5 ส.ค. เวลา 09:07 • หนังสือ
ซอย ลาดพร้าว 87

พื้นที่สีขาว และพื้นที่สีดำ

คำขอโทษ ไม่ว่าจะกี่ร้อยพันครั้ง จากเรื่องเดิมๆ ก็เทียบคุณค่าไม่ได้กับการได้รับโอกาสเพื่อพิสูจน์ตัวเองแม้เพียงครั้งเดียว
Memie ชะนีสายดาร์ค
พอดีบังเอิญปัดไปเจอ โพสๆนึง ที่คนโพสน่าจะโพสถึงเพื่อนของเขา น่าสนใจดีเลยเอามาแชร์ให้อ่านกันนะคะ
พื้นที่สีขาว กับพื้นที่สีดำ
“มันมีเส้นๆนึงกั้นไว้ระหว่างสีขาว กับ สีดำ“
คนเราเกิดมาทุกคนจะอยู่บนพื้นที่สีขาวกันหมด
(แบบขาวโพลน สะอาดไปหมดอ่ะ ลองนึกภาพตามนะ)
ตอนนั้นมึงเด็กเลยยังไม่รู้ว่า มันจะมีพื้นที่สีดำด้วย เพราะรู้จักแต่สีขาวมาตั้งแต่เกิด
แต่พอเราเริ่มโต เราก้อเจออะไรกันมาใช่ป่ะ กิเลส สิ่งยั่วยุ อิจฉา นั่นนี่ พอรู้ตัวอีกที
”เชี่ย เริ่มมองเห็นพื้นที่สีมืดๆอยู่ไกลๆ
มันคืออะไรวะ?? แต่...ช่างมันเถอะ
คงไม่เกี่ยวอะไรกับเรามั้ง“
ก็ไม่ได้เอะใจ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องไประแวดระวังอะไรกับมัน เราก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ
พอเราเริ่มโตขึ้น กิเลส อัตตาตัณหา มันก็เปลี่ยนรูปแบบไปตามเรา มันเติบโตตามเรา
จากที่กิเลสสีขาว สมัยเด็กๆ อาจจะแค่แอบกินขนมตอนกลางคืน หรือแอบเล่นน้ำ เล่นดิน กับเพื่อน อะไรแบบนั้น โกหกพ่อแม่ เพราะไม่อยากโดนดุ
ใช่ พอเราโต จากเหตุการณ์ที่เราได้ผ่านมา โลกที่พัฒนาขึ้น ทำให้
“วิถีแห่งความสุข มันจะเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น”
และความสุขแบบง่ายๆ ลำพังแค่ กินขนม ดูการ์ตูน เล่นกับเพื่อน มันอาจจะไม่สามารถเติมความสุขให้เราได้อีกต่อไป
ความสุขของเรามันเริ่มยากขึ้น เราจึงต้องอาศัย พึ่งพาวัตถุ หรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ เพื่อจะเติมเต็มความสุขของตัวเอง
โดยลืมคำนึงไปว่า .... ระหว่างนั้นเราได้เบียดเบียนใครไปบ้าง เอาเปรียบใครบ้างเพื่อที่จะได้มาซึ่งความสุข ซึ่งมันพอได้มา ก็ดูจะไม่ยาวนานพอ
 
“อะไรกัน ไม่หรอก มึงไม่เคยทำร้ายใคร”
เมื่อไม่มีเจ้าทุกข์ ก็ไม่มีใครทุกข์
เราไม่ได้รับรู้ แปลว่าไม่มีใครเดือดร้อน
เราก็ยังทำต่อไป ไม่สนใจใคร
“เอ...พื้นที่สีดำดูกว้างมากขึ้นอีกนิดนึงรึเปล่าน้าาา???” มึงอาจเผลอคิด แต่ก็ยังไม่ได้ใส่ใจ
ขณะที่เรากำลังสนุกสนาน และมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่นั้น
“ไอ้พื้นที่สีดำมันก็เริ่มเข้ามาครอบคุมพื้นที่สีขาวของเราไปเรื่อยๆ”
และมันจะขยายใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่เราเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น เราอาจจะคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก นิดๆหน่อยๆ ไม่มีใครเดือดร้อน
(แต่จริงๆแล้วมึงรู้ดีในใจว่ามี จริงมั้ย?)
และทันใดนั้น
“พื้นที่สีขาวก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีดำเต็มพื้นที่!!”
เหลือมึงเป็นแค่จุดสีขาวอยู่จุดเดียว!!!
ที่ดูเหมือนมันกำลังจะไม่ขาวสะอาดเหมือนก่อน!!!
ระหว่างที่กำลังจะโดนสีดำมากลืนกิน
เราพยายามไขว่คว้า เอื้อมมือไปสุดเอื้อมเท่าไหร่ ก็เจอแต่ความว่างเปล่า มืดมิด ไขว่คว้าอะไรไว้ไม่ได้เลย
ขณะที่กำลังจะโดนสีดำมากลืนกิน ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่า
ก่อนหน้านี้ ตอนที่มีพื้นที่สีขาวกว้างกว่านี้ ระหว่างที่เรากำลังสนุกอยู่ตรงขอบเส้นแบ่งอยู่นั้น
ก็เคยได้ยินเสียงเรียก จากสีขาวนี่นา ให้เรากลับไป แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจเลย !!!!
“ตอนนี้เสียงน่ารำคาญนั้นอยู่ที่ไหนนะ?? ทำไมไม่มีใครเรียกฉันเลย?? มีใครได้ยินฉันไหม??“
และนึกขึ้นได้อีกว่า
“ก่อนนี้เคยมีมือที่ยื่นมาเข้ามานี่นา เต็มไปหมด
มาดึงมาวุ่นวาย แถม มีเชือกที่ส่งมาให้หลายต่อหลายครั้ง น่ารำคาญสุดๆ เกะกะ ส่งอะไรมา เราก็ปัดทิ้งไปหมด กวนใจจริงๆ“
เพราะปัดทิ้งตลอด คนส่งก็คงคิดว่าเราไม่อยากได้ก็เลยไม่ส่งมาให้อีกเลย..... ... บ้าจริง!!
“ตอนนี้มือ หรือเชือกพวกนั้นอยู่ที่ไหนนะ?? ทำไมไม่มีใครส่งอะไรให้ฉันเหมือนทุกทีล่ะ?? ฉันจะโดนกลืนกินอยู่แล้วนะ??”
แล้วจุดขาวๆ จุดนั้นก็กลายเป็น1ในสีดำที่คลอบคลุมอยู่เต็มพื้นที่....
สีดำคือกิเลสทั้งหลาย อบายมุข ความฉิบหาย
สีขาวคือ ความไร้เดียงสา ไร้มลทินใดๆ
หากเราปล่อยใจ เสพย์สุข จนเผลอทำร้ายคนรอบข้าง เมื่อนั้นสีดำในใจคุณก็เริ่มแผ่ขยายขึ้นทีละนิดแล้ว
ทำดี มันทำยากกว่า ทำชั่ว
เพราะต้องใช้ความอดทน และข่มใจต่อกิเลส และสิ่งยั่วยุ ส่วนทำชั่ว ทำได้เลยแบบไม่ต้องคิดหรืออดทนอะไร ไม่มีสติ เมาๆยังทำได้เลย
นั่นคือเหตุผลง่ายๆ ของกาลียุค
Memie ชะนีสายดาร์ค
สิ่งที่ทำแล้วตัวเราเดือดร้อนคนอื่นได้ประโยชน์ อย่าทำ
สิ่งที่ทำแล้วตัวเราได้ประโยชน์คนอื่น
เดือดร้อน อย่าทำ
สิ่งที่ทำแล้ว เดือดร้อนทั้งเราและคนอื่น
อย่าทำ
สิ่งที่ทำแล้วทุกคนได้ประโยชน์ ไม่มีใครเดือดร้อน ควรทำ
โฆษณา