Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Rimping Supermarket
•
ติดตาม
19 ม.ค. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
Rimping Supermarket NimCity Branch
ทำความรู้จัก “Jägermeister” ลิเคียวสมุนไพรจากประเทศเยอรมนี
Jägermeister (เยเกอร์ไมสเตอร์) เป็นลิเคียวสมุนไพรที่มีส่วนผสมของพฤกษาพันธุ์ไม้มากถึง 56 ชนิด มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 35% หากใครที่เป็นนักดื่มน่าจะเคยเห็นลิเคียวชนิดนี้ตามผับหรือบาร์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วมักจะดื่มกันแบบเป็นช็อตหรือ Jäger Bomb (เยเกอร์ บอมบ์) ที่จะนำช็อต Jägermeister ใส่ลงไปในแก้วเครื่องดื่มชูกำลัง
.
เรื่องราวของ Jägermeister เริ่มต้นขึ้นที่เมือง Wolfenbüttel ประเทศเยอรมนี ในปี 1934 โดย Curt Mast ทายาทธุรกิจน้ำส้มสายชูและไวน์ ที่รับช่วงต่อจาก Wilhelm Mast พ่อของเขา
Curt เป็นคนที่หลงใหลในการปรุงสุราและการล่าสัตว์ ภายหลังรับช่วงต่อกิจการ เขาจึงคิดค้นเครื่องดื่มสูตรใหม่ขึ้นมา โดยนำสมุนไพรทั้งหมด 56 ชนิด มีทั้งเครื่องเทศ รากไม้ ดอกไม้ และผลไม้ มาผสมกับเหล้าทำเป็นลิเคียวที่มีรสชาติเข้มข้น
.
หลังจากได้สูตรที่สมบูรณ์แบบแล้ว Curt จึงตั้งชื่อเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า “Jägermeister” มีความหมายว่า ปรมาจารย์นักล่า เนื่องจากเขาเป็นคนที่หลงใหลในการล่าสัตว์มาก ๆ เขาจึงอุทิศชื่อนี้ให้กับเครื่องดื่มของเขา ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันดีของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง Wolfenbüttel เพราะการล่าสัตว์เป็นประเพณีที่มีมานานหลายศตวรรษ
.
นอกจากชื่อที่มีความโดดเด่นแล้ว สัญลักษณ์ของกวางตัวผู้บนขวดสีเขียว Curt ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานของ Saint Hubertus (นักบุญอุปถัมภ์ของพรานที่อยู่ในนิกายโรมันคาทอลิก) ตำนานเล่าว่านักบุญท่านนี้ แต่เดิมมีนามว่า Hubert เป็นชายหนุ่มรูปงาม ทายาทของชนชั้นสูง มีทั้งอำนาจบารมีและความมั่งคั่ง
.
ตัว Hubert นั้นตั้งแต่เด็กจนโตมีความหลงไหลในการล่าสัตว์มาก สามารถใช้เวลาทั้งวันขลุกตัวอยู่ในป่า คอยวางกับดักและไล่ล่าสัตว์ สร้างชื่อจากการเป็นนักธนูที่แม่นยำเก่งกาจ ในขณะเดียวกัน Hubert ก็ค่อย ๆ ห่างหายจากการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาจนกระทั่งไม่มีความสนใจให้กับศาสนกิจ ความเชื่อและศรัทธาต่อพระเจ้าอีกต่อไป
.
เค้าลางแห่งหายนะเริ่มก่อตัวหลังจากที่ Hubert แต่งงานได้เพียงสองปี ภรรยาของเขาก็เริ่มป่วยและเสียชีวิตไปไม่นานหลังให้กำเนิดบุตรชาย Hubert ที่เยียวยาตัวเองจากความโศกเศร้าได้แล้ว วงจรชีวิตของเขาก็วนกลับมาที่เดิม สิ่งเดียวที่ทำให้ Hubert สามารถกลับมามีความสุขได้อีกครั้ง นั่นคือการล่า
.
1
เช้าวันหนึ่งในระหว่างที่เหล่าผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาคราคร่ำอยู่ในโบสถ์ Hubert กลับควบม้าคู่ใจออกไปล่าสัตว์ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป Hubert ไปพบเข้ากับกวางป่าตัวผู้โตเต็มวัย กวางตัวนี้มีขนาดใหญ่เกือบจะเท่าม้า ขนสีขาวงดงามราวกับแสงนำทางในป่าอันมืดมิด เขาที่ยาวสูงชะลูดสวยงามดังต้นไม้ในเทพนิยาย นี่คือกวางที่สง่างามที่สุดที่ Hubert เคยพบเห็นมา เขาจึงไล่ล่ากวางตัวนี้อย่างไม่ลดละเข้าไปในป่าลึก
.
แต่จู่ ๆ กวางตัวนี้ก็หยุดวิ่งแล้วหันมาประจันหน้า และ Hubert ก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นนิมิตของไม้กางเขนส่องสว่าง ลอยอยู่ระหว่างเขากวาง ในระหว่างที่ Hubert กำลังตกอยู่ในภวังค์กับสิ่งที่เห็น ทันใดนั้นก็เกิดมีเสียงจากเบื้องบนพูดกับ Hubert ว่า “ Hubert…เจ้าจะต้องหันกลับไปหาพระเจ้าและใช้หลักคำสอนนำทางชีวิต มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องดำดิ่งสู่ขุมนรก”
.
Hubert ลงจากหลังม้ามาคุกเข่าในทันทีพร้อมกับตอบกลับเสียงนั้นไปว่า “พระองค์ต้องการให้ข้าทำสิ่งใด” เสียงจากเบื้องบนจึงบอกให้ Hubert นั้นออกเดินทางไปพบบิชอป Lambert…สิ้นเสียงนั้น ทุกอย่างก็ดูจะสงบลง เสียงจากเบื้องบนเงียบหายไป รวมถึงกวางตัวนั้นด้วยเช่นกัน
.
หลังจากนิมิตนั้น Hubert ก็ตัดสินใจสละตำแหน่งในราชวงศ์ ยกทรัพย์สมบัติและมรดกทั้งหมดให้กับน้องชาย แล้วเดินทางไปพบกับ บิชอป Lambert ผู้ซึ่งต้อนรับและสั่งสอนทุกอย่าง เปลี่ยน Hubert ให้กลับมาเป็นผู้ที่มีศรัทธาในพระเจ้าและการทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้วบิชอปจึงมอบหมายให้ Hubert ไปอาศัยอยู่ท่ามกลางผู้คนและสิ่งมีชีวิตในป่าอาร์เดนส์ที่อยู่ใกล้เคียง และอุทิศตนให้กับการบำเพ็ญเพียรภาวนาและการศึกษาหลักธรรม เปลี่ยนชีวิตชาวบ้าน รวมถึงโจรป่าให้หันมานับถือศาสนา
.
เวลาผ่านไป Hubert ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบิชอบ Hubertus แห่ง Liege ผู้ทำหน้าที่ดูแลปกป้องและเป็นปากเสียงให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในป่าและเหล่าสรรพสัตว์ จนกระทั่งบิชอป Hubertus จากโลกนี้ไปคุณงามความดีของเขายังคงอยู่ จนได้รับการสถาปนาให้เป็นนักบุญ Saint Hubertus
.
ชื่อของ Saint Hubertus ยังคงเกี่ยวพันกับการอนุรักษ์ผืนป่าและการล่าสัตว์อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรมมาจนถึงปัจจุบัน นิมิตการเห็นกวางตัวผู้สีขาวและไม้กางเขนได้เปลี่ยนพรานนักล่าให้เป็นนักบุญแห่งผืนป่าที่น่าเลื่อมใส ด้วยเหตุนี้ Curt จึงนำภาพในนิมิตรของนักบุญมาเป็นโลโก้ของแบรนด์ Jägermeister นั่นเอง
.
Curt ไม่เพียงแค่ใส่ใจในการตั้งชื่อและการเลือกโลโก้เท่านั้น เพราะแม้แต่ขวดที่ใช้บรรจุเครื่องดื่มเขาก็พิถีพิถันในการคัดเลือกด้วยเช่นกัน เขาต้องการขวดที่มีความทนทานและไม่แตกง่าย จึงพยายามหาขวดที่เหมาะสมที่สุด โดยลองทิ้งขวดรูปทรงต่าง ๆ ลงบนพื้นไม้โอ๊ค จนมีขวดรูปแบบหนึ่งที่ไม่แตก ซึ่งก็คือขวดรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีความโค้งมนเล็กน้อย ดังนั้นขวดรูปแบบนี้จึงถูกนำมาใช้ในการบรรจุลิเคียว Jägermeister ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.
ในตอนแรก Jägermeister วางตลาดในรูปแบบเครื่องดื่มช่วยย่อยซึ่งมักจะดื่มกันหลังมื้ออาหาร แต่อย่างไรก็ตามรสชาติที่เข้มข้นของ Jägermeister กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ในช่วงปี ค.ศ. 1970 Jägermeister ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นตามผับและบาร์ต่าง ๆ ในฐานะลิเคียวที่เข้มข้น ซึ่งมักจะเสิร์ฟกันแบบเย็นจัดในอุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เนื่องจาก Jägermeister เป็นลิเคียวที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 35%
.
เมื่อเวลาผ่านไป Jägermeister ก็ได้รับความนิยมนอกเหนือจากประเทศเยอรมนี และเริ่มขยายการเข้าถึงไปยังทวีปอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ดึงดูดนักดื่มด้วยรสชาติที่โดดเด่นและเสน่ห์ที่เหนือกาลเวลา
ความสำเร็จของ Jägermeister ไม่เพียงแต่มาจากคุณภาพที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ทุกวันนี้บริษัทยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมและปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์ได้เปิดตัวลิเคียว Limited Edition ออกมา ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบ Jägermeister อยากลิ้มลองและสัมผัสรสชาติใหม่ ๆ อีกด้วย
อาหาร
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย