นักเลงดาบข้ามมิติ ตอนที่ 2 พบพราหมณ์พเนจรกับดาบวิหกอัคคี
อ้ายทิมกลับมายังกระท่อมของเขาหลังจากนำต้นพิงคาสวรรค์ไปให้ลุงหมอ กระท่อมนี้เคยเป็นบ้านที่อ้ายทิมอาศัยอยู่กับเมียชื่อจำปี ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแบบชาวบ้านป่าทั่วไป แต่โชคร้ายที่จำปีจากดันจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะถูกคุณไสยลมเพลมพัดเล่นงาน ทำให้อ้ายทิมโศกเศร้าและตัดสินใจออกเดินทางเพื่อแสวงหาสัจธรรมของชีวิต
ในการเดินทางครั้งใหม่นี้ เพื่อตามหาต้นตอของผีกะอาคม อ้ายทิมต้องผ่านหุบเขาพระอินทร์ ที่นั่นเขาพบพราหมณ์ชราผู้ถือดาบหนึ่งเล่มด้ามลายวิหค ฝักไม้คาดทองรูปวิหกเหินลม ขณะที่อ้ายทิมซุ่มซ่อนตัวบนต้นไม้ เพื่อแอบมองพราหมณ์ชราอยู่ เขาเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ 7-8 คน อีกฟากหลังหินใหญ่ที่พราหมณ์ชรานั่งพัก
กลุ่มชายฉกรรจ์ดูเหมือนวางแผนอะไรสักอย่างไม่กี่อึดใจ ตัวหัวหน้าส่งสัญญาณมือให้ สมุนลูกน้องเข้าล้อมพราหมณ์ชราเอาหว้ และพยายามเข้าแย่งชิงดาบจากพราหมณ์ชรา แต่พราหมณ์เฒ่า ขัดขืนไม่ยอม ทำให้เกิดการแย่งชิง
ทันใดนั้นเองดาบของพราหมณ์เฒ่าได้ชักออกมาจากฝัก มีแสงสีแดงระเรือ แต่ว่าก็ถูกเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นจับแขนสองข้างของพราหมณ์เฒ่าเอาไว้ทำให้ขยับเกวี้ยงดาบไม่ได้ อ้ายทิมครวญในใจ พุทโธเอ่ย เสียท่าจนได้ อ้ายทิมจึงตัดสินใจกระโดดลงจากต้นไม้เข้าไปช่วยพราหมณ์เฒ่า
ดาบวิหกอัคคี...
อ้ายทิมร้องตะโกนขึ้นว่า ไอ้พวกหมาหมู่ พวกเอ็งดีแต่จะรังแกคนไม่มีทางสู้ กลุ่มชายฉกรรจ์หันมาจ้องอ้ายทิมแทน ตัวหัวหน้า มันถือดาบที่แย่งจากพราหมณ์เฒ่ามาได้ แล้วสั่งให้ลูกน้องเข้าล้อมอ้ายทิมเอาไว้
หัวหน้ามันพูดขึ้นว่าจัดการมันสิว่ะ จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น ดาบเมฆาพยัคฆ์ถูกชักออกจากฝักอีกครั้งแล้วก็เกิดแสงสีฟ้า รอบๆ ดาบ พวกชายฉกรรจ์ชะงักตกใจที่เห็นดาบเมฆาพยัคฆ์ พวกมันกลัวๆกล้าๆ จึงค่อยๆเข้ามาล้อมอ้ายทิมเข้าไปทีละนิด เมื่อเข้าใกล้ระยะอ้ายทิมจึงใช้ท่า "กรงเล็บพยัคฆ์" จัดการกับลูกสมุนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดล้มไปกับพื้นแบบลุกไม่ขึ้น
หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ใช้ดาบสีแดงที่แย่งมาจากพราหมณ์ชราปรี่เข้าต่อสู้กับอ้ายทิม การปะทะของดาบทั้งสองเกิดเสียงฟ้าร้องคำรามและเกิดฟ้าผ่าเป็นระยะ หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์พูดขึ้นอีกครั้งว่า " วิหกเหินลม" มันโจมตีจากอากาศ มันกระโดดลอยขึ้นสูงราวกับนก สยายปีกแล้วมันม้วนตัวหนึ่งตลบ แล้วทิ้งน้ำหนักดาบใส่อ้ายทิม
พราหมณ์ชราแนะนำให้อ้ายทิมใช้ท่า "พยัคฆ์ซ่อนเล็บ" อ้ายทิมเข้าใจและเปลี่ยนวิถีดาบ จากที่ตั้งดาบขว้างรับ เปลี่ยนเป็นตั้งดาบแนวตรง ทำให้หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์พลาดท่าอย่างจัง และฟาดดาบลงบนก้อนหินจนก้อนหินร้าว
ดาบเมฆาพยัคฆ์เสียบเข้าซอกรักแร้ของหัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ ล้มลงหงายท้องสิ้นชีพ ลูกน้องที่เหลือต่างหนีกระเจิดกระเจิงคนละทิศคนละทาง อ้ายทิมมองยืนดูร่างที่ไร้วิญญาณอย่างน่าเวทนา อ้ายทิมพูดขึ้นว่าอโหสิกรรมให้ข้าด้วยเถิด แล้วก็หยิบดาบ วิหกอัคคีกลับเข้าฝักคืนให้พราหมณ์ชราผู้นั้น
พราหมณ์ชราผู้นี้มีนามว่าอิฐ บำเพ็ญพรตอยู่ในถ้ำหุบเข้าพระอินทร์แห่งนี้ หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง พราหมณ์ชราได้ให้อ้ายทิมตามกลับไปยังถ้ำลึกลับในหุบเขาพระอินทร์ ที่นั่นพราหมณ์เฒ่าจึงเริ่มสอนวิชาวิหกอัคคีให้แก่อ้ายทิม
การฝึกลมปราณ อ้ายทิมต้องนั่งสมาธิควบคุมลมหายใจ จินตนาการถึงไฟที่ลุกโชนภายในร่างกาย เพื่อปลุกพลังธาตุภายใน พราหมณ์เฒ่าสอนท่าร่ายรำพื้นฐาน 8 ท่า ที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวของนกไฟในตำนาน
แต่ละท่ามีชื่อเฉพาะ เช่น
"ปีกเพลิงกางกล้า"
"จิกดิ่งเหยี่ยวเพลิง"
"วงเวียนวายุเพลิง"
"เหินเวหาเปลวไฟ"
"สยายปีกมหาวิหค"
"จรดปลายปักษาไฟ"
"ร่อนร่างพญาอัคคี"
"วิหกเหินลม" อันเป็นท่าไม้ตาย...
อ้าทิมต้องฝึกควบคุมไฟ(กสิน) ฝึกสร้างและควบคุมเปลวไฟจากพลังภายใน เริ่มจากการจุดเทียนด้วยจิต ไปจนถึงการสร้างลูกไฟขนาดใหญ่
ฝึกใช้ดาบคู่กับวิชา พราหมณ์เฒ่าสอนวิธีผสานพลังวิหกอัคคีเข้ากับดาบ
ทำให้ดาบลุกเป็นไฟและเพิ่มพลังการทำลายล้าง ต้องฝึกท่าไม้ตาย ท่าสุดยอดของวิชานี้คือ "วิหกเหินลม" ซึ่งต้องกระโดดสูงพร้อมกับสร้างเปลวไฟบนดาบก่อนจะพุ่งลงมาโจมตีศัตรูด้วยดาบเดียว พราหมณ์เฒ่าเล่าที่มาที่ไปของดาบวิหกอัคคีไว้ว่า ดาบถูกสร้างขึ้นโดยเทพพระอาทิตย์ในสมัยโบราณ
เพื่อมอบให้วีรบุรุษปกป้องโลกมนุษย์จากภัยอสูรร้าย วัสดุพิเศษ ตัวดาบหล่อขึ้นจากแร่วิเศษบนภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์ ผสานกับขนของนกไฟอมตะ ทำให้ดาบมีพลังแห่งไฟอยู่ภายใน ผู้ครอบครองคนแรก วีรบุรุษผู้ได้รับดาบคนแรกชื่อ "อัคนี" เขาใช้ดาบนี้ปราบอสูรร้ายและปกป้องบ้านเมืองมานับร้อยปี
การสืบทอด ดาบถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในตระกูลของอัคนี แต่ละคนที่ได้ครอบครองต้องผ่านการทดสอบจิตใจและความสามารถ การหายสาบสูญ ในยุคสงครามใหญ่ ดาบได้หายสาบสูญไปพร้อมกับผู้ครอบครองคนสุดท้าย
เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ไม่มีใครพบเห็นดาบเล่มนี้ ต่อมาการกลับมาของดาบวิหกอัคคีนี้ พราหมณ์เฒ่าคิดว่าต้องมีเหตุการณ์อะไรครั้งใหญ่แน่ๆ มันจึงปรากฎตัวอีกครั้ง จนพราหมณ์เฒ่าอิฐผู้นี้ได้ไปพบดาบในถ้ำลึกลับบนยอดหุบเขาพระอินทร์แห่งนี้
พราหมณ์เฒ่าได้รับเลือกให้เป็นผู้พิทักษ์ดาบ เพื่อรอคอยผู้สืบทอดที่แท้จริงคนต่อไป นอกจากพลังไฟแล้ว ดาบยังมีจิตวิญญาณของนกไฟสถิตอยู่ สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ได้
พราหมณ์เฒ่าเล่าต่อว่าดาบวิหกอัคคีไม่เพียงแต่เป็นอาวุธทรงพลังธาตุไฟ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและการปกป้องคุ้มครอง ผู้ที่ได้ครอบครองดาบนี้จะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าหาญ และเหี้ยมโหดที่จะใช้พลัง
เพื่อปกป้องผู้อื่น บัดนี้คนๆนั้นที่ต้องสืบทอดมาถึงแล้ว เจ้าจงนำดาบวิหกอัคคีนี่ไปใช้ประโยชน์เพื่อมวลมนุษย์ต่อไปเถิด อ้ายทิมไม่สามารถปฏิเสธได้ที่พราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์หยิบยื่นให้ นั่นคือดาบวิหกอัคคี
เมื่ออ้ายทิมกราบลาพราหมณ์เฒ่าเสร็จร่างของพราหมณ์เฒ่าก็สำแดงสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ร่างกายเริ่มกลายเป็นหินในที่สุด อ้ายทิมหันหลังเดินออกมาจากถ้ำและสะพายดาบวิหกอัคคีคู่กับดาบเมฆาพยัคฆ์ พร้อมเดินทางต่อไป....
#ทีมพญาเม็งรายแอพดำ
#นิยายอิงประวัติศาสตร์
#ตำนานอิงประวัติศาสตร์
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน วิเคราะห์ แยกแยะ ตัวละครบางท่านอาจะมีอยู่จริง บางท่านอาจสมมุติขึ้นมา ตามจินตนาการของผู้แต่ง มิได้ล่วงเกินผู้ใดแต่อย่างใด เพื่อการดำเนินเรื่องให้เชื่อมโยงเท่านั้นหากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คนจรดาบ
#นิยายนิทานพื้นบ้าน
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
