Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
•
ติดตาม
10 ส.ค. เวลา 01:06 • การศึกษา
พระรัตนตรัยแท้อยู่ที่ใจ
.
การกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เรียกว่า พระรัตนตรัย ได้อย่างสนิทใจนั้น สำหรับชาวพุทธเรา ที่มีศรัทธาฝังแน่นในพระพุทธศาสนา ควรต้องกราบได้อย่างสนิทใจอยู่แล้ว และกราบได้อย่างสนิทใจตลอดเวลาเป็นอกาลิโกเลยทีเดียว ศรัทธาต้องหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวไปกับเหตุการณ์ใด ๆ ที่มาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี หรือเพียงเพราะเกิดความประทับใจ หรือไม่ประทับใจ ในอะไรบางสิ่งบางอย่าง
.
แท้จริง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ล้วนมีอยู่ภายในใจของพวกเราชาวพุทธทุกคนอยู่แล้ว ต่างแต่ใครจะมีมาก หรือมีน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีเสียเลย ก็คงไม่มีบุญวาสนาได้เกิดมาเป็นชาวพุทธอย่างแน่นอน
.
พระพุทธ คือ ความตรัสรู้อริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า ทำให้ใจเป็นธาตุรู้ที่บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลส เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตราบใดที่เรามีสติรู้ตัวอยู่ ได้ชื่อว่า เรามีพระพุทธคุณอยู่ภายในใจ จึงควรเจริญสติให้มาก ๆ เข้าไว้
.
พระธรรม คือ คำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า มีทั้ง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ผู้ใดได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วนำมาคิดอ่านใคร่ครวญจนเกิดความเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งในใจตนเอง รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ อันใดใช่ประโยชน์ อันใดไม่ใช่ประโยชน์ ได้ชื่อว่า มีพระธรรมคุณอยู่ภายในใจ จึงควรหมั่นใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งที่มาเกี่ยวข้องให้เป็นธรรมอยู่เสมอ
.
พระสงฆ์ ก็คือ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้ใดปฏิบัติดำเนินไปตามศีล สมาธิ ปัญญา จนได้บรรลุถึงความบริสุทธิ์ คือมรรค ผล นิพพาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ชื่อว่า มีพระสังฆคุณอยู่ภายในใจ จึงควรใส่ใจ เจริญให้มาก ทำให้มาก จึงสมควรเป็นชาวพุทธแท้
.
ผู้มีศีล สมาธิ ปัญญา เต็มภูมิ ย่อมสามารถกำจัดขัดเกลากิเลส ทำให้ใจบริสุทธิ์หมดจดได้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็จะแปรสภาพรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่ที่ใจ กลายเป็นธรรมธาตุรู้อันบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า นิพพานหนึ่ง นั่นเอง อันไม่มีปัจจัยปรุงแต่งได้อีกตลอดอนันตกาล เป็นผู้ถึงแล้วซึ่งฝั่งอันเป็นแดนแห่งความเกษม ก้าวล่วงเสียได้ซึ่งทุกข์ทั้งปวงโดยชอบ
.
ดังนั้น การกราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ได้อย่างสนิทใจนั้น ไม่ว่ากาลไหน ๆ ก็ควรต้องกราบได้อย่างสนิทใจตลอดเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ใด ๆ ไม่ว่าจะดี หรือจะชั่ว จะทำให้เกิดความประทับใจ หรือไม่ประทับใจ
.
มิฉะนั้นแล้ว การกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็จะพลอยลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปด้วยตามความรู้สึกในใจตนเอง เพราะโลกนี้มันเป็นธรรมคู่ มีดีก็ต้องมีชั่ว มีสุขก็ต้องมีทุกข์ เมื่อมีประทับใจ ก็ต้องมีที่ไม่ประทับใจเป็นของคู่กัน
.
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ปรากฏทางภายนอกก็เป็นเพียงกิริยาอาการที่เป็นรูปธรรมอันหนึ่ง จะดีเลิศประเสริฐเพียงไหน ก็หามีประโยชน์อันใดไม่ หากเราไม่สามารถน้อมนำเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้น ให้มาปรากฏอยู่ภายในใจของเราได้
.
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ปรากฏขึ้นที่ใจของเรานั้นแล คือ องค์พระตถาคตแท้ สมดังที่ธรรมท่านสอนว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นแลได้ชื่อว่า เห็นเราตถาคต"
.
ถ้าเข้าใจได้ดังนี้แล้ว แม้ตัวเราจะอยู่ ณ ที่แสนไกล ก็จะมีความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่า ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย ประหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าตลอดเวลา ด้วยความพากความเพียร ความบากบั่นมุ่งมั่น ที่จะขจัดทำลายขัดเกลากิเลสตัวสกปรกโสมม ที่ฝังจมอยู่ภายในใจ มาแสนนานให้มันหมดสิ้นไป
.
อันผู้มีความเพียรเพื่อความพ้นทุกข์ นั้น ย่อมชื่อว่า เป็นนักรบลูกศิษย์พระตถาคตอยู่แล้ว จงอย่าได้ยอมแพ้พ่ายอย่างคนสิ้นท่า เพื่อวันหนึ่งข้างหน้าจะได้มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุถึงฝั่งอันเป็นแดนแห่งความเกษมของพระขีณาสวะเจ้าทั้งหลาย
.
ก็การได้เห็นพระตถาคตแท้ปราฏขึ้นที่ใจนั่นแล คือการเห็นอันยอดเยี่ยมกว่าการเห็นสิ่งใด ๆ ในโลก อย่างที่ท่านเรียกว่า ทัศนานุตริยะ และเป็นเป้าหมายสูงสุด ที่รอให้พวกเราชาวพุทธผู้มีความเพียรทุกคน ได้ชื่นชมอย่างสมใจ ในวันหนึ่งข้างหน้าอย่างแน่นอน
.
ดังนั้น จงอย่าได้สนใจปฏิบัติต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทางภายนอก จนหลงลืมปฏิบัติต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่อยู่ภายในใจตนเอง ธรรมท่านสอนให้โอปนยิโก คือ ถ้าเห็นดีทางภายนอก ก็ให้น้อมเข้ามาไว้ในใจ ว่า ตัวเองมีดีอย่างนั้นไหม? ถ้าไม่มี ก็จงทำให้มีเสีย ถ้าเห็นไม่ดีทางภายนอก ก็ให้น้อมเข้ามาที่ใจ ว่า ความไม่ดีอย่างนั้น ตัวเองมีไหม? ถ้ามี ก็จงเอาออกไปเสีย
.
ถ้าทำได้อย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า ได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าตลอดเวลาด้วยการปฏิบัติบูชา ก็การบูชานั้น พระบรมศาสดาตรัสไว้เป็น ๒ อย่าง คือ อามิสบูชาอย่างหนึ่ง และปฏิบัติบูชาอย่างหนึ่ง พระองค์ได้ตรัสสรรเสริญว่า การปฏิบัติบูชานั้น จัดเป็นการบูชาพระตถาคตอย่างยอดเยี่ยม
.
ดังนั้น ชาวพุทธผู้ฉลาดก็ควรรู้จักแยกแยะว่า กาลใดอันควรกระทำอามิสบูชา ก็จงทำไป กาลใดอันควรกระทำปฏิบัติบูชาก็จงทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทำให้จริง แล้วความสุขหรือความพ้นทุกข์ก็จะมีมาเอง โดยไม่ต้องไปเรียกร้อง หรือขอพรจากท่านผู้ใดเลย
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๗_๐๘
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย