ราคาที่คุณเห็นในตลาดหุ้น คือมูลค่าที่แท้จริง หรือแค่ภาพลวงตา?
ราคาหุ้นหลายตัวลงมาแบบถล่มทลาย 30-50% คำถามก็คือ ตัวเลขที่เราเห็นใน Streaming คือมูลค่าที่แท้จริง หรือราคาเสนอซื้อ ?
.
Disclaimer : บทความนี้จะ Abstract นิดๆ นะครับ ใครไม่ชอบกดข้ามไปก่อนได้เลย แต่ถ้าใครอยากตามมาเจาะต่อ ผมอยากบอกว่า นี่คือหลักการลงทุนที่ผมใช้อยู่จริง และอาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณ อ่านต่อได้เลยครับ
ถ้าตัวเลขใน Streaming คือมูลค่าหุ้นแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แสดงว่ามูลค่าของบริษัทหลายรายได้ลดลงไปแล้ว 30-50% ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา… มันเป็นไปได้ยังไงครับ ที่ธุรกิจจะมีมูลค่าลดลงเร็วขนาดนั้น ? ในโลกธุรกิจจริงๆ คุณเคยเห็นนักธุรกิจคนไหนประกาศขายกิจการตัวเองในราคาแบบนี้มั้ยครับ นอกจากจะเป็นธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักและกำลังจะล้มละลาย ? คำตอบคือไม่มีครับ
.
แต่ตอนนี้บริษัทเกือบครึ่งในตลาดราคาลดลงมาอย่างหนัก โดยที่บริษัทไม่ได้กำลังจะล้มละลายเลย… แล้วทำไมเราถึงยังเชื่ออยู่อีกแหละ ว่าตัวเลขที่เราเห็นคือมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท ?
ลองยกตัวอย่างเป็นอสังหาฯ ก็ได้ครับ จะได้เห็นภาพง่ายขึ้น
.
สมมุติว่าเราซื้อคอนโดมาห้องหนึ่งในราคา 1.2 ล้านบาท ปล่อยเช่าได้เดือนละ 8,000 มีคนเช่าตลอดเวลา คอนโดอยู่ติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง มีคนเช่าตลอด และคนเช่าแต่ละคนมักจะอยู่ยาว 2-4 ปี ทำให้ไม่ต้องไปเสียเวลาหาผู้เช่าใหม่บ่อยๆ แถมบริเวณนั้นยังมี Agent คอยหาและดูแลผู้เช่าให้เรา โดยที่เราไม่ต้องใช้เวลาในการบริหารมากนัก
.
เราก็จะรู้ครับ ว่าห้องนี้มีมูลค่าดีมาก อาจจะเป็น 1.2 ล้านหรือมากกว่า เพราะเราได้ค่าเช่าปีละ 96,000 บาท แค่ถือไว้เฉยๆ เราก็จะได้กำไรจากค่าเช่าทุกปี พร้อมมูลค่าของห้องที่เพิ่มขึ้น ตามราคาที่ดินและค่าก่อสร้างคอนโดใหม่ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปในแต่ละปี
.
ถ้าวันนึง มีคนติดต่อเข้ามา ขอเสนอซื้อคอนโดหลังนี้ในราคา 8 แสนบาท คุณจะขายมั้ยครับ ? … บร้าๆๆ ใครมันจะไม่ขาย จริงมั้ยแหละครับ ?
.
แล้วถ้าคนซื้อยังไม่ลดละความพยายามแหละ จ้างคนอื่นมาแกล้งเสนอซื้อทุกวัน พร้อมติดป้ายประกาศขายห้องข้างเคียงในราคา 6 แสน แถมยังออกข่าวอีกด้วย ว่ามหาวิทยาลัยกำลังจะย้ายไปที่อื่น คอนโดแถวนี้จะไม่สามารถปล่อยเช่าได้อีก และกำลังจะโดนรัฐบาลเวนคืน ในราคาห้องละ 5 แสนเท่านั้น
.
ปล่อยข่าวต่อเนื่องไปซักอาทิตย์ให้คุณตกใจเล่น แล้วเค้าค่อยมาเสนอซื้อใหม่ในราคา 8 แสน น่าคิดใช่มั้ยแหละครับ ? ข้อเสนอที่ดูไม่ได้เรื่อง กลับกลายเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ… และถ้าจิตคุณไม่แข็งพอ คุณอาจจะตัดสินใจขายไป ด้วยความกลัว
.
ใช่ครับ ! ไม่ว่าจะ 8 หรือ 6 แสน ล้วนเป็นราคาเสนอซื้อทั้งสิ้น ไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริง มูลค่าที่แท้จริงมันขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักพื้นที่นี้ดีพอรึเปล่า ดีพอที่จะรู้ได้มั้ยว่า “ไม่มีใครเค้ามาเวนคืนที่พักที่เป็นคอนโดใจกลางเมืองหรอกครับ” และ รู้มั้ยว่า “มหาวิทยาลัยไม่ได้ย้ายไปไหน หรือต่อให้ย้ายจริงๆ แถวนี้ก็จะมีผู้เช่าอื่นอยู่ดี ถึงแม้ค่าเช่าจะลดลงแต่ก็คงไม่มาก”
.
มูลค่าที่แท้จริงของคอนโดห้องนี้มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย มันอยู่ที่เดิมตลอด แต่มีแค่คนที่รู้จักมันจริงๆ เท่านั้นถึงจะมองเห็นมัน มูลค่าที่แท้จริงจะไม่เคยถูกปักป้าย หรือประกาศไว้ที่ไหนเลย
.
ลองจินตนาการดูนะครับ ถ้าคุณมีคอนโดที่ได้ค่าเช่าตลอด แถมมูลค่าสร้างใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะมีเหตุผลอะไรที่คุณจะขายมันในราคาต่ำ? แต่ตลกร้ายคือ คนส่วนใหญ่กำลังทำแบบนั้นอยู่ในตลาดหุ้นครับ
วกกลับมาที่หุ้นในตลาดหลักทรัพย์
.
หุ้นก็ไม่แตกต่างครับ “มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทไม่เคยถูกติดป้ายไว้ที่ไหน” ตัวเลขที่เราเห็นใน Streaming เป็นเพียงราคาเสนอซื้อ (หรือขาย) จากนายตลาดเท่านั้น เพียงแต่นายตลาดมาเสนอเราแทบจะทุกนาที ทำให้เราสับสนและเชื่อว่าราคาเสนอที่นายตลาดเสนอเป็นมูลค่าที่แท้จริง… ซึ่งมันไม่ใช่ครับ อย่าสับสน
.
ในเวลานี้ ผู้คนกำลังหวาดกลัวและกังวลในความไม่แน่นอน นายตลาดเลยเสนอซื้อหุ้นในราคาต่ำ ผู้คนมักจะตกใจ กลัวหุ้นที่ถือไว้จะไม่มีมูลค่า เลยพากันเทขาย ซึ่งพอเราทำแบบนั้น นายตลาดก็ยิ้มเลยครับ เพราะเค้าจะได้ซื้อหุ้นในราคาถูกกว่ามูลค่า
.
ถ้าเราศึกษาการลงทุนมามากพอ จนสามารถมองเห็นมูลค่าหุ้นที่แท้จริงได้ เราจะเห็นครับว่า นี่ไม่ใช่เวลาขาย แต่เป็นเวลาซื้อ ! แน่นอนว่าไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่น่าซื้อ และ
ไม่ใช่หุ้นทุกตัวนะครับที่ราคาตกลงมา 50% แล้วจะต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หุ้นหลายตัวตกลงมาแล้ว ราคาก็ยังมากกว่ามูลค่าอยู่เลย
.
มันขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จริงในธุรกิจไหน รู้จักมันมากพอที่จะเห็นมูลค่าที่แท้จริงได้… เชื่อผมเถอะครับ ว่าตลาดหุ้นมันกว้างใหญ่ ไม่มีใครหรือเซียนคนไหน สามารถรู้จักมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นทุกตัวได้
.
แล้วถ้าซื้อแล้วราคามันลงต่อแหละ ? ก็ยิ่งดีเลยครับ แสดงว่าราคาเสนอจะถูกกว่ามูลค่าเข้าไปอีก สิ่งสำคัญก็คือ “เราไม่รู้ว่าความกลัวนี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน” อย่าเดาให้เหนื่อยเลยครับ ความกลัวของมนุษย์นั้นซับซ้อนและไปได้ไกลกว่าที่เราจะคาดถึงได้ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ กันเงินส่วนหนึ่งไว้ซื้อเพิ่มสำหรับกรณีที่นายตลาดกดราคาลงไปอีกดีกว่า… ตลาดขึ้นเราก็ยิ้ม ตลาดลงเราก็ยิ่งยิ้ม
โดยสรุป สินทรัพย์ลงทุนทุกอย่างบนโลกมีมูลค่าที่แท้จริง แต่มันจะไม่เคยติดประกาศที่ไหนเลย มีแต่คนที่รู้จักมันจริงๆ เท่านั้นถึงจะมองเห็น ราคาที่เราเห็นล้วนแล้วแต่เป็นราคาเสนอซื้อ (หรือขาย) ไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริง
.
หลักคิดนี้เป็นจริงสำหรับทุกสินทรัพย์ ทำให้สัจธรรมข้อหนึ่งของการลงทุนเป็นจริงเสมอ นั่นก็คือ “ลงทุนในสิ่งที่เรารู้จริงเท่านั้น” ไม่เช่นนั้นเราจะมองไม่เห็นมูลค่าที่แท้จริงของมัน และการลงทุนในอะไรก็ตามโดยที่ไม่รู้มูลค่าที่แท้จริง “มีแต่จะเจ๊งครับ” เพราะนายตลาดจะหลอกให้เรากลัวหรือโลภ และดักกินเงินเรา
.
ข่าวดีก็คือ “เราทุกคนสามารถรู้จริงในอะไรบางอย่างได้” เน้นนะครับ “ทุกคน” มนุษย์เราล้วนมีความชอบและประสบการณ์เฉพาะส่วนบุคคล ทำให้เราจะรู้จักอะไรซักอย่างดีกว่าคนอื่นอยู่เสมอ ขอแค่มีความตั้งใจจริง เราสามารถรู้มูลค่าที่แท้จริงของอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารวยได้แน่นอน
.
ในฐานะนักลงทุน ที่ชอบลงทุนในหุ้น สิ่งที่ผมทำในเวลานี้ก็คือ..
- 1.ซื้อหุ้นที่นายตลาดเสนอมาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า
- 2.กระจายซื้อหุ้นหลายตัว เพราะเราอาจมองพลาด ราคาตลาดที่เราเข้าใจอาจผิด
- 3.อย่าซื้อจนเงินหมด กันไว้เผื่อซื้อเพิ่ม ในกรณีที่นายตลาดกดราคาลงไปอีกด้วย
กำไรเมื่อซื้อ รวยจากการถือครอง (ไม่ใช่การขาย)
หลักการที่ผมใช้มาตลอดในการลงทุนบ้านเช่าและหุ้น
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่า ทุกอย่างที่ผมเขียนถึงในบทความนี้ เป็นหลักการที่ผมใช้ลงทุนจริงๆ มันใช้ได้จริงแน่นอน เพราะผมใช้มานานมากแล้ว แต่มันอาจจะไม่ใช่หลักการที่เหมาะสำหรับทุกคน อย่างน้อยคนที่ใช้หลักการนี้ต้องเชื่อก่อนว่า “มูลค่า กับ ราคาเสนอซื้อ มันเป็นคนละเรื่องกัน” และกล้าเชื่อในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ
การตัดสินใจลงทุนของคุณจะถูกต้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับการมองเห็นมูลค่าที่แท้จริง แล้วคุณล่ะ มองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินที่คุณลงทุนแล้วหรือยัง? แชร์ให้ฟังในคอมเม้นได้เลยนะครับ #Salarymanติดปีก #มาลงทุนหุ้นแข็งแกร่งกันครับ
▃▃▃▃▃▃▃▃
หากคุณเป็นนักลงทุน ที่ทำควบคู่งานประจำ
หรือชอบเนื้อหาของ Salaryman ติดปีก
ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม
เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา
และจะได้ไม่พลาดเนื้อหาใหม่ๆ ของเรา ด้วยนะครับ
▃▃▃▃▃▃▃▃
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
