องการเฉพาะขององค์กรนั้น ๆ
ข้อดี
  • 1.
    ตอบโจทย์ทุกความต้องการ : ออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการทางธุรกิจของคุณ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความพึงพอใจของผู้ใช้ได้สูงสุด
  • 2.
    ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ : สามารถปรับเปลี่ยนและขยายระบบได้ง่ายเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น
  • 3.
    ความได้เปรียบในการแข่งขัน : ฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ช่วยให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง
  • 4.
    ความปลอดภัยของข้อมูล : คุณสามารถควบคุมข้อมูลและมาตรการรักษาความปลอดภัยได้เต็มที่
ข้อเสีย
  • 1.
    ราคาสูง : การพัฒนา Custom ERP ต้องการเงินลงทุนเริ่มต้นที่สูง
  • 2.
    ใช้เวลานานในการพัฒนา : การสร้างระบบตั้งแต่เริ่มต้นต้องใช้เวลา
  • 3.
    ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ : จำเป็นต้องมีทีมนักพัฒนาที่มีทักษะเพื่อสร้างและดูแลรักษาระบบ
ตัวอย่างบริษัทที่ใช้ Custom ERP :
  • 1.
    Amazon: ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซสร้างระบบ ERP ของตัวเองเพื่อจัดการการดำเนินงานที่กว้างขวางและซับซ้อน
  • 2.
    Toyota: ระบบ ERP ที่ออกแบบมาเฉพาะของ Toyota สอดคล้องกับหลักการผลิตแบบลีน (Lean Manufacturing) ของบริษัท ทำให้มีประสิทธิภาพสูง
  • 3.
    SCG: บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCG) พัฒนาระบบ ERP เฉพาะสำหรับการบริหารจัดการโรงงานและกระบวนการผลิต
เลือก ERP ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
  • 1.
    งบประมาณ : พิจารณาข้อจำกัดด้านงบประมาณ หากมีงบจำกัด Off-the-Shelf ERP อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
  • 2.
    ความซับซ้อนของธุรกิจ : หากกระบวนการทางธุรกิจของคุณมีความเฉพาะตัวสูง Custom ERP อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
  • 3.
    ความยืดหยุ่น : หากคุณคาดการณ์การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ Custom ERP จะมีความยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ง่ายกว่า
  • 4.
    เวลา : ถ้าคุณต้องการโซลูชันที่รวดเร็ว Off-the-Shelf ERP สามารถนำมาใช้งานได้เร็วกว่า
สรุป
การเลือก ERP ที่เหมาะสมกับธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาว การทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภทและพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และนำพาธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
by Chan
โฆษณา