3 ก.พ. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
Rimping Supermarket NimCity Branch

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “Ferrero” (เฟอร์เรโร) แบรนด์ช็อกโกแลตที่ร่ำรวยที่สุดในอิตาลี

เรื่องราวของ Ferrero (เฟอร์เรโร) เริ่มต้นขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ Alba บนเนินเขา Piedmont อันงดงามในอิตาลี เมื่อปี 1946 หลังจากที่ Pietro Ferrero เจ้าของร้านขายขนมชาวอิตาลีพาครอบครัวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่เมือง Alba
.
เดิมที Pietro Ferrero เปิดร้านขายบิสกิสให้กับกองทัพอิตาลีที่ประจำการอยู่ที่ประเทศเอริเทรียแถบแอฟริกาตะวันออก แต่ขายไม่ค่อยดีนัก เขาจึงพาครอบครัวย้ายกลับมายังอิตาลี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น
.
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง โกโก้ก็มีราคาแพงขึ้น Pietro Ferrero จึงเกิดไอเดียลดต้นทุนการทำช็อกโกแลต โดยนำกากน้ำตาล น้ำมันมะพร้าว โกโก้เล็กน้อย และเฮเซลนัท ซึ่งเป็นถั่วราคาถูกที่มีการเพาะปลูกอย่างแพร่หลายในเมือง Alba มาผสมกันทำเป็นขนมหวานชื่อว่า Giandujot มีลักษณะเป็นแท่งเหมือนก้อนอิฐห่อด้วยกระดาษไข ผู้คนนิยมนำมาสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ ทานคู่กับขนมปัง
.
Pietro Ferrero ขายขนมของเขาในราคาย่อมเยา เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงช็อกโกแลตได้ ด้วยเหตุนี้ขนมของเขาจึงขายดีเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงชวนน้องชายของเขาชื่อ Giovanni Ferrero ผู้เคยทำธุรกิจค้าส่งอาหารมาร่วมกิจการด้วย และก่อตั้งบริษัท Ferrero ขึ้นมาในปี 1946
.
แต่ Pietro Ferrero ยังไม่ทันได้เห็นแบรนด์ของเขาประสบความสำเร็จ เขาก็เสียชีวิตลงในปี 1949 ด้วยอาการหัวใจวาย ด้วยเหตุนี้น้องชายของเขาจึงต้องบริหารธุรกิจต่อเพียงผู้เดียว และในปี 1957 Giovanni ก็เสียชีวิตลงไปอีกคนด้วยอาการหัวใจวายเช่นเดียวกัน ดังนั้น Michele Ferrero ลูกชายของ Pietro จึงเข้ามารับช่วงต่อ
.
ในปี 1962 Michele Ferrero พัฒนาสูตรขนมดั้งเดิม โดยเพิ่มโกโก้ และเนยลงไป เปลี่ยนจากขนมหวานมาเป็นช็อกโกแลตสเปรดที่มาในรูปแบบขวดโหล เรียกว่า Nutella (นูเทลล่า) ซึ่งหลังจากเปิดตัวแบรนด์ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทำให้ Nutella กลายเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก (ปัจจุบันโรงงานของ Ferrero สามารถผลิต Nutella ออกมาได้มากถึง 365,000 ตัน หรือ 365,000,000 กิโลกรัมต่อปี)
.
หลังจากนั้นไม่นาน Michele Ferrero ก็ขยายกิจการเข้าสู่ตลาดเยอรมัน ซึ่งบริษัทได้เปลี่ยนโรงงานผลิตขีปนาวุธของนาซีให้กลายเป็นโรงงานผลิตขนมหวาน และต่อมาเขาก็ขยายกิจการไปยังเบลเยียม ออสเตรีย และฝรั่งเศส
.
ต่อมาในปี 1969 Michele เปิดตัวช็อกโกแลตแบบแท่งสอดไส้นมในชื่อ Kinder ขึ้นมาโดยวางกลุ่มเป้าหมายไปที่เด็ก ๆ และภายหลังเขาก็เกิดไอเดียนำช็อกโกแลตมาทำเป็นรูปไข่ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลอีสเตอร์แล้วซ่อนของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ไว้ข้างใน เรียกว่า Kinder Surprise ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ช็อกโกแลตรูปไข่ของเขากลายเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ ทั่วโลก
.
Kinder Surprise เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใส่นมเยอะที่สุดในทุกผลิตภัณฑ์ของ Ferrero เพราะ Michele เชื่อว่าพ่อแม่ของเด็ก ๆ น่าจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมมากว่าปกติให้ลูก ๆ ทาน
เมื่อเวลาผ่านไปในปี 1982 บริษัท Ferrero ก็ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Ferrero Rocher ช็อกโกแลตที่ห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีทองหรูหราที่ทุกคนคุ้นเคย ทำมาจากช็อกโกแลตผสมกับเฮเซลนัท ห่อหุ้มด้วยเปลือกเวเฟอร์กรุบกรอบ ซึ่งช็อกโกแลตรูปแบบนี้นับว่าเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงที่สุดของแบรนด์
.
นับตั้งแต่เปิดตัว Ferrero Rocher ก็ได้ดึงดูดผู้ชื่นชอบช็อกโกแลตทั่วโลกด้วยรสชาติและการนำเสนอที่หรูหรา ผู้คนมักจะซื้อไปเป็นของขวัญในเทศกาลต่าง ๆ เช่น คริสต์มาส วันขึ้นปีใหม่ ไปจนถึงวันวาเลนไทน์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ และขยายการเข้าถึงไปกว่า 170 ประเทศทั่วโลก
.
ในเวลาต่อมา Ferrero ก็ถูกส่งต่อกิจการมายังรุ่นที่ 3 นั่นก็คือรุ่นลูกของ Michele เขามีลูกชาย 2 คนชื่อ Pietro และ Giovanni (ตั้งชื่อตามพ่อและอาของเขา) โดยทั้งสองเข้ามารับช่วงกิจการต่อจาก Michele ในปี 1997 โดย Pietro ดูแลด้านการผลิต และ Giovanni ดูแลด้านการตลาดและการเงินของบริษัท
.
ในปี 2011 ครอบครัว Ferrero ก็พบกับความโศกเศร้าครั้งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจาก Pietro ได้เสียชีวิตลงด้วยภาวะหัวใจวายขณะปั่นจักรยานอยู่ที่แอฟริกาใต้ แต่ถึงกระนั้นความโศกเศร้าของครอบครัว Ferrero ก็ยังไม่จบลง เพราะในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ปี 2015 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ Michele Ferrero ได้เสียชีวิตลงในวัย 89 ปี ด้วยเหตุนี้ผู้คนนับหมื่นคนจึงมาร่วมไว้อาลัยให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้ายในเมือง Alba เพราะการสูญเสียในครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวอิตาลีเช่นกัน
.
แม้บริษัทจะเผชิญกับความสูญเสียแต่ทุกวันนี้ Ferrero ก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในโลกของขนมหวานที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ ภายใต้การนำของ Giovanni Ferrero ซึ่งธุรกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ครอบครัว Ferrero กลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในอิตาลี และติดท็อป 50 ผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกอีกด้วย
สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ Ferrero ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
โฆษณา