2 ส.ค. เวลา 11:15 • ธุรกิจ

จากร้านลอดช่องสู่ผู้นำอสังหาฯไทย บุกเบิก New S-Curve ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า NETA

หากเอ่ยถึงชื่อ “เสนา” หลายคนคงนึกถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ที่มีโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมคุณภาพมากมาย แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เสนาเริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ อย่างการขายลอดช่องเส้นเขียวใส่น้ำกะทิ ขนมไทยโบราณเมื่อ 40 กว่าปีก่อน และวันนี้เสนาไม่ได้หยุดอยู่แค่อสังหาริมทรัพย์ แต่กำลังบุกเบิกเส้นทางใหม่ในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า NETA ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่น่าจับตามอง
จุดเริ่มต้นจากร้านลอดช่อง สู่ธุรกิจอสังหาฯ พันล้าน
เรื่องราวของเสนาเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 2520 เมื่อคุณธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ด้วยการขายลอดช่องเส้นเขียวใส่น้ำกะทิ ซึ่งเป็นขนมไทยโบราณที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยความขยันและใส่ใจในรสชาติ ทำให้ลอดช่องของคุณธีรวัฒน์เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
ในปี พ.ศ. 2524 คุณธีรวัฒน์ได้เริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งวัสดุก่อสร้างประเภทไม้ จากนั้นจึงต่อยอดสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย โดยเริ่มจากการซื้อบ้านจัดสรรมาขายต่อ ก่อนที่จะพัฒนาโครงการของตัวเองในชื่อ "เสนาวิลล่า"
และในปี พ.ศ. 2536 ได้ก่อตั้งบริษัท กรุงเทพเคหะกรุ๊ป จำกัด และรุกธุรกิจบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ
ประสบการณ์จากการทำธุรกิจค้าขาย ทำให้คุณธีรวัฒน์เข้าใจถึงความสำคัญของการบริการลูกค้า และการสร้างความพึงพอใจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เขาได้นำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2552 บริษัทได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ "SENA" ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
ความสำเร็จในธุรกิจอสังหาฯ ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
ปัจจุบัน เสนาเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย มีโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์ ครอบคลุมทุกระดับราคาและความต้องการของลูกค้า โครงการของเสนาเป็นที่รู้จักในเรื่องคุณภาพการก่อสร้าง ดีไซน์ที่ทันสมัย และการเลือกทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวก
เสนาโดดเด่นด้วยการเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการบ้านโซลาร์ ภายใต้แบรนด์ "SENA Solar" ที่มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับลูกค้า นอกจากนี้ เสนายังมีแบรนด์อื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ เช่น "SENA Kith" สำหรับบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม, "The Kith" สำหรับคอนโดมิเนียมระดับบน, และ "SENA Ville" สำหรับทาวน์โฮมระดับกลาง ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน เสนาให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย:
ความเข้าใจลูกค้า: ศึกษาความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างละเอียด เพื่อพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ เช่น โครงการ "Made From Her" ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่
นวัตกรรม: นำเสนอแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น บ้านโซลาร์ ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองในบ้าน ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คุณภาพและบริการ: เน้นคุณภาพการก่อสร้างและวัสดุที่ได้มาตรฐาน รวมถึงบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม เพื่อสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
ความหลากหลาย: พัฒนาโครงการหลากหลายรูปแบบและระดับราคา ตั้งแต่บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ไปจนถึงโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าทุกกลุ่ม
ทำเล: คัดสรรทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษา
การตลาดและโปรโมชั่น: สื่อสารแบรนด์และโครงการอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จัดโปรโมชั่นและแคมเปญส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดลูกค้า
การร่วมทุน: สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาโครงการ เช่น การร่วมทุนกับ Hankyu Hanshin Properties Corp. ในโครงการคอนโดมิเนียมหลายแห่ง เพื่อนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นมาปรับใช้
บุกเบิก New S-Curve ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า NETA
ในปี พ.ศ. 2565 เสนาได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในการขยายธุรกิจสู่ New S-Curve ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า NETA ในประเทศไทย โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดมลพิษและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
NETA เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและราคาที่เข้าถึงได้ เสนามีเป้าหมายที่จะทำให้ NETA เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเน้นการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศน์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร ด้วยการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ พัฒนาบริการหลังการขาย และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม
เป้าหมายของ NETA ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
NETA มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย:
ระยะสั้น: ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คัน ภายในปี 2566 และ 20,000 คัน ในปี 2567 พร้อมทั้งขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์ NETA ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ระยะยาว: ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เริ่มผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า NETA ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน และร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศน์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีความสมบูรณ์
ความท้าทายและโอกาส
เสนาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการทำธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม เสนามองเห็นโอกาสในการเติบโตอย่างมากในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา