3 ส.ค. เวลา 07:07 • กีฬา

สุนิสา ลี นักยิมนาสติกเชื้อสายม้ง กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 20 กิโลใน 1 เดือน เธอเอาชนะมันได้อย่างไร?

ถ้าตื่นเช้ามา น้ำหนักตัวของคุณเพิ่มขึ้นแบบงงๆ และภายใน 1 เดือน มันก็เพิ่มไปเรื่อยๆ จนหนักขึ้นกว่าเดิม 20 กิโลกรัม คุณจะทำอย่างไร?
5
นี่คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับ "สุนิสา ลี" นักยิมนาสติก เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกชาวสหรัฐฯ ที่เกือบจะต้องตัดใจจากการเล่นกีฬาไปแล้ว
1
สุนิสา มีคุณพ่อ-คุณแม่ เป็นคนชาติพันธุ์ม้ง ที่อาศัยอยู่ในประเทศลาว โดยคุณแม่ของเธอ ตั้งชื่อสุนิสาตามนางเอกละครไทยคนหนึ่ง
นั่นคือเหตุผลที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเธอมีเชื้อไทย โดยนามสกุลแรกของเธอคือ ภาพสมภู
พ่อแม่ของสุนิสา หนีภัยสงครามมาตั้งรกรากในรัฐมินเนโซต้า ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่จากนั้นพ่อ-แม่ ได้หย่าร้างกัน แม่ของสุนิสา แต่งงานใหม่กับชาวม้งอพยพอีกคน ที่ชื่อว่าจอห์น ลี ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนนามสกุลจากภาพสมภู มาใช้ "ลี" ตามพ่อเลี้ยง
สุนิสา มีพรสวรรค์เรื่องยิมนาสติกตั้งแต่เด็ก และก้าวไปติดทีมชาติสหรัฐฯ ไปแข่งโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ด้วยวัย 18 ปีเท่านั้น
1
ตอนแรกไม่มีใครคาดหวังว่าเธอจะชนะ ทุกคนจับจ้องไปที่ซิโมน ไบลส์ เจ้าของเหรียญทอง ประเภทเดี่ยวรวมอุปกรณ์ จากโอลิมปิกครั้งก่อนที่ริโอ แต่เมื่อไบลส์ ประกาศถอนตัวอย่างกะทันหันก่อนแข่งไม่กี่วัน ทำให้สปอตไลท์ ตกมาอยู่ที่สุนิสาแทน
และเธอก็ไม่ทำให้คนอเมริกันผิดหวัง เมื่อคว้าเหรียญทองประเภทหญิงเดี่ยวรวมอุปกรณ์ไปครองอย่างน่าประทับใจมาก กลายเป็นวีรสตรีในชั่วข้ามคืน
1
เมื่อเธอได้เหรียญทองโอลิมปิก ทำให้เธอได้รับชื่อเสียงมหาศาล เธอได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้มากกว่า 10 แบรนด์โฆษณา เช่น เกเตอเรด, อเมซอน, โรงแรมแมร์ริออต ฯลฯ
เธอได้ร่วมแข่งขันโชว์ดัง Dancing with the Stars ได้เจอคนมีชื่อเสียงระดับโลก อย่างริฮานน่า ได้ออกรายการทอล์กโชว์ดังของเจมส์ คอร์เด้น และ ได้ไปร่วมงาน Met Gala ที่นิวยอร์ก
เมื่อจบโอลิมปิก พอกลับไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยออเบิร์น ก็เกิดปรากฏการณ์ชื่อ "สุนิสาเอฟเฟ็กต์" นั่นคือการแข่งขันยิมนาสติกระดับคอลเลจ ที่ปกติจะมีคนดูไม่ค่อยเยอะ แต่พอสุนิสาร่วมแข่งขันด้วย คนเข้ามาดูเต็มโรงยิมเสมอ เธอกลายเป็นเซเล็บที่ใครๆ ก็อยากเจอ
2
จากเด็กน้อยที่มีคนรู้จักกลุ่มเล็กๆ อยู่ๆ กลายเป็นคนมีชื่อเสียงระดับประเทศ มันทำให้เธอต้องปรับตัวอย่างยากลำบากเช่นกัน
ในหอพักที่เธออยู่อาศัย ภายในมหาวิทยาลัย แต่ละวันจะมีคนสอดกระโดดโน้ต ผ่านช่องว่างใต้ประตูห้อง เพื่อบอกความรู้สึกว่าปลื้มเธอขนาดไหน
4
ในโรงอาหาร เธอไม่มีเวลาได้กินแบบสบายๆ เพราะเพื่อนนักศึกษาจะมาขอถ่ายรูปด้วยตลอด และหลายๆ คน ก็ชอบถ่ายวีดีโอทำคอนเทนต์ว่า "วันนี้ สุนิสากินอะไร"
7
จากนั้นเวลาเธอเดินไปไหน ก็จะมีเสียงตะโกนว่า "สุนิสา สุนิสา" คอยเรียกเธออยู่เสมอ
สิ่งต่างๆ ประเดประดังเข้ามาหาเธอในพริบตา จนเธอเริ่มไม่ค่อยสบายใจขึ้นเรื่อยๆ
สุนิสาเล่าว่า "ฉันไม่สามารถเชื่อใจใครได้เลย รู้สึกเหมือนว่า ทุกๆ คนต้องการบางอย่างจากฉันอยู่เสมอ พวกเขาจะพูดว่า 'สุนิสา เธอทำอันนี้ให้ฉันหน่อย ทำอันนั้นให้ฉันหน่อยได้ไหม?' กลายเป็นว่า ฉันไม่กล้าพูดอะไร กับใครอีกเลย"
2
แค่นั้นยังไม่พอ แต่มีอีกเรื่องที่เธอลำบากใจนั่นคือ เธอถูก "สตอล์กเกอร์" ที่เป็นผู้ชายชาวม้ง อายุราวๆ 40 ปี ไล่ตามไปทุกที่
1
เขาตามติดเธอไปที่นั่น ที่นี่ ทั้งที่มินเนโซต้า จนมาถึงมหาวิทยาลัยออเบิร์น ที่อลาบาม่า หรือเวลาไปแข่งที่ต่างเมืองก็ตามไป คือเด็กอายุ 18-19 เจอคนตามติดแบบนี้ จึงรู้สึกหวาดผวาในการใช้ชีวิต
2
ความอึดอัดใจในทุกๆ อย่าง ทำให้เธอเริ่มเก็บตัวอยู่ในห้องมากขึ้น หลายๆ คลาส เธอเลือกจะเรียนออนไลน์แทน สุนิสาบอกว่า "ฉันต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ตัวคนเดียว"
1
จากเด็กที่มั่นใจ พอเจอทุกอย่างพุ่งชนอย่างรวดเร็ว เธอจึงคิดว่า วิธีป้องกันตัวที่ปลอดภัยที่สุดคือการเก็บตัวอยู่เงียบๆ
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุดของเธอ
กุมภาพันธ์ 2023 อีกแค่หนึ่งปี ห้าเดือน จะถึงโอลิมปิกที่ปารีส สุนิสาตื่นเช้าขึ้นมา แล้วรู้สึกว่า ข้อเท้าของเธอ "บวม"
คือปกติสำหรับนักกีฬายิมนาสติก ข้อเท้าบวมมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ เมื่อเธอสังเกตดูทั้งตัว ปรากฏว่า แขน ขา มือ รวมถึงใบหน้า บวมขึ้นพร้อมกันทั้งหมด และน้ำหนักอยู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นแบบงงๆ
ตอนที่เธอไปซ้อมยิมนาสติก ก็ทำได้ยากลำบาก แค่โหนบาร์ธรรมดาๆ ยังทำไม่ได้ เพราะนิ้วเธอบวม จนเหนี่ยวรั้งบาร์ไม่ไหว จนร่วงลงเบาะข้างล่างทุกที
เธอไปปรึกษากับเจสส์ กราบ้า เฮดโค้ชส่วนตัว และโค้ชมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ จึงติดต่อไปหา ดร.มาร์เซีย ฟาอุสติน แพทย์ของทีมยิมนาสติกสหรัฐฯ เพื่อขอคำแนะนำจากแพทย์ว่าเกิดอะไรขึ้น
การวินิจฉัยเบื้องต้น ดร.ฟาอุสติน คิดว่าเธอแพ้อะไรสักอย่าง แต่ปัญหาคือ หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ ร่างกายของเธอก็บวมขึ้นไม่หยุด ขณะที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 18 กิโลกรัม!
คือสุนิสา เป็นคนตัวเล็ก สูงแค่ 152 เซนติเมตร การที่น้ำหนักเพิ่มมาถึง 18 กิโล ทำให้รูปลักษณ์ของเธอ แทบจะกลายเป็นคนละคนไปเลย เธอใส่เสื้อผ้าที่มีอยู่ไม่ได้อีกแล้ว
2
ถึงตอนนั้นเธอรู้แล้วว่า ร่างกายไม่ได้แพ้ เป็นอะไรบางอย่างที่รุนแรงมากกว่านั้น แต่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนตัดพ้อว่า "ฉันได้แต่คิดว่า อาจจะเล่นยิมนาสติกไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต และอาจไม่ได้แข่งโอลิมปิกอีกแล้ว"
2
สุนิสา เข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดที่สุด และสุดท้าย วันที่ 3 เมษายน 2023 หมอก็สรุปได้ว่า เธอเป็น "โรคไต" (Kidney Disease) ที่มีความซับซ้อน
1
นี่เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ คุณยายของเธอเสียชีวิตด้วยโรคไต พี่ชายของแม่เสียชีวิตด้วยโรคไต และ คราวนี้ก็เป็นเธอที่ต้องเผชิญกับมัน
2
เมื่อตรวจเจอปัญหา แพทย์สั่งห้ามสุนิสาซ้อมและลงแข่งยิมนาสติกอย่างเด็ดขาดในเบื้องต้น ร่างกายเธอไม่อยู่ในสภาพที่จะเล่นกีฬาได้แล้ว
1
ในช่วงนั้น สุนิสาจมดิ่งมาก เธอลาออกจากมหาวิทยาลัยออเบิร์น ด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจนรูปร่างเปลี่ยนเยอะ เธอเองก็ไม่อยากเจอใครอีกแล้ว
1
เธอกลับไปอยู่บ้านที่มินเนโซต้า ซึ่งพออยู่บ้าน เธอเอาแต่ร้องไห้ทุกวัน นอนจมอยู่บนเตียง
2
สุนิสาเล่าว่า "ทำไมฉันต้องตื่นขึ้นมาแล้วร่างกายบวมทั้งตัว และบางทีฉันอาจจะต้องอยู่ในร่างกายแบบนี้ไปทั้งชีวิตก็ได้"
ความโชคดีของสุนิสา คือเธอมีคนรอบตัวดี โค้ชเจสส์ กราบ้า แนะนำให้เธอเลิกเล่นโซเชียลมีเดียไปเลย อย่าบั่นทอนตัวเองในโลกออนไลน์
ขณะที่โค้ชทีมชาติ ดร.ฟาอุสติน ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไต ก็ช่วยกัน หาหนทางว่าทำอย่างไร จะทำให้ร่างกายของเธอคืนสภาพได้อีกครั้ง
นักกีฬาหนึ่งคน คือทรัพยากรที่ล้ำค่าของประเทศ ดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามทุกอย่าง ที่จะทำให้สุนิสากลับมาเป็นปกติให้ได้อีกครั้ง
2
หลังจากไม่ได้ซ้อม 4 เดือนเต็ม และน้ำหนักพุ่งไปสูงสุดเกิน 20 กิโลกรัม ทีมแพทย์จึงค้นพบว่า อาการที่สุนิสาเป็น ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่เธอสามารถควบคุมไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ทีมแพทย์ต้องวางแผนการกินอาหารทั้งหมดมาให้เธอ เช่น ห้ามกินอาหารเค็ม เพราะค่าโซเดียมที่สูงขึ้น จะส่งผลต่อการทำงานของไตโดยตรง และต้องกินหลายๆ มื้อระหว่างวัน อย่าโหมกินหนักแค่ 2 ครั้งต่อวัน
1
นอกจากนั้นมีการหายา กับอาหารเสริมมาช่วย แต่ก็ตรวจเช็กอย่างดีว่า ไม่ผิดกฎการใช้สารกระตุ้นของนักกีฬา และทุกสัปดาห์เธอต้องไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 2 ครั้ง
ความยากในเคสของสุนิสา คือ "ตัวยา" แพทย์แนะนำให้เธอกินยาหลายตัว หลายๆ ครั้งก็ไม่ช่วยให้เธอดีขึ้น กว่าจะค้นพบยาที่ยับยั้งอาการได้จริงๆ ก็ใช้เวลานานทีเดียว
ในเดือนกันยายน 2023 น้ำหนักเธอที่เคยเพิ่มขึ้น 20 กิโลกรัม ค่อยๆ ลดลง
เสื้อผ้าที่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใส่ไซส์ XL ก็กลับมาใส่ ไซส์เล็กของตัวเองได้ตามปกติ
ในที่สุด สุนิสาสามารถกลับมาซ้อมได้เป็นครั้งแรก หลังจากห่างหายไปนานมาก
แน่นอนเธอยังไม่สามารถซ้อมวันละ 8 ชั่วโมงแบบเดิมได้ เธอได้แต่ซ้อมเบาๆ แค่นั้น และบางวันที่ร่างกายไม่ค่อยพร้อม เธอก็จะเปลี่ยนไปซ้อมเต้น หรือ กระโดดแทรมโพลีน ที่ใช้พลังน้อยกว่าแทน
1
ในช่วงซ้อม โค้ชต้องบอกให้เธอใจเย็นๆ อย่าทำอะไรที่ยากเกินไป ในอดีตเธอคือคนที่เก่งที่สุดในโลกจริง แต่ร่างกายเธอยังไม่พร้อมที่จะกลับไปสู่จุดนั้น
เมื่อกลับมาซ้อมได้แล้ว สุนิสาจริงจังอย่างมาก ทั้งการควบคุมอาหาร ทั้งการซ้อม เป้าหมายคือกลับไปติดทีมชาติให้ได้อีกครั้ง
2
สุนิสาอธิบายว่า "ฉันรู้ว่าชีวิตของฉันมีอะไรมากกว่ายิมนาสติก อนาคตต่อไปฉันก็คงจะสนใจอย่างอื่น แต่ ณ วินาทีนี้ ยิมนาสติกคือทั้งชีวิตของฉัน"
3
เธอมีแพสชั่นแรงกล้า และเดินหน้าทำจริง ถ้าอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ ต้องมีวินัยมาก ควบคุมการกิน และการออกกำลังกายอย่างเข้มงวด
ขณะที่เรื่องของจิตใจ เธอก็เยียวยา ด้วยการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ออสเตรเลียน เชพเพิร์ด ชื่อ บีน นอกจากนั้น เธอไปรับงานพิเศษ เป็นครูสอนยิมนาสติกให้เด็กประถมที่เพิ่งเริ่มหัดตีลังกา คือเด็กๆ ตัวจิ๋ว มีแต่จิตใจบริสุทธิ์ ไม่มีใครคิดจะขอลายเซ็นเธอ หรือถ่ายคลิปเธอเอาไปทำเป็นคอนเทนต์ เด็กๆ ทุกคนสนุกกับยิมนาสติกเฉยๆ และนั่นทำให้เธอผ่อนคลาย เหมือนได้กลับไปสู่ตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง
6
สิ่งที่เราเห็นคือ หลังจากเธอได้เหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียว เธอต้องเผชิญกับปัญหาทุกรูปแบบ การปฏิบัติตัวของคนอื่นๆ ที่มีกับเธอ ปัญหาสตอล์กเกอร์ รวมถึงสภาพร่างกายที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
สำหรับเด็กสาวอายุเท่าเธอ เจออะไรเยอะขนาดนี้ ถือว่าหนักหน่วงมาก ลองคิดดูว่า ถ้าตื่นมา แล้วน้ำหนักพุ่งไปเกิน 20 กิโลกรัม กับอาชีพที่ใช้ความงดงามของร่างกายเป็นหลัก มันคงไม่รู้จะรับมืออย่างไรเหมือนกัน
ในเดือนมกราคม 2024 ร่างกายของสุนิสา อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นมาก เธอสามารถกลับมาซ้อมเต็มรูปแบบ นั่นคือวันละ 8 ชั่วโมง โดยเป้าหมายของเธอ คือเตรียมความพร้อมที่สุด ก่อนถึงวันคัดตัวโอลิมปิกของทีมชาติสหรัฐฯ
1
30 มิถุนายน 2024 การคัดตัวนักยิมนาสติกโอลิมปิกของทีมชาติสหรัฐฯ ก็มาถึง โดยจัดแข่งที่ทาร์เก็ต เซ็นเตอร์ ในรัฐมินเนโซต้า บ้านเกิดของสุนิสาพอดี
1
โดยคณะกรรมการจะคัดเลือกเอานักกีฬา 5 คน ที่มีผลงานดีที่สุด ติดทีมชาติสหรัฐฯ ในประเภททีมหญิง ไปลุยที่ปารีส
ผลการแข่งขัน ปรากฏว่า อันดับหนึ่งคือ ซิโมน ไบลส์ ที่ทำคะแนนสูงสุดตามคาด
ส่วนอันดับสอง ได้แก่ สุนิสา ลี
1
นั่นทำให้สุนิสา ได้กลับไปโอลิมปิกอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า 1 ปีก่อนหน้านี้ เธอยังเจอปัญหาชีวิตสารพัดขนาดนั้น
1
ในช่วงพิธีรับรางวัล พิธีกรยื่นไมค์ให้สุนิสาพูดความรู้สึก เธอกล่าวว่า "ขอบคุณทุกกำลังใจที่ผลักดันให้ฉันเดินหน้าต่อ ถ้าย้อนกลับไป 1 ปีที่แล้ว ฉันไม่คิดว่าจะ.." จากนั้นก็กลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้ออกมากลางอารีน่า
หลังจากตั้งสติได้ เธอกลับไปพูดต่อว่า "ฉันไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ที่ได้ติดทีมชาติร่วมกับสาวๆ มหัศจรรย์กลุ่มนี้ และฉันก็รอไม่ไหวแล้วที่จะไปลุยปารีส!"
ตอนที่สุนิสาได้โควต้า บางคนก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น มิเคย์ล่า สกินเนอร์ อดีตนักยิมนาสติกของสหรัฐฯ ได้ออกมาวิจารณ์ว่า "สุนิสาไม่ได้มีร่างกายแบบนักยิมนาสติก" ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่สุนิสาต้องพิสูจน์ตัวเองในสนาม
1
และแล้ว การแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีสก็มาถึง สหรัฐฯ คว้าเหรียญทองประเภททีมหญิงไปครองอย่างยิ่งใหญ่ และสุนิสา ลี ก็มีผลงานที่ดีเยี่ยมตามมาตรฐาน
2
ขณะที่ประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ เธอคว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ แปลว่าที่ปารีสครั้งนี้ เธอออกสตาร์ตด้วย 1 ทอง 1 ทองแดง และอาจมีเหรียญเพิ่มอีก โดยเฉพาะจากประเภทบาร์ต่างระดับ ที่เธอถนัดที่สุด
2
คำวิจารณ์ใดๆ ไม่มีผล สุนิสา ทำได้จริงๆ
1
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน ของอังกฤษ พาดหัวข่าวว่า "การกลับมาคว้าเหรียญทองของซิโมน ไบลส์ ไม่ใช่การคัมแบ็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโอลิมปิกครั้งนี้"
ซิโมน ไบลส์ กลับมาคว้าเหรียญทอง หลังจากที่ขอถอนตัวจากโอลิมปิกที่โตเกียว เป็นเฮดไลน์ก็จริง แต่หลายคนประทับใจเรื่องของสุนิสามากกว่า เพราะเธอสามารถเอาชนะปัญหาทุกอย่าง ทั้งเรื่องจิตใจ และเรื่องร่างกาย จนสามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกได้อีกครั้ง
2
ทุกวันนี้ สุนิสา ลี จึงกลายเป็นไอดอลของเยาวชนที่สหรัฐฯ เธอทำให้เห็นว่า ปัญหาทุกอย่างมันผ่านไปได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้
4
วันนี้เธอคือเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยก็จริง แต่ภูมิหลังของเธอ ก็ไม่ได้เกิดมาในบ้านที่ร่ำรวย ครอบครัวเป็นผู้อพยพเผ่าม้ง ส่วนพ่อเลี้ยงที่ดูแลเธอมาตลอด ก็ป่วยเป็นอัมพาต
จากนั้นก็เจอเรื่องไต เรื่องน้ำหนักขึ้น เรื่องสตอลเกอร์ สารพันปัญหามากๆ ชีวิตของเธอไม่มีอะไรง่ายเลย
แต่สุดท้ายสุนิสาก็ยังก้าวไปจุดสูงสุดได้สำเร็จ
โดนทุบแค่ไหนก็ไม่ยอมแพ้พ่าย นี่คือคาแรคเตอร์ของผู้ชนะที่อยู่ในตัวสาวอเมริกันเชื้อสายม้ง วัย 21 ปีคนนี้
1
#sunisaTHEFIGHTER
โฆษณา