13 ส.ค. เวลา 01:25 • ปรัชญา
พอพูดคำว่า ชีวิตที่ดี ..มันก็พูดยากเหมือนกัน เพราะว่าเราไม่รู้จัก นิสัยของตนเอง ที่เคยชินมีอารมณ์ชอบไม่ชอบใจ ในสิ่งที่เรายึดว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนั้นไม่ดี มีอารมณ์เกิดขึ้นมากมายก่ายกองตลอดเวลา อารมณ์ที่พาไปยึดไปถือ เช่นเราไปเจอพระ ท่านบอกว่า กินเหล้าทำให้ตกนรก และขอให้เลิกกินเหล้า เราก็เฉยๆ ท่านขออยู่สามครั้ง จนท่าน ..พูดว่า ฉันไม่เคยขอใครยากเท่าเราเลย ..เราบอกว่า ผมไม่กล้ารับปากหลวงตาครับ ผมรับปากผมก็เป็นคนโกหกหลวงตา ..เพราะผมยังทำไม่ได้
เรื่องชีวิตที่ดี ..พอเราฝึกหัด สร้างบุญกุศล ทำทานบ้าง ทำบุญ สละสิ่งที่หามา เหน็ดเหนื่อย ที่เราใช้สังขารพ่อแม่ไปหามา เราก็แบ่งปัน วัตถุปัจจัยนั่น แปรสภาพให้เป็นบุญ ตอบแทนกายพ่อแม่ที่ให้จิตเราอาศัย ตอบแทนน้ำเลือดน้ำหนองที่เราไปกิน เลือดเนื้อของสัตว์ที่มีกรรม น้ำเลือดหนองที่เป็นกรรม ก็มาหล่อเลี้ยงสังขารเรา
เราไม่ได้เอาน้ำเลือดน้ำของผู้ที่กรรม ไปมุ่งมั่นสร้างแต่กรรมอย่างเดียว เราแบ่งเวลา เอากายที่มีกรรมมีน้ำเบือดน้ำหนองของกรรม มาประพฤติปฏิบัติ เพื่อสลัดอารมณ์ต่างๆ ลดละอารมณ์ต่างไป ให้อารมณ์นั้น ไหลกระจายออกไป กรรมก็ไหลออกไป สิ่งเหล่านี้ เราก็ได้ตอบแทนคุณ ทำกายกรรม ให้เกิดเป็นกายบุญ ให้เกิดขึ้น
เมื่อสร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรมทุกครั้ง ที่จิตเรามีพระเป็นที่พึ่ง เราก็นำธาตุนะโม มากระจายบุญกุศล อุทิศให้พ่อแม่ ผู้ที่อุปการะอุปถัมภ์ เจ้ากรรมนายเวร ผู้ที่สละน้ำเลือดน้ำหนองมาให้เรากิน หล่อเลี้ยงกาย เราก็สละออก ให้เค้าได้บุญกุศล ที่จิตเค้าก็ต่างมีธาตุทั้งสี่ เราก็มีธาตุทั้งสี่ เป็นเหมือนดินฟ้าอากาศ ที่ท่านกระจายบุญกุศลไปให้ถึงจิตผู้ที่คล้องกรรมกันมา ทั้งดีและไม่ดี
ชีวิตเกิดมามันก็ต้องทำมาหากิน หาปัจจัยมาดูแลสังขาร ดูแลพอประทังสังขารให้อยู่ได้ เกิดมาแล้ว ความตายมันรอข้างหน้า ไม่รู้ว่าวันไหน เราก็แบ่งเวลาที่หมอกมุ่น เรื่องนั่นเรื่องนี้ เรื่องคนนั้นคนนี้ เรื่องทำมาหากิน ..เราตัดเวลาแบ่งเวลา
.เราแบ่งเวลาให้กายจิตของตัวเอง มาศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศล สลัดละเรื่องราวของอารมณ์กรรมให้มันน้อยลงไป ให้จิตเราเกิดมีแสงสว่าง จะได้สอดส่อง สิ่งที่เกิดขึ้นในเรือนกาย ฝึกหัดให้จิตรู้จักทุกข์ ต้องให้กายมีทุกข์ เช่นยืนนิ่งเฉย .ไม่ขยับเขยื้อนกาย เพื่อให้จิตนั่นมีความขันติขึ้นมา เพื่อที่จิตจะได้เข้มแข็งมีกำลัง ให้กายนั้นสอนจิต แล้วจิตนั่นก็ใช้ปัญญา สติสัมปชัญญะ พิจารณาด้วยจิตที่ตั้งมั่น ไม่ไปขัดขวางกรรม ขัดขวางอารมณ์ที่ไหลออกไป ..เพื่อชำระสะสางให้จิตมีธรรม
ชีวิตที่ดีของแต่ละคน มันไม่เหมือนกันเลย .ในการมีชีวิตมีลมกายใจเข้าออก ลมที่เข้าที่ออก เดี๋ยวสั่น เดี๋ยวยาว .พอถึงเรามันก็หยุดลม .เมื่อยังมีลมอยู่ เราก็แบ่งเวลามาศึกษาธรรม เพื่อเรียนรู้จักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..เราเห็นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของเรา
โฆษณา