12 ม.ค. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
Rimping Supermarket NimCity Branch

ทำความรู้จัก “Malt Vinegar” น้ำส้มสายชูที่มีต้นกำเนิดจากอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์

เช่นเดียวกับน้ำส้มสายชูชนิดอื่น ๆ จุดเริ่มต้นของน้ำส้มสายชูมอลต์ (Malt Vinegarr) ก็คือแอลกอฮอล์ แต่แอลกอฮอล์ในที่นี้คือเบียร์เอล (Ale) ที่ทำมาจากมอลต์ ซึ่งแตกต่างจากน้ำส้มสายชูยุโรปส่วนใหญ่ที่มักผลิตโดยการหมักเอทิลแอลกอฮอล์ไว้ในไวน์ด้วยแบคทีเรียในกลุ่ม Acetobacter และ Gluconobacter
.
ต้นกำเนิดของน้ำส้มสายชูมอลต์มีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปในประเทศอังกฤษเมื่อหลายศตวรรษที่ผ่านมา ตำนานเล่าว่าน้ำส้มสายชูมอลต์เกิดขึ้นจากความบังเอิญในอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์เอล เนื่องจากผู้ผลิตเบียร์เอลปล่อยให้เบียร์สัมผัสกับอากาศนานเกินไปจนเบียร์มีรสชาติเปรี้ยว เป็นผลมาจากแบคทีเรียในอากาศเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้กลายเป็นกรดอะซิติก (Acetic acid) การเปลี่ยนแปลงโดยไม่ตั้งใจในครั้งนี้ทำให้เกิดน้ำส้มสายชูมอลต์ขึ้นมานั่นเอง
.
หลังจากปรากฏตัวครั้งแรกน้ำส้มสายชูมอลต์ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงยุคกลางของยุโรป อารามหลายแห่งที่ผลิตเบียร์เอลเริ่มหันมาผลิตและจำหน่ายน้ำส้มสายชูมอลต์กันเพิ่มขึ้น ซึ่งชาวเมืองไม่เพียงแต่นำไปใช้ในการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสรรพคุณทางยาอีกด้วย
.
ในศตวรรษที่ 17 รัฐบาลอังกฤษเริ่มเก็บภาษีสำหรับจำหน่ายน้ำส้มสายชูมอลต์ ซึ่งการจัดเก็บภาษีนี้ชี้ให้เห็นว่าการผลิตน้ำส้มสายชูมอลต์กลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของอังกฤษในขณะนั้น และเมื่อเส้นทางการค้าเริ่มขยายออกไปน้ำส้มสายชูมอลต์ก็มีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมสำหรับฟิชแอนด์ชิปส์และอาหารอังกฤษคลาสสิกอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว
.
ต่อมาในศตวรรษที่ 19 น้ำส้มสายชูมอลต์ก็ถูกพัฒนาให้มีสีเข้มขึ้น เนื่องจากต้องแข่งขันกับน้ำส้มสายชูนำเข้าราคาถูกที่ทำจากกากน้ำตาลที่มีสีเข้ม ซึ่งชาวเมืองจะคุ้นเคยมากกว่า ดังนั้นผู้ผลิตจึงเริ่มปรับน้ำส้มสายชูมอลต์จากสีเหลืองอำพันมาเป็นสีน้ำตาลเข้มที่เรารู้จักในปัจจุบัน
.
ความนิยมของน้ำส้มสายชูมอลต์ในภูมิภาคอื่น ๆ เริ่มแพร่กระจายไปพร้อมกับอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ ตั้งแต่อินเดีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ไปจนถึงจาเมกา เช่น ในสหรัฐอเมริกามักทานคู่กับเฟรนช์ฟรายส์และหัวหอมทอด ในเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่นและเกาหลีน้ำส้มสายชูมอลต์มักจะทานคู่กับซูชิ ซาซิมิ สลัด หรือใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำจิ้มต่าง ๆ
.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาน้ำส้มสายชูมอลต์ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีความนุ่มนวล หวาน และเป็นกรดอ่อน ๆ แตกต่างจากน้ำส้มสายชูชนิดอื่น ๆ ที่มีรสชาติค่อนข้างเปรี้ยวและมีความเป็นกรดมากกว่า
.
นอกจากเอกลักษณ์ดังกล่าวแล้วน้ำส้มสายชูมอลต์ยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกหลากหลาย อุดมไปด้วยวิตามินซี แร่ธาตุโพแทสเซียม ช่วยปรับปรุงการดูดซึมอินซูลินในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้อีกด้วย
โฆษณา