6 ส.ค. 2024 เวลา 12:14 • คริปโทเคอร์เรนซี

💥Fed อาจลดดอกครั้งแรกในเดือนกันยายน💥

📊เปิดสถิติอัตราเพิ่ม-ลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปี ส่งผลกับ Gold และ BTC ยังไง 🧐
.
อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กำหนดขึ้นนั้น มีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกมาก ๆ
ถือเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญเลย เพราะน่าจะส่งผลราคาของทองคำและ BTC มากที่สุดแล้ว
โดยมีหลักเกณฑ์ในการเข้าใจผลของดอกเบี้ยง่าย ๆ ดังนี้
🟥ถ้าหากมีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงจะน้อยลง 🔻สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (เช่นพันธบัตร) จะมีความน่าสนใจมากขึ้น 🔺
🟩ในขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ย การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงจะเพิ่มขึ้น 🔺สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ จะมีความน่าสนใจน้อยลง🔻
.
🤔ดอกเบี้ยส่งผลกับ Gold และ BTC ยังไง ?
หากย้อนดูสถิติการเพิ่ม-ลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มีความสอดคล้องกันไม่มากก็น้อย
ปี 2020: ลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 2.50% เป็น 1.50% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว
🔹ราคาทอง +25%
🔸ราคา BTC +300%
ปี 2021: อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 0.00%-0.25% ตลอดทั้งปี
เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงการฟื้นตัวจากการระบาดของ COVID-19
🔹ราคาทอง -3.5%
🔸ราคา BTC +56%
.
ปี 2022: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง
โดยเริ่มจาก 0.25% ในเดือนมีนาคม และสิ้นสุดที่ 4.25%-4.50% ในเดือนธันวาคม เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
🔹ราคาทอง -0.35%
🔸ราคา BTC -64%
ปี 2023: Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มจาก 4.50% เป็น 5.50% เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง
🔹ราคาทอง +13%
🔸ราคา BTC +155%
.
ปี 2024 : ปัจจุบันยังมีการคงดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.50%
🔹ราคาทอง +19%
🔸ราคา BTC +51%
.
จะเห็นได้ว่า ราคา BTC ค่อนข้างผันผวนตรงไปตรงมากับการลดและเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากกว่าทอง
แต่ที่น่าสนใจคือ แม้ดอกเบี้ยจะยังสูงอยู่ที่ 4.50%-5.50% ราคาของทั้ง 2 ก็ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด
.
นั้นเป็นเพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการขึ้นลงของราคาอีกเยอะมาก
.
👀/ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการขึ้นของทองและ BTC แม้ดอกเบี้ยยังสูงอยู่
1️⃣การพิมพ์เงินและนโยบายการเงิน
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น แต่มีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (quantitative easing) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทำให้มีสภาพคล่องในระบบมากขึ้น นักลงทุนบางส่วนอาจมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ต่อ
อีกส่วนคือ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจยังไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้อย่างเต็มที่
ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำและ BTC เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดค่าเงิน
.
2️⃣ความตึงเครียดทางการเมือง
เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน เช่น ความตึงเครียดระหว่างประเทศ การเลือกตั้ง หรือการประท้วง
ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (safe haven) อย่างทองคำและ BTC เพื่อป้องกันความเสี่ยง
3️⃣การยอมรับและการลงทุนใน BTC
บริษัทและสถาบันการเงินใหญ่ ๆ เริ่มยอมรับและลงทุนใน BTC มากขึ้น ตัวอย่างเช่น Tesla, Square, และ PayPal
นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติ Spot BTC ETF ที่เกิดการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดเยอะขึ้นมาก
.
4️⃣ปัจจัยเฉพาะในตลาด BTC
การ Halving ทำให้เทรนด์การสะสมของ BTC น่าสนใจ เนื่องจากสถิติในอดีตมีเมื่อเกิด Halving ราคาจะมีการพุ่งอย่างก้าวกระโดด
.
🚨/Fed จะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในเดือนหน้า
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแตะที่ 5.50% ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปีแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Fed เองก็เชื่อว่า ควบคุมเงินเฟ้อได้ และเศรษฐกิจเริ่มเข้าจุดที่เหมาะสม
.
🚨/สัญญาณที่บ่งบอกว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยลง
1.CPI ในเดือนกรกฎาคมลดจาก 3.0% เป็น 2.3% เป็นสัญญาณที่ดีว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว
2.Non-farm Payroll หรือตัวการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกรกฎาคมออกมาที่ 114,000 ตำแหน่ง
ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 175,000 ตำแหน่ง บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจชะลอตัว
.
3.Unemployment rate หรืออัตราการว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.3%
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เริ่มส่งผลไม่ดีต่อระบบเศรษฐกิจแล้ว
.
ตอนนี้ตลาดอาจจะ crash และ panic กันหนัก เพราะมีรายใหญ่โดน liquidation กันไปเยอะ
แต่ทั้งนี้ในเดือนกันยายนอาจเป็นสัญญาณดี ที่น่าจะเกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้
ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อตลาดคริปโตและราคา BTC ให้ชื่นใจกันแน่นอน (ทั้งนี้ Fed ยังไม่ฟันธง ต้องดูหน้างานกันอีกที)
.
ปล.ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
==========================
ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ อย่าลืมกดไลก์ กดติดตามเพจไว้นะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดี ๆ จากเพจของเรา
โฆษณา