13 ส.ค. เวลา 07:38 • ศิลปะ & ออกแบบ

ความประทับใจเมื่ออาทิตย์ขึ้น โคลด์ โมเนต์

Impression Sunrise, 1872 by Claude Monet
บรรยากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วยหมอกควันยามเช้า ณ ท่าเรือเลออาฟวร์ มีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยที่เราสามารถสังเกตได้ ฉากหลังอันเรือนรางของภาพประกอบไปด้วยปล่องไฟ เครนก่อสร้าง และปั้นจั่น เรือลำเล็กสามลำที่อยู่เบื้องหน้าล่องลอยไปตามการเคลื่อนไหวของน้ำ ว่ากันว่าเรือสามลำนั้นไม่ใช่เรือสำราญ หรือเรือประมง แต่อาจเป็นเรือลักลอบขนของเถื่อนผิดกฎหมาย เป็นไปได้ทั้งยาสูบ หรือเกลือที่เป็นสินค้าลักลอบนำเข้ากันทั่วไปในสมัยนั้น
ควันดำ และเมฆสีเทาบรรจบกันเป็นหมอกควันสีน้ำเงินแสดงถึงยุคเฟื่องฟูทางอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 มีเพียงดวงอาทิตย์ดวงเดียวที่ส่องแสงสีส้มแดงตัดขึ้นมาจากบรรยากาศด้านหลังอย่างเห็นได้ชัดสะท้อนอยู่บนผืนน้ำที่แวววาว ณ เบื้องล่าง
ที่มาภาพ: https://en.m.wikipedia.org/wiki/Impression,_Sunrise
โมเนต์วาดภาพท่าเรือนี้ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 1872 เวลา 07.35 นาฬิกา เขาวาดภาพนี้ภายในไม่กี่ชั่วโมงระหว่างเข้าพักที่ Hôtel de l'Amirauté ในเมืองเลออาฟวร์ นอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส โมเนต์ไม่ใช้ศิลปินคนแรกที่วาดภาพพระอาทิตย์ขึ้น หรือพระอาทิตย์ตก เขาได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานหลายชิ้นของวิลเลียม เทอร์เนอร์ จิตกรภาพทิวทัศน์ชาวอังกฤษแห่งยุคโรแมนติก แต่ดูเหมือนว่าโมเนต์จะชอบบรรยากาศของผู้คน และความเจริญรุ่งเรืองทางอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 เป็นพิเศษ
Hôtel de l'Amirauté ที่มาภาพ: http://havraisdire2.canalblog.com/archives/2019/06/23/37426559.html
โมเนต์นำภาพนี้ไปร่วมจัดแสดงในนิทรรศการ Société Anonyme Coopérative จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนถึง 15 พฤษภาคม ปี 1874 ซึ่งเป็นนิทรรศการที่รวมผลงานของกลุ่มประติมากร และช่างแกะสลักกว่า 30 คน เช่น คามิลล์ ปิสซาร์โร อัลเฟรด ซิสลีย์ เอดูอาร์ด มาเนต์ พอล เซซาน และเอ็ดการ์ เดอกาส์ ศิลปินเหล่านี้ถูกปฏิเสธการร่วมแสดงงานที่ Paris Salon เพราะผลงานของพวกเขาไม่ได้เป็นไปตามหลักของศิลปะตามหลักวิชา (academic art)
เดิมทีภาพนี้มีชื่อว่า Vue du Havre (ทิวทัศน์ของเลออาฟวร์) แต่โมเนต์ได้เปลี่ยนชื่อภาพเป็น Impression, Soleil Levant ซึ่งแปลว่า Impression Sunrise อย่างไรก็ตามผู้เข้าชมดูเหมือนจะไม่ชอบผลงานที่นำมาแสดงสักเท่าไหร่นัก มีเพียงผลงาน Impression Sunrise ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก
หลุยส์ เลอรอย (Louis Leroy) นักวิจารณ์สายอนุรักษ์นิยม และผู้สนับสนุนการวาดภาพตามหลักวิชา (academic art) ก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าชมนิทรรศการนี้ เขาได้เขียนบทความในนิตยสาร Le Charivari ว่าภาพวาดของโมเนต์นั้นเหมือนภาพร่างที่ยังสร้างไม่เสร็จดี และเขาไม่จัดว่าภาพนี้เป็นงานศิลปะ มันทำให้เขา “ไม่ประทับใจ” เป็นอย่างมาก
Louis Leroy, นักวิจารณ์ ที่มาภาพ:https://en.m.wikipedia.org/wiki/Louis_Leroy
ในเวลาต่อมาเลอรอยได้เขียนบทวิจารณ์เรื่อง "Exhibition of the Impressionists" ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 25 เมษายน ปี 1874 เขากล่าวว่าภาพ Impression Sunrise นั้นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทั้งหมดของศิลปะแบบวิชาการ เพราะวาดด้วยฝีแปรงที่หละหลวม สีที่ไม่ผสมนวลเนียน องค์ประกอบที่พร่ามัว ไร้ซึ่งรายละเอียด โดยรวมแล้วเทคนิคพวกนี้มันทำให้ภาพดูไม่สมบูรณ์ และให้เพียงความรู้สึก “ประทับใจ” เท่านั้น
เขาจึงบัญญัติความหมายใหม่ของคำว่า "อิมเพรสชั่นนิสต์" ให้ถือว่าเป็นคำที่สื่อถึงความเสื่อมเสียของความงาม การวาดอย่างหยาบ ๆ แสดงถึงการไร้ความสามารถของศิลปิน คนที่ผลิตผลงานเช่นนี้เป็นเพียงพวกอิมเพรสชั่นนิสต์ไม่ใช่ศิลปินที่แท้จริง แต่แม้กระนั้นแล้วศิลปินในกลุ่มของโมเนต์กลับพอใจกับคำเหน็บแนมเหล่านั้น และรับเอาคำว่า "อิมเพรสชั่นนิสต์" มาใช้เป็นชื่อกลุ่มของพวกเขา
อิมเพรสชันนิสม์คือการจับอารมณ์ภาพด้วยความรวดเร็ว เพื่อแสดงถึงความอนิจจังของช่วงเวลาหนึ่ง ความงดงามที่ปรากฎตรงหน้าไม่นานเวลาเคลื่อนคล้อยก็หายไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ แม้ภาพของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่ปัจจุบันโมเนต์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ในฝรั่งเศส และเป็นต้นแบบให้กับศิลปินรุ่นหลังอีกหลายคน แน่นอนว่าหากเลอรอยทราบเรื่องนี้เข้าเขาคงไม่พอใจเป็นแน่
ภาพวาดนี้ถูกขายให้กับนักสะสม Ernest Hoschedé ในปี 1874 ด้วยราคา 800 ฟรังก์ เมื่อเขาล้มละลายผลงานนี้จึงถูกขายให้กับ Donop de Monchy ซึ่งเป็นผู้ครอบครองคนสุดท้าย และได้บริจาคให้กับ Academy of Fine Arts ในปี 1957 ทว่ากลับถูกขโมยไปในปี 1985 แต่ก็ได้คืนกลับมาในปี 1990 และขณะนี้ภาพแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ โมแตง-โมเน่ต์ (Marmottan Monet) ปารีส ฝรั่งเศส
*ภายหลังโมเนต์แต่งงานกับ Alice Hoschedé ภรรยาเก่าของ Ernest Hoschedé นักสะสมที่ซื้องาน Impression Sunrise คนแรก
-ซับศิลป์-
ที่มา
โฆษณา