7 ส.ค. 2024 เวลา 11:12 • ท่องเที่ยว

นิทรรศการศิลปะไทย 200 Years Journey Through Thai Modern Art

นิทรรศศิลปะสมัยใหม่ของไทยที่หาชมได้ยาก ตั้งแต่ยุคขรัวอินโข่ง จิตรกรในสมัยรัชกาลที่ 4 … เรียงไล่ตามไทมไลน์ มาจนถึงคาแรคเตอร์สุดฮิต Crybaby ของศิลปินอาร์ตทอยผู้โด่งดัง มอลลี่-นิสา ศรีคำดี ..
คุณ พิริยะ - กรกมล วัชจิตพันธ์
จากคอลเลกชันชิ้นงานสะสมของ คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทประมูลงานศิลปะ The Art Auction Center ได้ถูกนำมาจัดแสดงให้สาธารณชนได้ชม
นิทรรศการ 200 Years Journey Through Thai Modern Art History จัดแสดงที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า) ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม-31 สิงหาคม พ.ศ. 2567
งานศิลปะ .. นอกจากจะมีคุณค่าทางจิตใจที่ถือเป็นกำไรสำหรับผู้เป็นเจ้าของแล้ว ยังอาจจะมีมูลค่าเพิ่มอีกด้วยในแง่การลงทุน
.. แนวคิดนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ เริ่มสนใจและศึกษาเรื่องของศิลปะอย่างจริงจัง จากเดิมที่ความสนใจมีเพียงความอยากได้ภาพวาดสักชิ้นมาประดับผนังคอนโดมีเนียมที่อาศัย ในพ.ศ.2556
การตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บงานให้ครบสมบูรณ์ตามไทม์ไลน์ของศิลปะสมัยใหม่ของไทยเกิดขึ้น หลังจากที่คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะแบบจริงจัง .. อีกทั้งวางแผนจะนำคอลเลกชันสะสมมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวในอนาคตอีกด้วย
ผลงานที่หาชมยากที่นำมาจัดแสดง .. มีตั้งแต่ยุคบุกเบิกและยุคบั้นปลายชีวิตของศิลปินชั้นครู เช่น งานของ เขียน ยิ้มศิริ ประกิต บัวบุศย์ เฟื้อ หริพิทักษ์ ชลูด นิ่มเสมอ ถวัลย์ ดัชนี และ มณเฑียร บุญมา เป็นต้น
ผลงานไฮไลต์ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะสมัยใหม่ของไทย ในคอลเลกชันของ คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ คือ ภาพเขียนของ ขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลราวสมัยปลายรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 4
.. ผู้ริเริ่มแหวกขนบการเขียนภาพแบบประเพณีไทยนิยมโดยสร้างมิติของภาพด้วยหลักทัศนียภาพแบบศิลปะของตะวันตก มีการใช้แสงเงาแทนการตัดเส้น และใช้สัญลักษณ์เป็นปริศนาธรรมแทนการวาดพุทธประวัติ
ภาพสีฝุ่นบนแผ่นไม้ที่นำมาจัดแสดงจิตรกรวาดการแต่งกายของบุคคล ทิวทัศน์ อาคารบ้านเรือนแบบตะวันตก ในโทนสีหม่น
ซึ่งสันนิษฐานว่า งานของ ขรัวอินโข่ง ผู้ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ แต่ได้มีโอกาสถวายงานรัชกาลที่ 4 คาดว่ามาจากการศึกษารูปแบบจากสิ่งที่ท่านเห็นจากภาพถ่ายและสิ่งพิมพ์ต่างๆที่มาจากโลกตะวันตก และเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในสังคมไทย .. รวมถึงเทคนิคการวาดภาพแบบตะวันตก ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับศิลปะไทยด้วย
ภาพเนมิราชชาดก .. ไม่ปรากฏนามศิลปิน
ภาพนางสงกรานต์ และ นารายณ์บรรทมศิลป์
ภาพสีน้ำมันบนแผ่นไม้ “นารายณ์บรรทมสินธุ์” (ปี 2477) โดย พระเทวาภินิมมิต (ชื่อเดิม : ฉาย เทียมศิลปไชย) จิตรกรสำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5-7 …เป็นภาพพระนารายณ์ขณะบรรทม มีพระพรหมผุดขึ้นมากลางพระนาภี (สะดือ) ด้านข้างปรากฏภาพพระแม่ลักษมี โดยทั้งหมดประทับบนหลังอนันตนาคราชท่ามกลางเกษียรสมุทร
.. ภาพนี้สะท้อนให้เห็นการเริ่มเขียนภาพบุคคลตามหลักกายวิภาคและการสร้างมิติตามหลักทัศนียภาพแบบตะวันตกผสมผสานกับรูปแบบศิลปะไทย
ในสมัยรัชกาลที่ 5 สยามได้เปิดประเทศและขยายการค้าขายกับชาวต่างชาติมากขึ้น ซึ่งทำไปพร้อมกับการปรับปรุงพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ .. รวมถึงเริ่มมีการว่าจ้างช่างเขียนและสถาปนิกต่างชาติเข้ามารับราชการในสยาม
ส่วนหนึ่งของนิทรรศการจึงเป็นการจัดแสดงผลงานของศิลปินต่างชาติที่เกี่ยวเนื่องกับราชสำนักสยาม .. เริ่มจาก ภาพเขียนสีน้ำมันพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ราวทศวรรษ 2420) ที่ไม่ปรากฏนามศิลปิน
… แต่สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในศิลปินชาวยุโรปที่รัชกาลที่ 5 ทรงส่งภาพพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมฉลองพระองค์และเครื่องประดับไปเพื่อใช้เป็นแบบวาด
ภาพเขียนตรงกับภาพที่ถ่ายโดย ฟรานซิส จิตร ช่างภาพราชสำนัก จึงสันนิษฐานว่ามีการส่งภาพถ่ายนี้ไปให้ศิลปินยุโรปวาดกลับมา
ภายหลังรัชกาลที่ 5 ได้ว่าจ้างให้ศิลปินต่างชาติเดินทางมาสยาม เช่น ศิลปินอิตาลี จูเซปเป เทอร์ชี เพื่อวาดภาพพระบรมวงศานุวงศ์
ภาพเขียนของ จูเซปเป เทอร์ชี (Giuseppe Turchi) .. เป็น พระสาทิสลักษณ์ขณะทรงพระเยาว์ของ 3 เจ้าฟ้า คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา ศิรินิภาพรรณวดี กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา
กาลิเลโอ คินี (Galileo Chini) ศิลปินชาวอิตาลีคนสำคัญ ผู้เดินทางมาถึงสยามเมื่อ พ.ศ.2454 เพื่อเขียนภาพพระราชกรณียกิจของบูรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีบนเพดานโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม .. ผลงานที่จัดแสดงที่หอศิลป์ คือ ภาพเขียนสีน้ำมันรูปเทวดาฝรั่งและเทวดาไทย ที่อยู่ในภาพเดียวกัน
คาร์โล ริโกลี (Carlo Rigoli) ผู้ช่วยในการเขียนภาพประดับพระที่นั่งอนันตสมาคมและรับผิดชอบโครงการจนแล้วเสร็จ .. ศิลปินท่านนี้มีความผู้เชี่ยวชาญในการวาดภาพเหมือนบุคคลเดินทางมาสยามพร้อมภรรยาและในนิทรรศการจัดแสดง ภาพเหมือนของภรรยาเขานามว่า ออร์โซลีนี (Orsolini) ที่วาดเมื่อ พ.ศ.2464
ช้าง .. ผลงานของ Vittorio Novi
ภาพเหมือน แนม สุวรรณแพทย์ .. ผลงานของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานึภาพ
ภาพเจ้าจอมแส ..ผลงานของ จำรัส เกียรติ์ก้อง
อาจารย์ศิลป์ พีระศรี (นามเดิม คอร์ราโด เฟโรจี : Corrado Feroci) ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย” และเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร
.. ท่านเป็นประติมากรจากเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี เดินทางมาสยามพร้อมครอบครัวเมื่อ พ.ศ.2466 ในปลายสมัยรัชกาลที่ 6 เพื่อเข้ารับราชการในตำแหน่งช่างปั้น
พระบรมรูปของรัชกาลที่ 6 ตามพระบรมฉายาลักษณ์ .. เป็นงานแรกที่เป็นบททดสอบ แต่ผลงานไม่ผ่าน
ต่อมา อาจารย์ศิลป์จึงได้กราบทูลขอคำปรึกษาจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สมเด็จฯ จึงได้ทรงกรุณาเป็นแบบให้จนฝีมือของอาจารย์ศิลป์เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าข้าราชการ
.. ภายหลังท่านจึงได้เข้าเฝ้าฯ รัชกาลที่ 6 และถวายงานปั้นโดยพระองค์เสด็จฯ มาเป็นแบบด้วยพระองค์เอง โดยเริ่มต้นจากการสร้างงานด้วยการปั้นหล่อเฉพาะพระเศียร ต่อมาเมื่อเสด็จสวรรคตจึงมีการสร้างประติมากรรมพระบรมรูปเต็มพระองค์เพื่อประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดรและสวนลุมพินี
ในนิทรรศการยังมีการจัดแสดง เหรียญที่ระลึกงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และตาลปัตร (พ.ศ.2493)
ต้นแบบเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกนิวัตพระนคร เมื่อครั้งรัชกาลที่ 8 เสด็จนิวัตพระนครครั้งแรกภายหลังทรงราชย์เมื่อ พ.ศ.2481 และ ต้นแบบเหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 9
นอกจากนี้ยังมีภาพสเกตช์การออกแบบลวดลายต่างๆ ของอาจารย์ศิลป์ที่ปรากฏในหนังสือทริสดีแห่งองค์ประกอบ ซึ่งคุณพิริยะ ได้ภาพเหล่านี้อย่างบังเอิญจาก “รถซาเล้งรับซื้อของเก่า”
สภาพเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นและอัตราเงินเดือนที่อาจารย์ศิลป์ได้รับไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจนทำให้ท่านต้องจากเมืองไทยที่ท่านผูกพันและใช้ชีวิตมาเกือบ 30 ปีกลับไปบ้านเกิดที่อิตาลีใน พ.ศ.2492
แต่ในปีเดียวกันนั้นเองทางกรมศิลปากรได้ทำเรื่องขอให้ทางรัฐบาลเห็นชอบและอนุมัติปรับอัตราค่าจ้างชาวต่างประเทศใหม่ทำให้อาจารย์ศิลป์ได้กลับมาทำงานที่ไทยอีกครั้ง
“ในช่วงที่กลับไปอิตาลี ท่านได้เขียนจดหมายถึงลูกศิษย์คือ เขียน ยิ้มศิริ ในจดหมายมีคำลึกซึ้งกินใจมากมาย เช่น ตัวเขาเป็นฝรั่ง แต่หัวใจและเลือดเนื้อเป็นคนไทย และบ้านของเขาคือประเทศไทย” .. คุณพิริยะกล่าว และในนิทรรศการได้นำจดหมายบางฉบับมาจัดแสดงด้วย
สำหรับจัดแสดงภาพเขียนสีน้ำมันของศิลปินชั้นครูมากมาย เช่น
ผลงานของ เฟื้อ หริพิทักษ์ และ ประกิต (จิตร) บัวบุศย์ สองศิลปินผู้ร่วมบุกเบิกศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสต์ ที่จัดแสดงในนิทรรศการนี้
ภาพสีน้ำมันหายากบนแผ่นไม้ “Blooming Sakura in Ueno Park” ของ จิตร บัวบุศน์ ซึ่งวาดในขณะที่เขาได้ทุนไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น โดยเขาได้เดินทางไปที่นั่นใน พ.ศ.2484 … เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นจะโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐฯ ที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ และนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
“อาจารย์จิตรต้องติดอยู่ที่ญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก (พ.ศ.2484-2488) และภาพเขียนในช่วงนั้นหายากมาก เพราะงานส่วนใหญ่ท่านฝากภาพไว้ที่บ้านพักของที่ปรึกษาของสถานทูตไทยในโตเกียว และถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร
.. หลายภาพก็ถูกเผาเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในภาวะแร้นแค้นช่วงสงคราม คงเหลือเพียงภาพขนาดเล็กที่ท่านเก็บติดตัวไว้ เช่น ภาพที่นำมาจัดแสดงวาดใน พ.ศ.2488 ด้วยฝีแปรงฉับพลัน
หลังจากกลับไทยเมื่อสิ้นสุดสงครามโลก ท่านได้ใช้ด้านหลังของแผ่นไม้ในภาพนี้บันทึกภาพพระปรางค์วัดราชบูรณะที่อยุธยาใน พ.ศ.2490 ก่อนเหตุการณ์กรุแตก” .. พิริยะอธิบาย
Girl with the red book และ ภาพแจกันดอกไม้ ผลงานของ มีเรียม ยิบอินซอย ศิลปินหญิงผู้ไม่เคยเรียนศิลปะมาก่อน และเริ่มการวาดภาพในวัย 40
ภูเขาทอง… ผลงานของ ทวี นันทขว้าง
หุ่นกระบอก
สังข์ทอง กับรจนา
มาลินี พีระศรี
จักรพันธ์ โปษยะกฤษณ์ .. ผลงานของท่านที่จัดแสดงในครั้งนี้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ผู้เขียนชอบมาก
Wisdom Ways .. ผลงานของ คุณปัญญา วิจินทนสาร
The Devine Fish .. ผลงานคุณ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ผลงานของ ประหยัด พงษ์ดำ ปรมาจารย์ด้านภาพพิมพ์ผู้มีชื่อเสียงจากงานภาพพิมพ์แกะไม้รูปสัตว์ต่างๆ .. ภาพสีน้ำมันบนแผ่นไม้ชื่อ “กลัว” (พ.ศ.2500) เป็นภาพโทนสีเข้มรูปนกกำลังกกไข่และแมวที่จ้องตะครุบลูกนก
เมื่อคุณพิริยะจะนำภาพ กลัว มาใส่กรอบใหม่ เขาพบว่าด้านหลังมีภาพร่างที่ยังวาดไม่เสร็จเป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่งในลักษณะกำลังตระเตรียมบางอย่าง
ภาพยุคแรกของศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น งานหายากยุคเขียนสีของ ถวัลย์ ดัชนี ในช่วงที่เขาไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ (พ.ศ.2506-2512)
ดังภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่รูปไก่ชื่อ “Despair Eclipse of Intellect” (พ.ศ.2511)
ผลงานของ คุณถวัลย์ ดัชนี .. ภาพขื่อ มารผจญ ภาพเทวปักษา ภาพ ปลา และภาพ Girls Asleep in the Forest มีลักษณะที่แปลกตากว่าภาพสไตล์ ถวัลย์ ดัชนี ที่เราคุ้นเคย
ตู้พระธรรม ..เป็นผลงานของ ถวัลย์ ดัชนี อีก 1 ชิ้นที่จัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้
ภาพสีน้ำมันแนวนามธรรม “ครอบครัว” (พ.ศ.2509) โดย ประเทือง เอมเจริญ
ภาพในช่วงปลายชีวิตของศิลปิน มีให้เห็นในนิทรรศการนี้ด้วย เช่น ภาพ “กล้วยไม้” (พ.ศ.2533) ขนาดยาวเกือบ 4 เมตร โดย ทวี นันทขว้าง ซึ่งคาดว่าเป็นรูปสุดท้ายที่ท่านวาดก่อนเสียชีวิตและยังไม่ได้เซ็นชื่อ
มณเฑียร บุญมา ศิลปินผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในการสร้างศิลปะแนว conceptual และ installation art จัดวางเกี่ยวกับความเชื่อและความศรัทธาในพุทธศาสนาเพื่อเยียวยาร่างกายและจิตใจจากการสูญเสียภรรยาด้วยโรคมะเร็งดังเช่นผลงาน “สถูป” (พ.ศ.2537)
เสียงขลุ่ยทิพย์ และรูปปั้น Two Dancers .. ผลงานประติมากรรมที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ของ เขียน ยิ้มศิริ
ภาพเขียน ตลาด .. ผลงานของ มานิตย์ ภู่อารีย์
คอย .. ผลงานประติมากรรมของ ชิต เหรียญประชา
Cache - Cache … ผลงานของ ม.จ. มารศรีสุขุมพันธุ์ บริพัตร ศิลปินหญิงที่มีผลงานโด่งดังในยุโรป
ดอกไม้ทิพย์ .. ผลงานของ อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินวาดภาพ และสร้างสรรค์ กวีนิพนธ์ที่มีชื่อเสียง
ชาติชาย ปุยเปีย ศิลปินไทยที่โด่งดังในเวทีต่างประเทศ.. ภาพ งานเหมือนตัวเอง เชิงเสียดสีสังคม
นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล .. ผลงานเป็นภาพเขียนขนาดใหญ่แนวใบปิดหนังสมัยก่อน
Blaze and Aqua ผลงานของ ก้องกาน- กันตภณ เมธีกุล
Mushikin .. ผลงานของ วรกันต์ จงธนพิพัฒน์
คาแรคเตอร์ Crybaby ของ มอลลี่-นิสา ศรีคำดี ศิลปินอาร์ตทอยผู้โด่งดัง ในนิทรรศการนี้เป็น Crybaby ขนาดใหญ่ติดตั้งบริเวณสนามหญ้าของหอศิลป์
.. ลักษณะเหมือนตัวจมลงไปในดินและเหลือเพียงส่วนหัว แขน และขาทั้งสองข้างโผล่ขึ้นมา ผลงานนี้เคยจัดแสดงในนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในไทยของมอลลี่ช่วงกลางปี พ.ศ. 2565 และประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
โฆษณา