6 ส.ค. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

ตระกูล Rothschild รวยเงียบ ๆ อย่างไร ถึงไม่มีใครในโลก รู้ทรัพย์สินที่แท้จริง

หากพูดถึงตระกูลที่รวยอันดับ 1 ของโลก
หลายคนอาจเดาว่าเป็นตระกูล Arnault เจ้าของ LVMH
ตระกูล Buffett ของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
หรือตระกูล Ambani จากอินเดียที่เพิ่งจัดงานแต่งงานมูลค่าหมื่นล้าน
แต่ใครที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ คงจะรู้ว่าคำตอบที่แท้จริง คือตระกูล Rothschild (รอธส์ไชลด์) หนึ่งในตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริงของครอบครัวนี้เป็นปริศนา
มีการ “คาดการณ์” ว่าทรัพย์สินของตระกูลนี้ มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ บ้างก็ว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึง 400-500 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถ้าเป็นเงินไทย ก็ตั้งแต่ 35 ล้านล้านบาท ไปถึง 17,964,000,000,000,000 บาท (หลักหมื่นล้านล้านบาท)
ตัวเลขทรัพย์สินเยอะขนาดที่บางคนก็มองว่าตระกูลนี้เป็นเจ้าของโลกใบนี้ บ้างก็ว่าเงินของคนทั้งโลกรวมกันก็ไม่เท่าตระกูลนี้
ซึ่งทุกอย่างเป็นการคาดการณ์เท่านั้น ตลอดชีวิตนี้เราก็คงไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าแท้จริงแล้ว ครอบครัวนี้มีมูลค่าทรัพย์สินเท่าไร
1
แต่หากใครสงสัยว่าเงินจำนวนมหาศาลแบบนี้ พวกเขา “ทำอย่างไร” ถึงไม่มีใครในโลกรู้ทรัพย์สินที่แท้จริง ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ตระกูล Rothschild เป็นครอบครัวชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนี
มีชื่อเสียงโด่งดังช่วงศตวรรษที่ 18-19 ในแง่ความมั่งคั่ง และอิทธิพลในธุรกิจการเงิน
ว่ากันว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่คิดค้นระบบของธนาคารที่เราใช้มาจนทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของตระกูลนี้ มาจากคุณ Mayer Amschel Rothschild พ่อค้าเงิน ที่ทำอาชีพปล่อยเงินกู้ในชุมชนเล็ก ๆ
ด้วยความที่เขาเก่งเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากชนชั้นสูง จนกษัตริย์ Wilhelm IX of Hesse แห่งเยอรมนีให้เขาดูแลพระคลังของพระองค์
พอเสียชีวิตคุณ Mayer ก็ส่งต่อกิจการของเขาให้ลูก ๆ ที่เหลือ ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 5 คนก็กระจายไปทำธุรกิจด้านการเงินต่อจนทั่วยุโรป อย่างคุณ Nathan ลูกชายคนที่ 3 ก็ไปทำธุรกิจแบบพ่อของเขาที่ลอนดอน
พวกเขาทั้ง 5 คนต่างเคยปล่อยเงินกู้ให้กษัตริย์และรัฐบาลต่าง ๆ ในช่วงสงคราม เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น อเมริกา เพื่อซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ และฟื้นฟูประเทศ
แน่นอนว่ามันทำให้พวกเขาสามารถทำกำไรได้มหาศาล และยังมีเงินจากการเก็งกำไรจากพันธบัตรต่าง ๆ อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น บุตรชายทั้ง 5 คนก็ต่อยอดเงินจากบิดาไปทำธุรกิจอื่น ๆ
1
พวกเขาไปถือหุ้นใหญ่ของหนึ่งในบริษัทเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไปทำธุรกิจน้ำมัน สร้างรถไฟ อสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี สื่อต่าง ๆ และธุรกิจอีกสารพัดที่เราไม่รู้จักชื่อ
1
อย่างไรก็ตาม มีธุรกิจที่เรารู้แน่ชัดว่าเป็นของพวกเขา นั่นคือไวน์ Mouton Cadet หนึ่งในไวน์ที่ดังและแพงที่สุดของฝรั่งเศส
ตระกูล Rothschild มักสืบสายเลือดบริสุทธิ์ภายในตระกูล และส่งต่อธุรกิจให้ลูกชายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ทำให้ความมั่งคั่งมหาศาลนี้วนเวียนอยู่ในตระกูลของพวกเขา
1
ปัจจุบันหลายคนในตระกูลยังคงทำงานในธุรกิจการเงิน โดยดำรงตำแหน่งผู้บริหาร เจ้าของธนาคาร เจ้าของบริษัทจัดการการลงทุน และบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เช่นเดิม
แม้หลายคนในตระกูลจะมีอาชีพและบริษัทที่เป็นปริศนา แต่สมาชิกที่ถูกเปิดเผยรายชื่อก็ยังมีอยู่ เช่น
2
- คุณ Evelyn de Rothschild ที่ปรึกษาด้านการเงิน ของควีนเอลิซาเบธที่ 2
- คุณ Lord Jacob Rothschild อดีตประธานบริษัท N.M. Rothschild & Sons
- คุณ Hannah Rothschild อดีตคณะกรรมการบริหาร National Gallery London
- คุณ Lady Lynn Forester de Rothschild ประธานบริษัท E.L. Rothschild LLC
1
ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ บางคนก็เปลี่ยนนามสกุล แถมกระจายกันไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ และบริษัทที่ลูกหลานพวกเขาทำธุรกิจ มักไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น ยิ่งทำให้ข้อมูลทั้งหมดแทบไม่เคยถูกเปิดเผย
จนกระทั่งล่าสุด หลังการเสียชีวิตของคุณ Lord Jacob Rothschild หนึ่งในทายาทของตระกูลนี้ มีรายงานจาก Sunday Times Rich List ว่าเขาทิ้งมรดกไว้ 3 หมื่นล้านบาท
2
แต่คนทั่วไปก็เห็นตรงกันว่า มันเป็นกระเป๋าตังค์เพียงใบเดียวของพวกเขา เพราะอย่าลืมว่าพวกเขามีทายาทอีกจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด คงต้องคูณเงินจำนวนนี้ไปไม่รู้กี่เท่าตัว
1
สรุปว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขารวยเงียบ ๆ แต่รวยมหาศาลขนาดนี้ คือพวกเขากระจายความรวยไปทั่ว ๆ ผ่านลูกชายทั้ง 5 คน ต่างกับตระกูลอื่น ๆ ที่มักรวบรวมความรวยไว้ที่คนเดียว และส่งต่อเพียงบุตรชายคนเดียว
แถมครอบครัวนี้ยังไม่ชอบทำตัวโดดเด่น ธุรกิจที่พวกเขาทำก็ไม่ได้ดังระดับโลก เวลาจัดอันดับคนรวยที่สุด ครอบครัวนี้ก็จะไม่ถูกจัดอันดับ เพราะทรัพย์สินพวกเขาไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจนถึงทุกวันนี้ ทรัพย์สินของครอบครัวนี้จะทำได้เพียงแค่การคาดการณ์เพียงเท่านั้น
1
แต่ที่รู้ ๆ กันก็คือ Rothschild เป็นหนึ่งในตระกูลที่มาลบล้างคำสาปที่ว่าทรัพย์สินของตระกูลมักจะจบที่รุ่นที่ 3
เพราะความมั่งคั่ง อิทธิพล และชื่อเสียงตระกูลพวกเขา ยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน ถึงขนาดที่บางคนก็ยังเชื่อว่าพวกเขาสามารถกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้…
โฆษณา