14 ส.ค. เวลา 04:41 • ท่องเที่ยว
บาธ

เที่ยวเมือง Bath ในวันฝนพรำ

Chapter 72/1: Explore Bath in a Rainy Day
ว๊าาาาาบ มาลอนดอนอีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้ฉายเดี่ยวเหมือนเช่นเคยแต่มากับครอบครัวเลยได้กินดีอยู่ดีหน่อย แถมได้ไปเที่ยวหลายเมืองเลย ทั้ง Cotswolds, Bath, Oxford และ Cambridge ซึ่งแต่ละเมืองล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งนั้น ป่ะ…ไปเที่ยวกันเลยค่ะ
ทริปนี้เราไปกันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วง Summer ของที่อังกฤษซึ่งเราคิดว่าเป็นช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวที่สุดเลยเพราะอากาศกำลังสบายไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12–25 องศา แค่เสื้อแจ๊กเก็ตหรือ Cardigan ซักตัวก็เอาอยู่
ปกติเราจะมาเที่ยวลอนดอนคนเดียว (อ่านตอน solo คนเดียวได้ที่ลิงค์ข้างใต้เลยค่ะ 😄)
แต่ทริปนี้มากับครอบครัวทั้งหมด 7 คนและมีผู้ใหญ่วัย 81 และ 82 มาด้วย ก็เลยจะไม่ได้เดินสำรวจตามตรอกซอกซอยของลอนดอนเหมือนทุกทีที่ทำ แต่จะเป็นการเที่ยวแบบสบายๆ หลวมๆ หน่อย
คราวนี้เราพักกันในย่าน White City ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางลอนดอนประมาณ 40 นาที เป็น area ที่ดูดีปลอดภัย อยู่ใกล้กับ BBC Television Center และ Westfield ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เลยมีที่ให้เดินเล่นมันเช้าสายบ่ายเย็นเลย
วันแรกหลังจากมาถึงก็มีสิ่งที่ต้องทำมากมาย รู้ตัวอีกทีก็ตัดมาที่มื้อเย็นเลย ซึ่งร้านที่เราจะกินวันนี้ชื่อร้าน Sticks 'n' Sushi เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนวฟิวชั่นที่มีกลิ่นอายของสแกนดิเนเวีย…ฟังดูน่าชิมมาก ร้านไม่ไกลเลยอยู่ในห้าง Westfield นั่นแหละจากที่พักเดินมาแค่ 10 นาทีก็ถึง
ต้องขอโทษด้วยเนื่องจากวันนี้เราเหนื่อยมากๆ มีธุระต้องทำทั้งวันแถมยัง Jetlag จากการเดินทางอีก เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลยแม้แต่บรรยากาศในร้าน มีแค่อาหารมาให้ดู
ซึ่งวันนี้เราสั่งเป็น Set Carpe Diem ดูน่ากินไปหมดเลย
โต๊ะนี้นั่ง 4 คน…กินไม่หมดจ้าเยอะเหลือเกิน
สรุปผล ร้านสวย อาหารสวยและรสชาติอร่อยใช้ได้เลย คราวหน้าคงได้มากินร้านนี้อีก อ้อ…ร้านนี้เขามีสาขาเยอะเหมือนกันใครอยากลองสามารถ search ใน google หาสาขาที่ใกล้ได้เลยค่ะ
วันที่สองพอมีเวลาพาหลานๆ ไปเดินเล่นที่ Covent Garden และ Neal's Yard กันนิดหน่อย
แวะไปตากแอร์ที่ร้าน Moomin ร้านเล็กๆ แต่น่ารักดี
Moomin Shop
เดินทะลุตลาดมาที่ Neal's Yard
Covent Garden และ Neal's Yard สวยเสมอ
เดินแป๊บเดียวก็ได้เวลาไปหาข้าวเย็นกินกันอีกละ มื้อเย็นวันนี้เป็นร้านอาหารจีนที่มีคนแนะนำว่าอร่อยก็เลยไปลองชิมกันหน่อย ชื่อร้าน Royal China Club อยู่ที่ Baker Street
Royal China Club
ร้านดูสวยและใหญ่พอสมควร มีแบบห้องส่วนตัวด้วย
เราสั่งมาชิมหลายอย่างมาก
กินกันจนพุงกาง
ที่ชอบสุดน่าจะเป็นออเดิฟ ผัดคะน้าฮ่องกง เป็ดที่นุ่มมาก และซี่โครงหมู อาหารอย่างอื่นพอได้ สรุป…ร้านนี้พอใช้ได้แต่ไม่ถึงกับว้าว ว่าจะไปลองอีกร้านแล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
กินเสร็จยังไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปเดินเล่นที่ Harrods ห้างสุดจะไฮโซของชาวอังกฤษกัน เรามาลอนดอนหลายครั้งมากแต่ไม่เคยมา Harrods เลยซักครั้ง ข้างในคนเยอะมากกกกก และของก็แพงมากกกก
ไม่ได้ถ่ายอะไรนอกจากบันไดเลื่อนเพราะสวยมาก นี่ยังไม่นับถึงความเก่าของมันนะ คนออกแบบนี่สุดยอดจริงๆ
เป็นบันไดเลื่อนที่หรูหราสุดๆ ตั้งแต่ที่เคยเห็นมา
คำเตือน: เมื่อมา Harrods จงอย่าเดินเข้าไปในโซนขายน้ำหอม เพราะคุณอาจจะวิงเวียนได้ 😵‍💫 เป็นโซนที่คนเยอะที่สุด เท่าที่เห็นจะเป็นลูกค้าแถบ Middle East ซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเค้าจะชอบน้ำหอมแบบฉุนๆ ละก็ฉีดกันแบบไม่บันยะบันยังเลย
วันที่สามได้ฤกษ์ออกไปเที่ยวซะที เมืองแรกที่เราจะไปกันคือเมือง Bath ค่ะ มารู้จักเมืองนี้กันซักนิด
Bath (บาธ) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Avon อยู่ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันตก 156 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก World Heritage Site โดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1987 เพราะเป็นเมืองที่อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยโรมันไว้ได้เป็นอย่างดีมาจนถึงปัจจุบัน
Bath เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำพุร้อนที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 แล้ว ต่อมาในช่วงยุคกลาง Bath ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิต Wool (ผ้าขนสัตว์) และกลับมาเป็นเมืองสปาสำหรับชนชั้นสูงอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่ 18 ในสมัย King George I, II and III (พระเจ้าจอร์จที่ 1, 2 และ 3)
เมื่อเข้ามาใน Bath เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมของอาคารต่างๆ ที่เป็นสไตล์ Georgian ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 ในยุคที่ Bath รุ่งเรืองนี่เอง ทำให้ Bath เป็นเมืองที่สวยงามมากอีกเมืองหนึ่ง
นอกจากนั้น Bath ยังมีโรงละคร พิพิธภัณฑ์ และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากคือ University of Bath อีกด้วย
เรามาถึงก็เที่ยงพอดี ทีแรกพวกเราตั้งใจจะชิมขนมปังที่ร้าน Sally Lunn's ก่อนเลย แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้เข้าเพราะทางร้านไม่รับจอง ลูกค้าทุกคนต้องมาเข้าคิวเองและวันที่เราไปเป็นวันเสาร์ ก็ตามคาดค่ะแถวยาวมากกก เพราะทุกคนก็คงอยากมาลองขนมที่ร้านนี้เหมือนกัน
Sally Lunn's
ที่อยากชิมอาหารร้านนี้เพราะเค้าดังเรื่องขนมปัง Brioche Bun ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของทางร้านและคิดค้นโดย Sally Lunn (ชื่อจริงๆ ของเธอคือ Solange Luyon (โซลังจ์ ลูยอน) ซึ่งออกเสียงยากเพื่อนร่วมงานเลยเรียกเธอว่า Sally Lunn แทน)
ด้วยความที่ Brioche Bun เป็นขนมปังที่อร่อยและสามารถทานได้กับอาหารทั้งคาวและหวาน เลยทำให้มันกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในอังกฤษและเลื่องชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวที่ไปเยือน Bath ก็มักจะต้องลองชิมกันให้ได้ซักครั้ง…แต่เราอด 🥲 ถ้าใครมีโอกาสได้ชิมอย่าลืมเล่าให้ฟังด้วยนะคะว่ามันอร่อยแค่ไหน
เห็นแถวแล้วถอดใจเลย
อ้อ !!! นอกจากขนมปังแล้ว ร้าน Sally Lunn's ยังเป็น The Oldest House in Bath หรือหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดใน Bath ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1482 อีกด้วยนะ
อาคารเก่าแก่หลังแรกๆ ของ Bath เลย
หลังจากผิดหวังจาก Sally Lunn เราก็เลยเปลี่ยนไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ๆ แทน ได้มาเป็นร้านนี้ค่ะ The Crystal Palace
The Crystal Palace
ร้านน่ารัก บรรยากาศดี อาหารอร่อยโดยเฉพาะ Fish and Chips ของร้านนี้อร่อยมากเพราะปลาเค้าสดจริง ทุกคนที่ได้ชิมเป็นครั้งแรกก็ชอบกันใหญ่ บอกว่าไม่เห็นเหมือนที่ได้ยินมาว่า Fish and Chips ของจริงที่อังกฤษไม่อร่อยเลย 😆
ร้านสวย อาหารอร่อย
อิ่มแล้วก็ออกมาเดินเล่นในเมืองกันต่อค่ะ วันนี้แย่หน่อยเพราะตั้งแต่เข้าเมืองมาฝนก็ตกตลอดเลย เลยใช้เป็นการขับรถชมเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังได้เดินดูที่เที่ยว Highlight หลายๆ ที่
มีร้านน่ารักๆ เยอะเลย
ที่แรกที่เรากะจะเข้าไปดูคือ Roman Bath หรือ โรงอาบน้ำโรมันที่เกิดจากน้ำพุร้อนธรรมชาติ แต่ไม่มีสมาชิกคนไหนอยากเข้าเลย…เราก็อดซีฮะ
Roman Bath
แต่ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ขอเล่าเรื่องของ Roman Bath ซักเล็กน้อย
 
Roman Bath มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 แล้ว เพราะในสมัยที่โรมันเข้ามายึดครองแผ่นดินอังกฤษก็ได้นำเอาวัฒนธรรมการอาบน้ำมาด้วย โดยน้ำในบ่อจะเป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 45 องศาเซลเซียส ความสำคัญของ Roman Bath นอกจากจะเป็นโรงอาบน้ำแล้วก็ยังเป็นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ของคนชั้นสูงในสมัยนั้นอีกด้วย
ข้าง Roman Bath จะเป็น Bath Abbey หรือมหาวิหารบาธที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุค Anglo-Saxson (แองโกล แซกซอน) แล้ว
Bath Abbey
Bath Abbey หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า The Abbey Church of Saint Peter and Saint Paul ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของชาวคริสเตียนมาตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 757
Bath Abbey ในหลายๆ มุม
นอกจากนั้นมันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษกของ King Edgar (กษัตริย์เอ็ดการ์) กษัตริย์องค์แรกของอังกฤษในปี ค.ศ. 973 อีกด้วยซึ่งพิธีดังกล่าวถือเป็นแบบแผนในการจัดพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์และราชินีของอังกฤษสืบมาจนถึงทุกวันนี้
จากโบสถ์เราเดินต่อไปที่ Pulteny Bridge ระหว่างทางก็มีอะไรสวยๆ ให้ดูเยอะเลย
ทุกที่คนเยอะมากกก
สถาปัตยกรรมแบบ Georgian สวยๆ
สวน Alkmaar Garden
ผ่านสวนสาธารณะชื่อ Parade Gardens ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ระดับเกรด II (Grade II listed park) สวยดีแต่สวนนี้เก็บค่าเข้านะคะ
Parade Gardens
ติดกับสวนคือ Pulteny Bridge สะพานข้ามแม่น้ำ Avon ที่ไหลผ่านกลางเมือง Bath สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1774 สะพานก็นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสะพานที่ได้รับการอนุรักษ์เกรด I เช่นกัน
Pulteny Bridge
สะพานนี้สร้างเลียนแบบสะพาน Ponte Vecchio ที่เมืองฟลอเรนซ์ ที่สองข้างของสะพานจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ดูเหมือนเป็นถนนมากกว่าเป็นสะพานซะอีก
สองข้างทางของ Pulteny Bridge ที่เต็มไปด้วยร้านค้า
ด้านล่างมีการสร้างฝายกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมไว้ กลายเป็นภาพที่ดูแปลกตาสวยดี
คนไปทำกิจกรรมล่องเรือชมวิวและพายเรือกันที่แม่น้ำเยอะเลย
เราไปต่อกันที่ The Royal Crescent ค่ะ
The Royal Crescent
The Royal Crescent เป็นกลุ่มอาคาร 3 ชั้นจำนวนทั้งหมด 30 ห้องที่ถูกออกแบบให้วางเรียงตัวกันเป็นแนวโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยวตามชื่อ The Crescent สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1767–1775 ออกแบบโดย John Wood the Younger ภายในมีทั้งที่พักอาศัย ร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์
ด้านหน้าอาคารจะเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่ส่วนหนึ่งจะถูกกั้นไว้เพื่อเป็นพื้นที่ใช้สอยเฉพาะของผู้ที่อยู่อาศัยใน The Royal Crescent เท่านั้น และพื้นที่ส่วนที่เหลือที่เรามาถ่ายรูปกันจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ใครๆ ก็สามารถเข้ามานั่งเล่นพักผ่อนได้
The Royal Crescent ถือเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมในยุค Georgian ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ
ขออภัยที่ไม่มีรูปใกล้ๆ เนื่องจากฝนตกลงมาพอดีเลยถ่ายได้แค่นี้
เราปิดท้าย Blog นี้กับร้านอาหารไทยใน Bath ชื่อร้าน Charm ค่ะ
ร้านอาหารไทย Charm
อาหารของเขารสชาติจัดจ้านใกล้เคียงกับรสชาติของอาหารในบ้านเราเลย ร้านตบแต่งสวย บรรยากาศดี น่าแวะมาชิมกันค่ะ
มีก๋วยเตี๋ยวเรือแซ่บๆ ให้กินด้วย
เป็นยังไงบ้างคะกับเมือง Bath หวังว่าจะชอบกันนะ เสียดายสมาชิกไม่ชอบเดินสำรวจเมืองเท่าไหร่ ถ้ามาคนเดียวจะเดินเที่ยวให้ลึกกว่านี้เลย แต่วันนี้ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวในวันฝนตกพรำๆ ก็สวยไปอีกแบบเนอะ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้ากับที่เที่ยวสวยๆ ที่จะพาไปชมกันอีกค่ะ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา