13 ส.ค. เวลา 04:31 • หนังสือ

นักเลงดาบข้ามมิติ ตอนที่3 หมู่บ้านกลางไพร ปราบหมอหมอผีเคราดำ

ท้องฟ้าเริ่มท่อแสงสว่าง แสงแดดยามเช้าส่องต้องผิวกายอ้ายทิม ที่อาศัยนอนอยู่บนต้นไม้ มันกอดดาบต่างหญิงสาวก็เปรียบได้ เสียงกระซิบกระซ่าบดังขึ้น เป็นเสียงของหญิงสาวราวกับนางฟ้านางสวรรค์
แต่ไม่ใช่ใครที่ไหนดาบวิหกอัคคีนั่นเอง มีเสียงกระซิบว่า ตื่นเถิดเจ้าคนขี้เซา พวกเราต้องรีบไปช่วยเหลือผู้คนอีกมากมาย อ้ายทิมสะดุ้งตื่น พร้อมบิดขี้เกียดไปมา
มันสะพายทั้งคู่แล้วลงมาล้างหน้าล้างตาที่ลำธาร อ้ายทิมจัดการหุงหาอาหารที่พอปะทังชีวิตได้ ณ เวลานั้น มันเจอหัวเผือกหัวมัน แลกล้วยน้ำหว้าที่สุกพอดี เพิ่มพลังงานให้กับตัวได้ดีทีเดียว
เมื่ออิ่มหน่ำก็เริ่มออกเดินทางออกจากหุบเขาพระอินทร์ อ้ายทิมสังเกตว่าหุบเขาพระอินทร์แห่งนี้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ พืชพรรณธัญญาหารหาได้ง่าย คงเป็นเพราะบารมีของท่านอาจารย์พราหมณ์เฒ่าที่แผ่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองหุบเขาพระอินทร์นี่ก็เป็นไปได้ เดินทางได้ไม่นานเมื่อหลุดจากแนวหุบเขา
อ้ายทิมได้กลิ่นไอของมนต์ดำ อยู่เต็มไปทั่วบริเวณอ้ายทิมเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างระวังตัว เขาจับสังเกตสิ่งผิดปกติได้คือหมู่บ้านนี้มีบ้านเรือนมากมายแต่ไร้ผู้คนอาศัยอยู่ เดินต่อไปสักครู่อ้ายทิมเจอกับเด็กสาวน้อย นอนสลบอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
อ้ายทิมรีบเข้าไปดูอาการของเด็กสาวด้วยความเป็นห่วง เขาพบว่าเธอยังหายใจอยู่ แต่ดูโรยรินมากเต็มที ผิวกายของเธอซีดเผือดและเย็นเฉียบผิดปกติ อ้ายทิมพยายามปลุกเธอ แต่เด็กสาวไม่ตอบสนอง
ทันใดนั้น ดาบวิหกอัคคีก็ส่งเสียงกระซิบเตือนอ้ายทิมว่า "ระวัง! มีพลังงานชั่วร้ายอยู่รอบตัวเรา มันกำลังดูดพลังชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านนี้"
ด้วยสัญชาตญาณ อ้ายทิมตั้งสติแล้วรีบอุ้มเด็กสาวขึ้นมา แล้ววิ่งออกจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว อ้ายทิมตัดสินใจวิ่งไปทางหุบเขาพระอินทร์เผื่อมียุกยารักษาเด็กสาว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไล่ตามมา อ้ายทิมมองด้วยหางตามันคือเงาดำทะมึนที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อนหน้านี้
เมื่อวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง อ้ายทิมก็พบกับชายชราแต่งกายชุดสีขาวราวกับเจ้าที่หรือเทวดาเขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อ้ายทิมเล่าสิ่งที่เขาพบเห็นให้แก่ชายชราฟังอย่างรวดเร็ว ชายชราฟังแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ ก่อนจะพูดว่า "เป็นอย่างที่ข้าเกรงไว้จริงๆ ปีศาจดูดวิญญาณของผู้คนในหมู่ไปเกือบทั้งหมด "
ชายชราแนะนำให้อ้ายทิมพาเด็กสาวไปยังวัดเก่าที่อยู่ไม่ไกลจากนี่ บอกว่าที่นั่นมีพระดีมีอาคมแก่กล้าที่อาจช่วยรักษาเด็กสาวได้ ส่วนตัวข้าคงทำได้แต่เฝ้ามองสิ่งที่เปลี่ยนไปอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ชายชราก็อันตรธานหายเข้าไปในต้นไม้ใหญ่
อ้ายทิมลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูสภาพของเด็กสาวในอ้อมแขน เหมือนอ้ายทิมไม่มีทางเลือกเท่าใดนักเขาก็ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของชายชรา และมุ่งหน้าไปยังวัดเก่าที่ว่า โดยหวังว่าจะสามารถช่วยชีวิตเด็กสาวให้ทันการณ์
อ้ายทิมเดินทางมาถึงวัดเก่าด้วยความเหนื่อยล้า วัดแห่งนี้ดูทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ยังคงมีบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์อยู่ เขาพาเด็กสาวที่ยังคงไม่ได้สติเข้าไปในวิหารหลังเก่า
ภายในวิหาร อ้ายทิมพบกับพระชรารูปหนึ่งมีรอยสักเต็มตัว ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่ เมื่อพระชราลืมตามองผู้มาเยือน เห็นอ้ายทิมและเด็กสาว ท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "เจ้ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร ในยามที่ภูตผีปีศาจกำลังอาละวาด"
อ้ายทิมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระชราฟัง พระชราพยักหน้าอย่างเข้าใจและเริ่มตรวจดูอาการของเด็กสาว
"เด็กสาวผู้นี้ถูกดูดพลังชีวิตไปเกือบหมดแล้ว" พระชรากล่าว "แต่ยังพอมีหวัง อาตมาจะช่วยรักษาเธอ เอง แต่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า"
พระชราอธิบายว่า ท่านจะทำพิธีปลุกพลังชีวิตให้กับเด็กสาว แต่ต้องการพลังบริสุทธิ์จากดาบวิหกอัคคีแลดาบเมฆาพยัคฆ์ของอ้ายทิมเพื่อต่อต้านพลังมืดที่กำลังดูดพลังชีวิตของเด็กสาว
อ้ายทิมตกลงทันที พระชราเริ่มสวดมนต์ ขณะที่อ้ายทิมถือดาบทั้งสองเล่มไว้เหนือร่างของเด็กสาว ดาบเริ่มเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ พลังบริสุทธิ์จากดาบค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างของเด็กสาว
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กสาวก็เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น
พระชรามองเด็กสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย "เด็กน้อย เจ้าปลอดภัยแล้ว" ท่านหันมาทางอ้ายทิม "ขอบใจเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้า เด็กสาวผู้นี้คงไม่รอด"
พระชราเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้อ้ายทิมฟัง จู่ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัว จากในหมู่บ้านดังขึ้นเป็นระยะ
พระชราพูดพรางถอนหายใจ " อาตมาช่วยอันใดมากไม่ได้เพราะมันไม่ใช่กิจของสงฆ์ " หากเจ้าจะช่วยหมู่บ้านกลางไพรนี้ก็ถือว่านับเป็นกุศลบุญมหาศาลเลยทีเดียว
อ้ายทิมตัดสินใจที่จะช่วยตามคำขอร้องของพระชรา
ดาบวิหกอัคคีส่งเสียงกระซิบ "ข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน มันคือพลังของหมอผีเคราดำ ผู้ที่ใช้อาคมไฟควบคุมวิญญาณร้าย"
อ้ายทิมหวั่นใจ เขาเคยไม่เคยยินเรื่องราวของหมอผีเคราดำมาก่อน ว่าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ มนต์ดำได้ถึงระดับไหน เขาคิดในใจควบคุมปีศาจ ควบคุมป่าได้คงไม่ได้เป็นหมอผีกระจอกๆ เป็นแน่แท้
พระชราพยักหน้าเหมือนอ่านใจอ้ายทิมได้ "ถูกต้อง หมอผีเคราดำใช้อาคมเรียกวิญญาณของผู้ตายไปขังไว้ แล้วเรียกปีศาจมาสิงสู่ร่างของคนเป็น ทำให้มันมีพลังมากขึ้นและควบคุมยากขึ้น มันยังสามารถใช้พลังจิตของสมาธิได้กล้าแกร่งอีกด้วย เพราะมันเป็นพระ สหายธรรมกับข้ามาก่อน ตั้งแต่มันศึกษาเรียนมนต์ดำ มันก็คงถูกอวิชชาครอบงำ "
เด็กสาวที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาด้วนความงุงงง แล้วอธิบายให้พระชรากับอ้ายทิมฟัง "หมอผีเคราดำ... เขาเป็นคนทำให้พ่อแม่ของเธอตาย แล้วก็จับวิญญาณไปขังไว้ในถ้ำที่มันอาศัยอยู่... "
อ้ายทิมพยักหน้า เขาตัดสินใจแน่วแน่ "ข้าจะไปจัดการกับหมอผีเคราดำเอง"
พระชรายื่นลูกประคำให้อ้ายทิม "เอาสิ่งไปด้วย มันจะช่วยป้องกันอาคมของหมอผีเคราดำได้ แต่จำไว้ อาคมของหมอผีเคราดำนั้นร้อนแรงมากดั่งไฟบรรลัยกัลป์ ต้องใช้ความเย็นถึงจะดับได้"
อ้ายทิมรับลูกประคำมา พร้อมกับคิดหาวิธีที่จะเอาชนะอาคมของหมอผีเคราดำ อ้ายทิมชักดาบเมฆาพยัคฆ์ออกจากฝัก ดาบมีแสงสีฟ้าระเรืออ่อนๆ แล้วมีเสียงกระซิบจากดาบ " ไปทำกิจอันใหญ่หลวงกันเถิด "
"ไปเถิด" พระชรากล่าว "อาตมาจะคอยอยู่วัดนี่ และดูแลเด็กสาว เจ้าต้องหยุดยั้งหมอผีเคราดำให้ได้ ไม่เช่นนั้นทั้งดินแดนแห่งนี้จะตกอยู่ในความมืดมนไปตลอดกาล"
อ้ายทิมพยักหน้า ก่อนจะออกเดินทางไปยังหมู่บ้าน เขารู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย อ้ายทิมร่ายคาถาพักใหญ่ เป่าจบแล้วยกมือลูบหัว และมุ่งหน้าเดินทางไปที่ถ้ำท้ายหมู่บ้าน
อ้ายทิมเดินทางกลับสู่หมู่บ้านอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาเข้าใกล้หมู่บ้านภาพที่เห็นทั้งหมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีม่วงอมดำ เสียงครวญครางของวิญญาณดังก้องไปทั่วป่า
ณ จุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน อ้ายทิมเห็นร่างของชายในชุดดำ มีเคราดำยาวพลิ้วไหวราวกับมีชีวิต นั่นคือหมอผีเคราดำ เขากำลังทำพิธีกรรมบางอย่าง โดยมีวงเพลิงสีม่วงล้อมรอบ
อ้ายทิมสูดหายใจลึก แล้วค่อยเลื่อนดาบเมฆาพยัคฆ์ออกจากฝัก แล้วก้าวเข้าไปเผชิญหน้า "หยุดการกระทำชั่วร้ายของเจ้าเดี๋ยวนี้!" เขาตะโกน
หมอผีเคราดำหันมามองอ้ายทิมด้วยดวงตาเรืองแสงสีแดง "โอ้ มีผู้กล้ามาขัดขวางพิธีกรรมของข้าหรือ" เสียงของเขาแหบพร่าและเย็นเยียบ "เจ้าคิดว่าตัวเองจะเอาชนะพลังของข้าได้หรือ เจ้าเด็กน้อย?"
อ้ายทิมไม่ตอบ แต่ชูดาบขึ้นเตรียมพร้อม หมอผีเคราดำหัวเราะเสียงดัง แล้วพุ่งเปลวไฟสีม่วงใส่อ้ายทิม
อ้ายทิมใช้ดาบเมฆาพยัคฆ์ฟันฝ่าเปลวไฟ แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกถึงความร้อนแผดเผา เขานึกถึงคำพูดของพระชรา "ต้องใช้ความเย็นถึงจะดับได้"
ในขณะที่หมอผีเคราดำเริ่มร่ายอาคมไฟครั้งใหม่ อ้ายทิมรีบวิ่งไปที่บ่อน้ำกลางหมู่บ้าน เขาจุ่มดาบลงในน้ำ พลังของดาบเมฆาพยัคฆ์ผสานกับความเย็นของน้ำ ทำให้เกิดไอน้ำเย็นแผ่ซ่านออกมา
อ้ายทิมพุ่งเข้าโจมตีหมอผีเคราดำอีกครั้ง คราวนี้ดาบที่เย็นเฉียบสามารถตัดผ่านเปลวไฟสีม่วงได้ หมอผีเคราดำเริ่มเสียท่า แล้วทำทีถอยร่น
"เป็นไปไม่ได้!" หมอผีเคราดำคำราม "ข้าจะไม่แพ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้ารึ!" เขาเริ่มเรียกวิญญาณร้ายมากขึ้น หวังจะใช้จำนวนมากเอาชนะอ้ายทิม
แต่อ้ายทิมไม่ยอมแพ้ เขาใช้พลังของดาบเมฆาพยัึฆ์ผสานกับลูกประคำของพระชรา สร้างโล่พลังด้วยท่า " ขว้างพยัคฆ์" เพื่อป้องกันการโจมตีของวิญญาณร้าย พร้อมกับค่อยๆ บีบให้หมอผีเคราดำจนมุม
ในที่สุด อ้ายทิมก็สามารถเข้าถึงตัวหมอผีเคราดำได้ เขาใช้ดาบฟันที่เครื่องรางซึ่งเป็นแหล่งพลังของหมอผี ทันทีที่เครื่องรางแตกสลาย พลังทั้งหมดของหมอผีเคราดำก็สลายหายไปทั้งหมดด้วย เปลวไฟสีม่วงค่อยๆ มอดลง วิญญาณร้ายกระจายหายไป
หมอผีเคราดำล้มลงกับพื้น หมดเรี่ยวแรง แล้วหันไปมองหน้าอ้ายทิม แล้วกล่าวขึ้นว่า " ปลดปล่อยข้าเถิด ช่วยปลดปล่อยข้าเถิดฆ่าข้าให้ตายตกไปเถิดพ่อหนุ่ม " อ้ายทิมหันหลังกลับ แล้วพูดขึ้นว่า " อโหสิกรรมให้ข้าเถิด ข้าเพียงคิดแต่อยากจะช่วยชาวบ้านก็เท่านั้น "
หมอผีเคราดำเกิดมีอาการหวาดกลัวสุดขีดแล้วเตลิดเข้าป่า
อ้ายทิมยืนหายใจตั้งสติ เพราะเหนื่อยล้ามาก แต่โล่งใจที่สามารถเอาชนะศัตรูได้ไม่ยากเย็นนัก อ้ายทิมรีบวิ่งไปที่ถ้ำท้ายหมู่บ้าน เมื่อไปถึงมันมีหม้อดินเต็มพื้นไปหมด นั่นคงเป็นวิญญาณที่ถูกกักขังสินะ อ้ายทิมพูดขึ้นว่า " ไปสู่สุขคติภพเถิด " อ้ายทิมก็ทุบหม้อดินแตกทั้งหมด วิญญาณที่ถูกขังของชาวบ้านได้รับการปลดปล่อย รวมถึงพ่อแม่ของเด็กสาวคนนั้นด้วย
หลังจากที่อ้ายทิมเอาชนะหมอผีเคราดำได้ ดาบเมฆาพยัคฆ์ก็เริ่มเปล่งแสงสว่างจ้า พลังบริสุทธิ์แผ่ซ่านออกมาจากตัวดาบ กวาดล้างความชั่วร้ายและอำนาจมืดที่หลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านจนหมดสิ้น บรรยากาศที่เคยหม่นหมองก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
อ้ายทิมรู้สึกโล่งใจที่ภารกิจสำเร็จลุล่วง เขาตัดสินใจกลับไปยังวัดเก่าเพื่อบอกกล่าวเหตุการ์ให้แก่พระชราและเด็กสาวทราบ
เมื่อมาถึงวัด เด็กสาววิ่งเข้ามาต้อนรับอ้ายทิมด้วยรอยยิ้ม เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก "ขอบคุณมากจร๊ะที่ช่วยพวกเราไว้" เธอกล่าว
จากนั้น เด็กสาวก็ยื่นสิ่งหนึ่งให้อ้ายทิม มันคือแหวนวงหนึ่งที่เป็นอัญมณีเรืองแสงสีเขียวประหลาด "นี่คือแหวนผู้นำทางจ๊ะ" เธออธิบายว่า "มันถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน รอคอยผู้ที่ถูกเลือกให้ทำภารกิจสำคัญ"
อ้ายทิมรับแหวนมาด้วยความสงสัย เด็กสาวจึงอธิบายต่อ " พี่ชายคือผู้ถูกเลือกที่แท้จริงจ๊ะ พี่ชายต้องทำหน้าที่ปกป้องผู้คนและต่อสู้กับความชั่วร้าย แหวนวงนี้จะช่วยนำทางพี่ชายไปสู่ที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ"
เด็กสาวสอนวิธีใช้แหวนให้อ้ายทิม โดยอธิบายว่าเมื่อสวมแหวนแล้วตั้งจิตอธิษฐาน แหวนจะเรืองแสงและชี้ทางไปยังสถานที่ที่มีภัยอันตรายหรือที่ที่มีต้องการความช่วยเหลือ
"ภารกิจของพี่ชายเพิ่งเริ่มต้นนะจ๊ะ " เด็กสาวกล่าว
"ว่าแต่น้องสาวชื่ออะไร " อ้ายทิมเอ่ย
" ชื่อบัวจ๊ะ " เด็กสาวตอบ
อ้ายทิมยิ้มรับ
อ้ายทิมรู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งบนบ่า แต่ก็พร้อมที่จะรับหน้าที่นี้ เขาสวมแหวนผู้นำทาง พร้อมกับกระชับสะพายดาบทั้งคู่คาดหลัง
"ข้าพร้อมแล้วสำหรับภารกิจต่อไป" อ้ายทิมกล่าวอย่างมุ่งมั่น รู้ว่าการผจญภัยครั้งใหม่กำลังรอเขาอยู่
#อ้ายทิมคนบ้าผู้ไม่มีดาบ
#ทีมพญาเม็งรายแอพดำ
#นิยายอิงประวัติศาสตร์
#ตำนานอิงประวัติศาสตร์
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน วิเคราะห์ แยกแยะ ตัวละครบางท่านอาจะมีอยู่จริง บางท่านอาจสมมุติขึ้นมา ตามจินตนาการของผู้แต่ง มิได้ล่วงเกินผู้ใดแต่อย่างใด เพื่อการดำเนินเรื่องให้เชื่อมโยงเท่านั้นหากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คนจรดาบ
#นิยายนิทานพื้นบ้าน
โฆษณา