Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ไฉไลเป็นบ้า
•
ติดตาม
6 ส.ค. 2024 เวลา 00:33 • กีฬา
เหรียญที่ "น้องเมย์" เพิ่งเคยสัมผัสวินาทีสุดท้ายก่อนเลิกรับใช้ทีมชาติ
ถ้าไม่เอาเรื่องผลแพ้-ชนะจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศกีฬาแบดมินตันชายโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 5 ส.ค.)
1
เหรียญเงินที่ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชาวไทยมือวางอันดับ 8 ของโลก สร้างความมหัศจรรย์ตลอดเส้นทางจนสามารถไปคว้ามาได้ครั้งนี้คือการบันทึกประวัติศาสตร์ลงในแวดวงกีฬาที่มีสีสันน่าสนใจไม่แพ้บทภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซ
หลายคนอาจพอทราบมาว่า “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ สาวนักตบลูกขนไก่คือไอดอลที่สร้างแรงบันดาลใจสุดพิเศษให้ “วิว” เดินตามรอยเท้ามาตั้งแต่เด็ก
การได้เข้าร่วมแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วทำผลงานจากเด็กหนุ่มผู้คว้าโควต้านักกีฬาที่คนไทยเกือบทั้งประเทศไม่รู้จัก เดินมาไกลกว่าจะใช้คำว่าม้ามืด และเดินมาได้ไกลกว่าที่ไอดอลของเขาเคยสัมผัส
สิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมรู้สึกได้ทันทีที่ผลแพ้ชนะถูกถ่ายทอดสดผ่านสายตาคนไทยที่ส่งแรงใจเกาะขอบจอ มีดังนี้ครับ
1. ในเชิงเทคนิคการตีลูกขนไก่ วิว-กุลวุฒิ ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ในรอบที่ผ่านๆมาแล้วว่าเขาคือของจริง เขาผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างโชกโชนโดยผู้มีหน้าที่เชียร์นักกีฬาแบบเราๆ ไม่มีวันเข้าใจ เมื่อการแข่งขันจบลงผลที่ออกมาจึงไม่ได้หมายความว่าวิว “สู้ไม่ได้” เพราะมีปัจจัยสำคัญประกอบเหตุผลหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น “ประสบการณ์”
อย่าลืมว่านี่คือครั้งแรกที่แสงไฟกับสายตาคนไทยทั้งชาติสาดไปที่วิว เด็กหนุ่มที่เพิ่งเคยก้าวขึ้นมายืนบนเวทีโอลิมปิกรอบชิงชนะเลิศ โดยไม่เคยมีคนไทยคนไหนเคยไปยืนตรงนั้นมาก่อนเลย ดังนั้น กุลวุฒิจำเป็นต้องซึมซับประสบการณ์อันล้ำค่าด้วยตัวเองเพื่อมาสร้างภูมิคุ้มกันในการชิงชนะเลิศครั้งหน้าหรือถ่ายทอดต่อไปยังรุ่นน้องๆ ที่จะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้ทัพนักกีฬาไทยในอนาคต
2. วิวเคยเห็น “น้องเมย์” รัชนก แข่งขันแบดมินตันท่ามกลางความหวังที่ถาโถมและความกดดันจากทุกอณูที่จะรู้สึกได้ ความยากในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจึงไม่ใช่แค่ดึงเทคนิคต่างๆออกมาใช้ให้ถูกช็อตเท่านั้น แต่ร่างกายก็ต้องพร้อมไม่มีอาการบาดเจ็บใดมารบกวน สมาธิก็ต้องพยายามตั้งไว้ให้มั่นไม่เอามาแบกจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่น
สื่อมวลชนที่กระพือข่าวถอดทุกย่างก้าวของเขาในวัยเด็กมาฉายซ้ำ ทีมงานในสมาคมที่เริ่มพูดถึงเงินรางวัลอัดฉีดจากหลายๆทางหากเขาคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ และคำถามที่วิวคงเผลอเก็บไปนอนคิดคือ “นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? เราจะรับมือหลังกลับถึงไทยอย่างไร?” ปัจจัยที่เพิ่งแทรกซ้อนเข้ามาเหล่านี้เขาไม่เคยถูกฝึกมาจากที่ไหนเลย
3. ถ้าคิดว่าระหว่างการแข่งขันแบดมินตันรอบชิงชนะเลิศ โชคไม่เข้าข้างวิว วันนี้ไม่ใช่วันของเขา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้แต้มค่อยๆถูกทิ้งห่างไปในแต่ละเซ็ตนั้น อยากให้ลองเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของน้องเมย์ รัชนก อดีตแชมป์โลกแบดมินตันหญิงผู้เคยขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์มือวางอันดับ1 ของโลก ที่โพสต์ข้อความหลังวิวคว้าเหรียญเงินได้สำเร็จว่า
“ฉันได้สัมผัสกับเหรียญแล้ววววว”
ในบริบทนี้หมายความว่า …ไม่ว่าจะเหรียญอะไรของโอลิมปิกมันไม่ได้คว้ากันมาง่ายๆ ซึ่งวิว-กุลวุฒิ ต้องเป็นมนุษย์นักกีฬาที่พิเศษมากขนาดไหนถึงสามารถเข้าร่วมแข่งขันระดับนี้ครั้งแรกแล้วได้เข้าชิงชนะเลิศเลย สำหรับผู้ที่เป็นนักกีฬาอาชีพแล้วนี่คือเรื่องที่เหลือเชื่อมากๆ
4. ประเด็นสุดท้ายที่คนส่งกำลังใจไปเชียร์นักกีฬาไม่ค่อยพูดถึงแต่สำคัญที่สุดคือ เมื่อ 3-4 วันที่แล้ว ชื่อของวิวยังเป็นโนบอดี้แต่เมื่อผ่านรอบรองชนะเลิศด้วยการเอาชนะคู่แข่งได้อย่างหมดจดเด็ดขาด แรงเชียร์คนไทยจึงถูกโยนไปกองอยู่บนไหล่ทั้ง 2 ข้างของม้านอกสายตาที่ชื่อกุลวุฒิ เพราะนี่คือการชิงเหรียญทองเหรียญแรกของทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิก 2024
นี่คือครั้งแรกที่แบดมินตันไทยสามารถคว้าเหรียญแน่ๆจากการทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ไทยปลดล็อคความหวังจากเดิมมีแค่มวยสากลสมัครเล่น ,ยกน้ำหนักและเทควันโด นี่คือคลื่นลูกใหม่วงการนักกีฬาไทยผู้จะก้าวขึ้นมาทดแทนพี่ๆที่แบกความหวังคนทั้งประเทศมายังกรุงปารีสเป็นครั้งสุดท้าย
ทั้ง 4 ประเด็นที่กล่าวมาเมื่อนำมาโฟกัสไปยังตัว วิว-กุลวุฒิ เรื่องฝีมือ เทคนิค ไม่ได้เป็นรองคู่แข่งจากเดนมาร์กเลย คือมองว่าแข่งกันแค่ 2 เซต อาจจะมีโอกาสพลิกชนะได้แต่หลายคนก็มองว่าถ้าบวกประสบการณ์เข้าไปด้วยตอนนี้กระดูกยังคนละเบอร์เหลื่อมกันนิดหน่อย ด้วยอายุวิวยังเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้นเวลาจะขัดเกลาให้เขาสะสมแชมป์จนสุกงอมได้อีกไม่นาน
แต่หากโฟกัสไปยังภาพรวมวงการกีฬาไทยในโอลิมปิก 2024 ซึ่งมี “ปอป้อ-น้องเมย์-เทนนิส” รับบทเป็นนางแบก คือแบกทั้งชื่อเสียงประเทศและแบกทั้งความหวังคนไทย โดย 2 ใน 3 ชัดมากว่าเป็นการเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งสุดท้ายในชีวิต ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าใครจะทิ้งทวนให้กรุงปารีสอยู่ในความทรงจำแบบไหน
สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือวงการกีฬาไทยไม่มี “แม่เหล็ก” เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกจากกีฬาประเภทต่างๆเหมือนในอดีตอีกแล้ว
เรายังคงหวังเหรียญรางวัลหลักๆจากมวยสากลสมัครเล่น ยกน้ำหนัก และเทควันโด โดยลืมไปว่านักกีฬาร่วงโรยหายไปทีละคนและยังไม่มีใครก้าวมาทดแทน
แบดมินตัน วอลเล่ย์บอล หรือแม้กระทั่งกรีฑา จึงกลายเป็นกีฬาที่หากใครหลุดเข้าไปรอบลึกๆจนมีโอกาสคว้าเหรียญโอลิมปิก คนทั้งชาติก็พร้อมจะโยนความหวังนั้นไปกดดันนักกีฬาในทันที
แปลกที่หากเป็นการแข่งขันซีเกมส์สมาคมกีฬาต่างๆ กลับกล้าออกมาประกาศล่วงหน้าว่าตั้งเป้าคว้ากี่เหรียญทองเป็นตุเป็นตะ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย