8 ส.ค. เวลา 00:09 • การศึกษา

เปลี่ยนชีวิตใน 20 ชั่วโมง : เคล็ดลับการเรียนรู้ทักษะใหม่แบบติดเทอร์โบที่ใครๆ ก็สามารถทำได้

ชีวิตของ Josh Kaufman พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาและภรรยา Kelsey มีลูกสาวคนแรกชื่อ Lela เข้ามาในครอบครัว การเป็นคุณพ่อมือใหม่นั้นเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งและเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างยิ่ง ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในชั่วข้ามคืน ลำดับความสำคัญต่างๆ ถูกจัดเรียงใหม่ทั้งหมด บางครั้งก็รวดเร็วจนแทบตามไม่ทัน
4
เป็นอีกหนึ่ง TEDx Talks ที่มีความน่าสนใจจาก Josh Kaufman ผู้แต่งหนังสือขายดี ‘The Personal MBA: Master the Art of Business ที่ว่ากันด้วยเรื่องของ The first 20 hours — how to learn anything
2
เรียกได้ว่าหลังจากมีลูก Josh มีสิ่งใหม่ๆ มากมายที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก แม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างการแต่งตัวให้เด็กทารกก็ยังเป็นความท้าทายสำหรับคุณพ่อมือใหม่อย่าง Josh เขาเล่าถึงประสบการณ์แรกในการแต่งตัวให้ลูกสาวอย่างน่าตลก ว่าตอนนั้นเขาคิดว่าชุดที่เลือกนั้นดูดีแล้ว แต่แม้แต่ Lela เองก็ยังรู้ว่ามันไม่เหมาะเลย
1
ชีวิตของ Josh และ Kelsey เริ่มวุ่นวาย ทั้งคู่ต่างทำงานที่บ้านในฐานะผู้ประกอบการ Kelsey พัฒนาคอร์สออนไลน์สำหรับครูสอนโยคะ ส่วน Josh เป็นนักเขียน พวกเขาต้องจัดการทั้งงานและการเลี้ยงดูลูกน้อยไปพร้อมๆ กัน
หลังจากผ่านไปสักพัก ความเหนื่อยล้าจากการอดนอนก็เริ่มส่งผล Josh เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เป็นความคิดเดียวกับที่พ่อแม่มือใหม่ทั่วโลกต่างก็เคยคิด นั่นคือ “ผมคงไม่มีเวลาว่างอีกเลยตลอดกาล” แม้จะไม่จริงทั้งหมด แต่ช่วงเวลานั้นมันรู้สึกเหมือนจริงมาก
3
สิ่งนี้ทำให้ Josh กังวลอย่างมาก เพราะหนึ่งในสิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุดคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การได้สำรวจ ทดลอง และฝึกฝนจนเก่งขึ้นในเรื่องต่างๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาว่างเลย เขาจะทำแบบนั้นได้อีกหรือ? Josh เป็นคนหลงใหลในเทคโนโลยีและอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบ Josh จึงเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะอย่างรวดเร็ว เขาอ่านหนังสือและเว็บไซต์มากมาย พยายามหาคำตอบว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเรียนรู้ทักษะใหม่
สิ่งที่ Josh พบคือทฤษฎี 10,000 ชั่วโมง ซึ่งกล่าวว่าต้องใช้เวลาฝึกฝน 10,000 ชั่วโมงเพื่อให้เชี่ยวชาญในทักษะใดทักษะหนึ่ง เขาพบข้อมูลนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหนังสือและเว็บไซต์ต่างๆ และรู้สึกท้อใจอย่างมาก เพราะ 10,000 ชั่วโมงนั้นเทียบเท่ากับการทำงานเต็มเวลา 5 ปีเลยทีเดียว
2
แต่ Josh รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เพราะเราทุกคนต่างก็เคยมีประสบการณ์ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมันไม่ได้ใช้เวลานานเว่อร์ขนาดนั้น เขาจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมสิ่งที่งานวิจัยบอกกับสิ่งที่เราคาดหวังจึงไม่ตรงกันกันอย่างสิ้นเชิง
Josh จึงค้นคว้าลึกลงไปอีกและพบว่าทฤษฎี 10,000 ชั่วโมงนั้นมาจากการศึกษาการปฏิบัติงานระดับผู้เชี่ยวชาญ โดย Dr. K. Anders Ericsson แห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตท ซึ่งศึกษานักกีฬามืออาชีพ นักดนตรีระดับโลก และแกรนด์มาสเตอร์หมากรุก เพื่อหาคำตอบว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะไปถึงจุดสูงสุดในสาขาเหล่านั้น
2
สิ่งที่ Dr. Ericsson พบคือ ยิ่งฝึกฝนอย่างมีจุดมุ่งหมายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น และคนที่อยู่ในระดับสูงสุดของสาขาของพวกเขาใช้เวลาฝึกฝนประมาณ 10,000 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม Josh พบว่าข้อความนี้ถูกบิดเบือนไปเมื่อถูกนำเสนอในหนังสือ “Outliers: The Story of Success” ของ Malcolm Gladwell ที่กลายเป็นหนังสือขายดีอันดับหนึ่งในปี 2007 ทำให้ทฤษฎี 10,000 ชั่วโมงแพร่หลายไปทั่ว แต่ความหมายดั้งเดิมถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น “ต้องใช้เวลา 10,000 ชั่วโมงเพื่อเรียนรู้บางสิ่ง” ซึ่งไม่ใช่ความจริง
1
Josh จึงศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทักษะอย่างจริงจัง และพบว่ Learning Curve ที่แท้จริงนั้นแตกต่างออกไป เมื่อเริ่มต้นเรียนรู้ทักษะใหม่ เราจะไม่มีความสามารถเลยและแทบจะรู้ตัวดี แต่ด้วยการฝึกฝนเพียงเล็กน้อย เราก็จะเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงจุดหนึ่งที่การพัฒนาจะช้าลงและยากขึ้นที่จะก้าวหน้าต่อไป
3
คำถามสำคัญที่ Josh ต้องการคำตอบคือ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนตั้งแต่เริ่มต้นทำอะไรบางอย่างที่ตัวเขาเองไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิง และไต่ไปจนถึงระดับที่เก่งพอสมควร? และคำตอบที่เขาพบจากการค้นคว้าคือ 20 ชั่วโมง
1
ใช่แล้วครับ เพียง 20 ชั่วโมงเท่านั้น คุณสามารถเปลี่ยนจากการที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับทักษะใดก็ตาม ไปสู่การเก่งพอสมควรได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษา วาดรูป หรือทักษะที่ยากแค่ไหนก็ตามที
2
20 ชั่วโมงนี้เทียบเท่ากับการฝึกฝนวันละ 45 นาทีเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน แม้จะมีวันที่พลาดไปบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะสะสมเวลาฝึกฝนให้ครบ 20 ชั่วโมง
1
อย่างไรก็ตาม Josh เน้นย้ำว่าไม่ใช่แค่การลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 20 ชั่วโมงแล้วจะได้ผล แต่ต้องมีวิธีการฝึกฝนอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าเวลา 20 ชั่วโมงนั้นถูกใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
Josh ได้นำเสนอวิธีการ 4 ขั้นตอนที่สามารถนำไปใช้ได้กับการเรียนรู้ทักษะใดก็ตาม:
1. แยกย่อยทักษะ: ตัดสินใจว่าคุณอยากให้ตัวเองทำอะไรได้บ้างเมื่อคุณเสร็จสิ้นการเรียนรู้ แล้วแยกย่อยทักษะนั้นออกเป็นชิ้นเล็กๆ ทักษะส่วนใหญ่มักเป็นการรวมกันของทักษะย่อยๆ หลายอย่าง การแยกย่อยจะช่วยให้คุณเห็นว่าส่วนไหนสำคัญที่สุดและควรฝึกฝนก่อน
1
2. เรียนรู้ให้มากพอที่จะแก้ไขตัวเองได้: หาแหล่งข้อมูล 3-5 แหล่งเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้ อาจเป็นหนังสือ วิดีโอ หรือคอร์สออนไลน์ แต่อย่าใช้สิ่งเหล่านี้เป็นข้ออ้างในการผัดผ่อนการลงมือฝึกฝน เรียนรู้แค่พอที่จะสามารถฝึกฝนและแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองได้
1
3. กำจัดอุปสรรคต่อการฝึกฝน: จัดการกับสิ่งรบกวนสมาธิต่างๆ เช่น โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต หรือสิ่งอื่นๆ ที่อาจขัดขวางไม่ให้คุณนั่งลงและฝึกฝนอย่างจริงจัง ยิ่งคุณสามารถกำจัดสิ่งรบกวนได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะนั่งลงและฝึกฝนจริงๆ มากขึ้นเท่านั้น
1
4. ฝึกฝนอย่างน้อย 20 ชั่วโมง: ทักษะส่วนใหญ่มักมีอุปสรรคในช่วงแรกของการเรียนรู้ เราไม่ชอบที่ตัวเองรู้สึกโง่ และความรู้สึกนี้อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไม่อยากลงมือทำจริงๆ การตั้งเป้าหมายไว้ล่วงหน้าว่าจะฝึกฝนอย่างน้อย 20 ชั่วโมงจะช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ และยึดมั่นกับการฝึกฝนนานพอที่จะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
Josh ย้ำว่าวิธีการนี้ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อน แต่เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ใครก็สามารถนำไปใช้เพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ได้
เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของเขา Josh ตัดสินใจทุ่มเท 20 ชั่วโมงให้กับการเรียนเล่นอูคูเลเล่ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่เขาสนใจมานาน หลังจากได้แรงบันดาลใจจากการชม TEDTalk ของ Jake Shimabukuro นักอูคูเลเล่ชื่อดัง
2
Josh เริ่มต้นด้วยการหาอูคูเลเล่มาฝึกซ้อม ซึ่งเป็นอูคูเลเล่ไฟฟ้า เขาใช้เวลาสองสามชั่วโมงแรกในการเตรียมเครื่องมือให้พร้อม เช่น การใส่สายและการตั้งสาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้
3
จากนั้นเขาเริ่มศึกษาวิธีการเล่นคอร์ดต่างๆ แม้จะมีคอร์ดให้เรียนรู้มากมายหลายร้อยคอร์ด แต่ Josh พบว่าในความเป็นจริงแล้ว เพลงส่วนใหญ่ใช้เพียงไม่กี่คอร์ดซ้ำๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้ค้นพบว่ามีชุดคอร์ดเพียง 4 คอร์ด ได้แก่ G, D, Em และ C ที่สามารถใช้เล่นเพลงป๊อปได้เกือบทุกเพลงในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา
ด้วยความรู้นี้ Josh จึงตัดสินใจเรียนรู้การเล่นเมดเลย์เพลงป๊อปที่ประกอบด้วยท่อนสั้นๆ จากเพลงดังหลายเพลง โดยใช้เพียง 4 คอร์ดนี้เท่านั้น
ในการนำเสนอ Josh ได้แสดงผลลัพธ์จากการฝึกฝน 20 ชั่วโมงของเขาด้วยการเล่นเมดเลย์เพลงป๊อปที่รวมเอาท่อนเพลงดังหลายเพลงเข้าไว้ด้วยกัน
เช่น “Don’t Stop Believin'” ของวง Journey, “Someone Like You” ของ Adele, “My Heart Will Go On” จากภาพยนตร์ Titanic, “I’m Yours” ของ Jason Mraz, “Can You Feel the Love Tonight” จาก The Lion King, “With or Without You” ของ U2, “Let It Be” ของ The Beatles, “No Woman, No Cry” ของ Bob Marley, “Land Down Under” ของ Men at Work, “Call Me Maybe” ของ Carly Rae Jepsen และ “Gangnam Style” ของ Psy
1
การแสดงของ Josh ได้รับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะจากผู้ชม แสดงให้เห็นว่าแม้จะฝึกฝนเพียง 20 ชั่วโมง เขาก็สามารถเล่นเพลงได้อย่างน่าประทับใจและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ฟังได้
1
Josh สรุปว่า อุปสรรคหลักในการเรียนรู้สิ่งใหม่ไม่ใช่เรื่องสติปัญญาหรือปัญหาเรื่องความซับซ้อนด้านเทคนิค แต่เป็นเรื่องอารมณ์ เรามักกลัวการรู้สึกโง่เมื่อเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ถ้าเราสามารถเอาชนะความกลัวนี้และลงทุนเวลา 20 ชั่วโมงกับสิ่งที่เราอยากเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาใหม่ การทำอาหาร การวาดรูป หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น เราก็จะสามารถพัฒนาทักษะนั้นได้อย่างน่าประหลาดใจ
2
แนวคิดของ Josh Kaufman นี้ไม่เพียงแต่ท้าทายความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้คนกล้าที่จะเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องใช้เวลานานเกินไป การตั้งเป้าหมายที่ 20 ชั่วโมงนั้นดูเป็นไปได้และไม่น่ากลัวเท่ากับ 10,000 ชั่วโมง ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่าพวกเขาสามารถเริ่มต้นได้ แม้จะมีเวลาจำกัดในชีวิตประจำวัน
2
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักคือ แนวคิด 20 ชั่วโมงนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเวลาอันสั้น แต่เป็นการพัฒนาทักษะให้อยู่ในระดับที่ “ใช้งานได้” หรือ “เก่งพอสมควร” ซึ่งสำหรับหลายๆ คนแล้ว นั่นอาจเพียงพอสำหรับความต้องการหรือความสนใจของพวกเขา
1
นอกจากนี้ วิธีการของ Josh ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกฝนอย่างมีเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การใช้เวลาไปเรื่อยๆ โดยไร้ทิศทาง การแยกย่อยทักษะ การเรียนรู้วิธีแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตัวเอง และการกำจัดสิ่งรบกวนสมาธิ ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการเรียนรู้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น
แนวคิดนี้ยังสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้สมัยใหม่ที่เน้นการเรียนรู้แบบ “เชิงรุก” (active learning) และการฝึกฝนอย่างมีเป้าหมาย (deliberate practice) ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะมากกว่าการเรียนรู้แบบรับข้อมูลเพียงอย่างเดียว
ในยุคที่เทคโนโลยีและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีความสามารถในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกลายเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง
1
แนวคิด 20 ชั่วโมงของ Josh Kaufman จึงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบุคลากรในองค์กร หรือแม้แต่ในระบบการศึกษา เพื่อสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ท้ายที่สุด Josh Kaufman ได้เน้นย้ำว่า ไม่ว่าคุณจะอยากเรียนรู้อะไร ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับงาน งานอดิเรก หรือความฝันที่คุณอยากทำให้เป็นจริง อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือความคิดที่ว่าต้องใช้เวลานานเกินไปมาขัดขวางคุณ เพียงแค่ 20 ชั่วโมงของการฝึกฝนอย่างมีเป้าหมาย คุณก็สามารถเริ่มต้นการเดินทางสู่การเรียนรู้และการพัฒนาตนเองได้แล้ว
3
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด มีภาระหน้าที่อะไร หรือมีข้อจำกัดด้านเวลาแค่ไหน คุณก็สามารถเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ เพียงแค่กล้าที่จะเริ่มต้น ยอมรับว่าช่วงแรกอาจจะยากและอึดอัด แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะประหลาดใจกับสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในเวลาเพียงแค่ 20 ชั่วโมงเท่านั้น
References :
The first 20 hours — how to learn anything | Josh Kaufman
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา