7 ส.ค. เวลา 09:35 • ท่องเที่ยว
พนมเปญ

Kornnich in Cambodia

เราเชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะมีประเทศที่อยากไป และที่ที่ก็ไม่คิดว่าจะไป หรืออยู่ใน bucket list และใช่เราก็เป็นหนึ่งคนในนั้นที่คิดว่าไม่อยากจะไปกัมพูชา
แต่แล้วการออกเดทที่ผ่านมา ทำให้ความคิดฉันเปลี่ยนไป
ฉันมองเห็นเพื่อนชาวต่างชาติพวกนั้นไปพนมเปญ เสียมเรียบ ไม่ต่ำกว่าสามในห้าคน และหนึ่งในนั้นฉันเองก็เห็นคนที่ฉันชอบเขามากที่สุดคนหนึ่งได้ไปมา และได้มองเห็นเมืองผ่านมุมมองจากสตอรี่ไอจีว่าก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นที่จะไม่ลองไปนี่นา
หลังจากนั้นฉันก็จองตั๋วเครื่องบินไปลงที่พนมเปญก่อน แล้วพอบอกคนที่เคยเดทด้วย เขาก็แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงบอกว่าแต่ฉันชอบเสียมเรียบนะ เป็นเมืองที่ไม่วุ่นวายเท่าพนมเปญ คุณควรลองไปดูสักหน่อย
ฉันควรลองไปดูสินะ
ในเมื่อฉันยังไม่ได้บุ๊คตั๋วกลับ ก็ทำไมถึงไม่ไปเสียมเรียบล่ะ
ฉันตัดสินใจเดินทางไปสองเมือง ซึ่งสามารถนั่งรถบัสไปได้ ประมาณ 10 ชั่วโมง และอีก option คือนั่งเครื่องบินไปประมาณ 40 นาที ซึ่งครั้งนี้ขอเลือกเป็นนั่งเครื่องบินเพื่อรักษาเวลาในการไปทำอย่างอื่น
ฉันพักที่ซิม บูทีค โฮเต็ล ตรงข้ามที่พักน่าจะเป็นโรงเรียนปฐม-มัธยมได้ บรรยากาศของโรงเรียนที่มองผ่านมุมของฉันคือตึกสูงขึ้นไปประมาณห้าชั้นเห็นจะได้ ไม่มีพื้นที่เป็นสนามหญ้าให้เด็กวิ่งเล่น ลานประชุมช่วงเช้าคือหนึ่งชั้นของอาคารที่ค่อนข้างแคบ รวมถึงโรงอาหาร ซึ่งนี่อาจจะเป็นเรื่องทั่วไปของโรงเรียนในต่างประเทศ จากที่เคยผ่านมาบ้าง เหมือนกับทางจีนก็มีโรงเรียนแบบนี้อยู่
ในช่วงที่ฉันไปเป็นเดือนพฤษภาที่มีพายุเข้าเล็กน้อย ทำให้ไม่ได้ออกไปสำรวจเมืองได้ไกลมากนัก ไปเดินตลาด ไปพิพิธภัณฑ์ ไปเดินห้าง และตกเย็นก็ไปรอดูพระอาทิตย์ตกที่ริมแม่น้ำโขงตามคำแนะนำของคริสเตียน เพื่อนชาวโปแลนด์ที่รู้จักจากสิงคโปร์
พอฉันได้ไปแล้วคิดว่าในหลาย ๆ เมืองที่มีพื้นที่ริมแม่น้ำ เขามักจะมีสถานที่ที่ให้คนในประเทศได้พักผ่อน เป็น public place ที่โรแมนติกเลยทีเดียว ถ้าเปรียบเทียบกับที่ไทยที่ส่วนมากพื้นที่เหล่านี้จะถูกจับจองผ่านนายทุนใหญ่มาสร้างเป็นโรงแรม ห้างสรรพสินค้าเสียมากกว่า เช่นสวนสันติชัยปราการที่ย่านบางลำพู ที่เป็นสวนติดริมแม่น้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก หรือสวนใต้สะพานพระรามแปด แต่การเดินทางไปนั้นก็ไม่ได้เอื้ออำนวยเท่าไหร่ จึงเป็นสถานที่สวนใจกลางกรุงเทพเช่นสวนเบญจกิตติแทน หรืออาจจะเป็นหอสมุดแบงก์ชาติแทน
อ่านมาถึงตรงนี้คงคิดว่าทำไมฉันถึงเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งฉันเรียนเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ด้วย เวลาไปเที่ยวเลยมองแต่ละประเทศผ่านเลนส์นี้เข้ามาด้วย
ฉันเริ่มต้นด้วยการไปดูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พนมเปญ ที่จะมีโบราณวัตถุ เช่น พระพุทธรูปในสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศมารวบรวมไว้ที่นี่ แต่เป็นสถานที่เปิดโล่ง ไม่มีแอร์คอนดิชั่น เพราะฉะนั้น คุณควรที่จะพกพัดลมเครื่องเล็กไปหากตัดสินใจไปช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัด และเรื่องเล่าต่าง ๆ สามารถซื้อเพิ่มเติมอีก 5 ดอลล่าร์ จะได้รับ audio tour แต่เวลาที่ไปเดินดูจะมีไกด์มากมาย ก็แอบได้ยินในส่วนนั้นจากเขามาบ้าง ลักษณะของพระพุทธรูปส่วนมากจะเป็นแบบบายนเป็นส่วนมาก
หลังจากที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมงในพิพิธภัณฑ์นี้เราสามารถเดินไป promenade ได้ โดยผ่านเส้นบรมราชวัง ซึ่งเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้เข้าไปเอง มิเชลที่เราเจอเขาบอกมาแบบนั้น
ถ้ามองออกไปนอกเหนือจากคนขายอาหาร คนไร้บ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่แล้ว จะมีคนมาบอกว่ามาจากมูลนิธิเสนอขายของให้คุณ และบอกว่าเขาจะเอาเงินไปช่วยเหลือเด็กต่อ นั่นอาจจะขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากจะร่วมทำบุญนั้นด้วยจริงไหม หรือคิดแค่ว่าให้เงินคนไปหาข้าวกิน นั่นแล้วแต่คุณ ซึ่งเราเดินต่อไปจะเห็นเรือลอยอยู่แล้วมีคนขายทัวร์อยู่ด้านบนจะแบ่งเป็นล่องเรือทั่วไป จ่าย 8-10 ดอลล่าร์แล้วแต่เรือที่คุณเลือก ซึ่งส่วนนี้คุณสามารถนำอาหารที่ซื้อไปขึ้นไปทานบนเรือได้ หรือจะเลือกดินเนอร์ครุซ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 ดอลล่าร์
เขาจะพาเราล่องไปประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง สัมผัสบรรยากาศทั้งฝั่งที่เป็นเมืองแล้ว และฝั่งเกาะตรงข้ามที่ยังมีส่วนที่ไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ ผ่านจุดที่ประดับไฟธงชาติ ซึ่งสวยมาก ส่วนเสียงเพลงบนเรือก็สนุกดี มีทุกแนว แต่สิ่งที่แปลกใจเรื่องหนึ่งคือพระสงฆ์เยอะมากจนแอบคิดว่าเขาไม่จำวัดกันเหรอ
พอออกมาจากเรือแล้วเราก็นัดมิเชล เพื่อนชาวบัลแกเรีย อายุ 22 มากับพี่ชายสองคน เพื่อทำธีสิสจบ โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเจริญของประเทศเวียดนามที่ค่อย ๆ พุ่งขึ้นมา จนทำให้บริษัทใหญ่หลายแห่งย้ายฐานการผลิตไป และตลอดเวลาที่เดทกันเรารู้สึกแปลกกับแนวคิด และคำตอบหลาย ๆ อย่าง จนถามว่านายเรียนคณะอะไร
ให้ทาย
ECONOMICS ?
Yeah ! Why you know that ?
If you know, you know (เหมือนที่เขาเรียกว่าผีเห็นผีรึเปล่านะ)
มิเชลเป็น 1 ในประชากร 6 ล้านคนของประเทศ ที่โลกเหวี่ยงให้ฉันได้มาพบเจอเขา เป็นเด็กที่ฉันมองว่าเขามีอนาคตไกล เป็นเดทที่รู้สึกว่าเมื่อคนที่เหมือนกันมาอยู่ด้วยกันมันจะน่าเบื่อแบบนี้เองสินะ คนเราถึงมองหาคนที่แตกต่างกันเพื่อคานความรู้สึกอะไรบางอย่าง แต่บทสนทนามันลึกซึ้งได้มากกว่า อาจจะเพราะเราสนใจในเรื่องเดียวกัน
ระหว่างทางจาก bassac lane กลับมาที่ริมแม่น้ำ เขาได้พาไปดูอนุสรณ์ของครอบครัวชาวเวียดนามครอบครัวแรกให้ฟัง และเล่าเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ในพระบรมราชวังได้ มิเชลบอกว่าเขากับพี่ชายเรียกไกด์จากแอพ get your guide มาได้ในราคาย่อมเยากว่าปกติอย่างมาก และนี่เป็นข้อมูลที่เขาพอจำได้และเล่าต่อมาเท่านั้น
วันที่เราเจอกันเป็นวันที่ฉันอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายและจะไปที่เสียมราฐต่อ และเขามาจากที่นั่น กำลังจะไปสิงคโปร์ต่อเพื่อกลับบัลแกเรีย ฉันได้ถามไอเดียการเดินทางรอบโลกของฉันไป
ฮานอย - กว่างโจว - ปักกิ่ง - อูลานบาตอร์ - เออร์คุสต์ - มอสโก - วอร์ซอ (โปแลนด์) บ้านคริสเตียน ...
แต่การออกเดทครั้งนี้ฉันได้รูทการเดินทางใหม่ที่เขาแนะนำมาว่า เข้าอีกเส้นนึงได้นะ เป็น มอสโก - ทบิลิซิ - แคปพาโดเซีย - อิสตันบูล - โซเฟีย (บัลแกเรีย) หรือนี่คือการชวนไปบ้านนางนั่นเอง
ถึงแม้ความฝันอันนี้ของฉันจะไม่สามารถทำได้ภายในปีนี้ แต่ฉันคิดว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตฉัน ต้องได้นั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย
ก่อนที่ฉันจะออกจากเมืองนี้ก็ได้ไปดูสิ่งที่น่าเศร้าใจ นั่นก็คือ
พิพิธภัณฑ์สังหารหมู่ตวลเสล็ง
How should I say.. from school buildings were transformed into prisons and interrogation centers..
A museum chronicling the Cambodian genocide and it was one of between 150 and 196 torture and execution centers established by the Khmer Rouge and the secret police known as the Santebal. On 26 July 2010, the Extraordinary Chambers in the Courts of Cambodia convicted the prison's chief, Kang Kek Iew, for crimes against humanity and grave breaches of the 1949 Geneva Conventions.
At some point between 1979 and 1980 the prison was reopened by the government of the People's Republic of Kampuchea as a historical museum memorializing the actions of the Khmer Rouge regime.
เป็นข้อความที่ฉันตกผลึกที่สนามบินก่อนที่จะไปอีกเมืองหนึ่ง
 
ฉันมักจะไม่ได้เป็นคนที่โพสต์ขณะนั้นเลย แต่สถานที่แห่งนี้ทำให้ฉันต้องรีบพิมความรู้สึก และความในใจออกมาเลยในขณะนั้น ความทุกข์ที่อยู่บนผนัง รอยข่วนเล็บ มักจุกมาก และยิ่งได้พบคนที่รอดชีวิตออกมาได้ เขียนเป็นหนังสือขาย สีหน้า และแววตาของเขาตอนที่เล่าเรื่องราวให้ผู้คนที่มาซื้อหนังสือ หรือถ่ายรูปยังมีความละห้อยเหมือนจดจำได้อยู่เลย
ฉันมาถึงเสียมเรียบแล้วพบว่าจากสนามบินเข้าตัวเมือง มีค่ารถที่สูงถึง 30 ดอลล่าร์หากเรียกผ่านแอพ และคุณควรที่จะต้องใจเย็น ออกมาจากอาคารผู้โดยสารแล้วมองไปทางขวามือจะเจอคนขายตั๋วรถบัส ให้รีบจ่ายเงินซื้อเพราะนี่คือ 8 ดอลล่าร์ ที่ประหยัดมาก วิธีเดียวที่จะทำให้เราเข้าเมืองเสียมเรียบได้
ฉันค้นพบว่าการมาที่นี่ 1 วันไม่สามารถทำให้ฉันดูปราสาทต่าง ๆ ทั้งหมดได้ เพราะที่นี่ใหญ่มาก มาก ๆ จนถึงขั้นว่า ขั้นต่ำของการมาดูปราสาทที่นี่ควรจะมีอย่างน้อย 3 วัน ไปดูได้ยันน้ำตก และสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องทรานส์ฟอเมอร์อย่างที่มิเชลเล่าไว้ และได้ดูจากรูปเขาแล้ว เลยจำเป้นต้องตัดใจไม่ไปที่นั่น เพราะ ค่ารถ/ ค่าเยี่ยมชมสถานที่ ไม่คุ้มค่ากับชั่วโมงที่ฉันเหลืออยู่ และหากตัดสินใจไป อาจจะกลับไม่ทันรถบัสเข้าสนามบินรอบเที่ยงอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นการหาเพื่อนชาวต่างชาติที่เขาเที่ยวมาแล้วนั้นจะเป็นการช่วยหาคำตอบว่าเวลาที่เหลืออันน้อยนิดในช่วงเช้าของฉันนั้นควรทำอะไร และเป็นการที่ฉันได้ออกไปเดทกับ เฟรดเดอริก ชาวเนเธอร์แลนด์ ที่เขาอยู่ที่นี่มาแล้วสองเดือน และเพลนจะอยู่ต่อไปอีกเดือนครึ่ง ถึงย้ายไปเวียดนามต่อ
พอได้รู้จักกับเฟรดเขาก็แนะนำแอพที่ชื่อว่า Countries been กับ Polarstep มาให้ จริง ๆ ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบท่องเที่ยว แต่ออกจะเป็นแนวโลวเทคโนโลยีนิดหน่อยที่จะมารู้จักแอพสำหรับนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่นัก เฟรดเป็นนักเดินทางขนานแท้ ขอบคุณที่ฉันได้พบกับเขาเพราะเขาเล่าว่าเหลือแค่ฝั่งเมกา กับทางแอฟริกาบางโซนเท่านั้นที่เขายังไม่ได้ไปเยือน
ฉันได้รับการแนะนำสถานที่หนึ่ง นั่นคือ APOPO จัดตั้งที่เบลเยี่ยมจะมี 'HeroRATs' และ 'HeroDOGs' ที่สามารถตรวจจับทุ่นระเบิดใน Landmine (นึกคำไทยไม่ออก) ช่วยชีวิตคนในกัมพูชาไปได้เยอะเลย และหนูเจอร์บิลไม่สามารถเพาะพันธุ์จากประเทศปลายทางอย่างกัมพูชาได้ ถ้าจำไม่ผิดจะต้องได้รับจากแทนซาเนียเมื่ออายุได้ 4 เดือนถึงนั่งเครื่องบินมาประเทศปลายทางได้เท่านั้น
ทำไมถึงมีหน่วยงานนี้เกิดขึ้น เราเข้าใจได้ว่าจากสงคราม Cold war ระหว่างสหภาพโซเวียตและอเมริกาที่ชื่อดูเป็นสงครามที่ไม่รบ แต่จริง ๆ แล้วมีการปล่อยระเบิดอยู่ตลอดเวลา และกัมพูชาก็เป็นประเทศที่โดนเยอะมากจนผู้คนไม่กล้าทำเกษตรกรรม พอได้น้องฮีโร่แรทมาช่วย พวกเขาก็สามารถใช้ที่ดินทำกินได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่ง the most bombed country in the world is Laos!!
ถ้ามาสังเกตว่าถ้าจะขนระเบิดบินจากเมกาเพื่อมาลงเวียดนาม ลาว กัมพูชา
ระยะการบินจะไกลมาก ซึ่งจะต้องมีประเทศที่เอื้ออำนวยกองทัพอเมริกา
นั่นก็คือ ประเทศไทย
FYI : ในยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ให้อเมริกามาปรับปรุงอู่ตะเภา
รองรับเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ KC-135 เครื่องบินถ่ายภาพทางอากาศ และเครื่องบินชนิดต่าง ๆ เพื่อทำสงคราม ทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงนั้นเจริญขึ้น เพราะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากทหารต่างชาติเข้ามาด้วย
จบทริปฉันคิดว่าฉันจะกลับมาแก้มือที่เมืองนี้ใหม่ และจะแนะนำให้คนมาเที่ยวที่ประเทศนี้เยอะ ๆ ท่องเที่ยวแบบโยนความไบแอสออกไปแล้วจะสามารถเปิดใจรับรู้ เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผู้คน วิถีชีวิตได้อีกมากมายทีเดียว
โฆษณา