13 ส.ค. 2024 เวลา 16:18

แด่ฉันที่ทำบาปผ่านความคิด

‘ฉันไม่ชอบโลกนี้’
ถ้าให้นึกถึงความคิดนึงที่เข้ามาในหัวบ่อยๆ ก็คงเป็นสิ่งนี้แหละ ฉันไม่เคยชอบมันจริงๆ ตลอดชีวิต 28 ย่าง 29 ปีในอีกไม่กี่วัน โลกที่สอนฉันให้เติบโตขึ้น แบบที่ต้องพร้อมเรียนรู้ถึงความผิดหวังอันไม่มีวันสิ้นสุด แต่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่ลืมตา
ถ้าต้องนับความผิดหวังที่ได้เผชิญหน้า
แค่ตัวเองลืมตาตื่นมาก็คือครั้งที่ 1 ในทุกๆ วันแล้วแหละ
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนปฏิเสธโลกนี้
หรือโลกนี้เลือกที่จะปฏิเสธฉัน
แต่รู้แค่ว่าในหัวใจมันเต้นเป็นจังหวะหน่วงแปลบๆ
บีบรัดแรงจนเจ้าของร่างอย่างฉันหายใจแทบไม่ออก
ไหล่ของฉันห่อเล็กลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ต้องก้าวขา
รู้ตัวอีกทีก็ติดเดินก้มหน้าเพราะไม่อยากเห็นอะไรเลยบนโลกใบนี้
มันน่าแปลกที่ฉันมีทั้งข่าวดี ข่าวร้ายเข้ามาในชีวิตสลับปนเปกันไปทุกวัน แต่สิ่งที่กลับจดจำได้อย่างแม่นยำ มีแต่ความผิดหวังที่ต้องรับมือ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมวัยรุ่นที่ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงมีคำพูดว่า ‘ช่างแม่ง’ เป็นคำติดปาก
มันเป็นเพียงคำเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าความห่าเหวตรงหน้ามันได้หนักหนาเท่าไรกันเชียว
แต่ใครจะรู้ คำว่าช่างแม่งที่พูดวนเวียนในหัวตัวเองบ่อยๆ ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน
บางครั้งฉันกลับไม่มีแรงเหลือพอจะคิดคำนั้นด้วยซ้ำ
ชีวิตฉันพึ่งพาแอลกอฮอล์มากขึ้นจนไม่มีลิมิต
สูบบุหรี่รสเย็นจัดๆ เพราะไม่อยากให้คอไหม้จากกลิ่นร้อน
แต่สุดท้าย ดื่มเท่าไรก็ไม่เคยพอ
สูบบุหรี่จนหมดซอง ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
มีเพียงแต่ฉันที่ต้องการพวกมันเพิ่มขึ้น
จนไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะตายเพราะโรคอะไร
ตับแข็ง มะเร็งปอด หรือโรคมองไม่เห็นอะไร ?
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์ประกอบของชีวิตที่มีความสุขมันต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง ฉันคิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ที่รู้จักตัวเองก็หรรษาขึ้นมา แต่พอได้นั่งในห้องเล็กๆ ที่ฉันขยับไปไหนมาไหนไม่ได้ มันหดหู่ขึ้นมาเองอย่างอัตโนมัติ
เราเคยจับมือกันตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้า
แต่หลังจากที่ฉันหลับไป ตื่นมาก็เหลือเพียงแค่เสื้อผ้าที่พับไว้ แว่นสายตาที่ถูกถอดวางคู่กัน กับป้ายห้อยประตูที่แขวนเตือนว่า do not disturb
นั้นคือเซ็กส์ที่ดีเท่าสุดเท่าที่ฉันเคยสัมผัส
แต่มันก็สลายจางไปอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน
รสจูบนั้นคลุ้มคลั่งไปด้วยเบียร์จากปากฉัน
กับเธอที่ดื่มไปได้เพียงไม่เท่าไร
แต่ขอบอกอะไรหน่อยว่านะว่า บุหรี่ของเธอมันแย่มาก
ถึงอย่างนั้นฉันก็มองข้ามไป เพราะคิดว่าสิ่งนี้คงไม่ได้สลักสำคัญ
เพลงที่เล่นอยู่ในหูฟังตอนนี้ คือผลงานของยอดกวีอย่าง Taylor swift ชื่อเพลง Guilty as sin ลองเปิดฟังก็ดีนะ
พูดตามตรงฉันชอบมันตั้งแต่เสียงกลองดังในวินาทีแรก
ไม่ต้องพูดถึงความหมาย
เพราะมันอัศจรรย์เกิน จนฉันคิดว่ามันคือเพลงของฉัน
บนโลกนี้แทบไม่เหลือความตื้นเต้นอะไรอีกแล้วสำหรับฉัน
ยกเว้นวันนั้นที่เรานั่งรถตระเวนหาโรงแรมกันจนรุ่งสาง
ฉันมองหน้าเธอจากความมืดมิดจนถึงความสว่าง
แต่น่าแปลกที่ฉันกลับจำหน้าเธอไม่ได้เลยในสมอง
เขาฝั่งตัวตนขอตัวเองไว้ที่ฉัน
มันมากกว่าการสักคำว่า Mind ไว้ที่ตนขาเสียอีก
แต่หลังจากนั้น ฉันก็ค่อยๆ คิดว่าถ้าเราได้ลองทำอะไรสักอย่างด้วยกันอีก มันจะผิดบาปไปได้ขนาดไหน
และในเมื่อมันยังอยู่แค่ในหัว โดยที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรล่ะ
สุดท้ายมันก็คงหนีไม่พ้นความบาปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะพระเจ้าบอกว่า แค่คิดก็เท่ากับทำบาปลงไปเรียบร้อยแล้วยังไงล่ะ
ฉันอยากรู้อย่างอดไม่ได้ ถึงกับสร้างฉาก เขียนบทสนทนาขึ้นมาเอฃในหัว จินตนาการถึงการพูดคุยสองคน บนดาดฟ้าที่เบียร์ในแก้วของเธอละลายจนไม่เหลือน้ำแข็ง เท้าของเราเกี่ยวไขว้ จนอะไรในตัวถูกปลุกขึ้นมาไม่ต่างจากมนุษย์ที่ปราศการการควบคุมตนเอง
‘มีคนคุยแล้วนะ’
ประโยคนั้นที่เธอบอกฉัน ในขณะที่เรากำลังทำสิ่งที่ผิด
ทั้งๆ ที่การกระทำแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับฉันด้วยซ้ำ
แต่พอมันเป็นเหตุการณ์แบบเดียวกัน ที่ฉันทำกับคนอื่น
ฉันก็ปล่อยผ่านมันไปได้ง่ายๆ จนมีแต่คำถามคาใจ
ยกเว้นเขาที่สัก Mine ลงไปในร่างกาย และลำคอที่เธอจับไว้ตลอดทั้งคืนนั้น แย่แล้วล่ะ ฉันคิดในคืนนั้นเช่นกัน
ฉันพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นจริง
เพราะเมื่อได้ลองสัมผัสกับคนอื่น
ฉันก็สามารถลืมพวกเขาได้ข้ามคืน
แต่กลับลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฌอไม่ได้
ไม่ว่าจะคำพูด สัมผัสที่มือ แขน คอ ต้นขา
และจุดที่ฉันชอบมันที่สุด
มันหลงเหลือเพียงสิ่งที่คนอื่นเข้ามาแทนที่ไม่ได้
บทส่งท้ายของกวีบทนี้ พอแค่นี้เถอะ
ฉันทำผิดไปเกินกว่าจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ
ฉันหวังแค่พระเจ้าจะทนไม่ไหวกับสิ่งที่ฉันทำอีกต่อไป
จนอยากลงโทษให้ฉันไม่ต้องช่างแม่งอีกต่อไปแล้ว
วันนี้ฟ้าสวยจนเห็นดาวประจำฤดูที่ฉันไม่ได้มองมันนาน แต่ไม่ได้มีความคิดโรแมนติกทำนองว่าเธอก็คงมองมันอยู่เหมือนกันหรอกนะ เพราะคนที่จะมองดาวน่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่กำลังมีความสุขอยู่ ก็คงเป็นคนที่รู้สึกหดหู่มากที่สุดแทน
และฉันก็รู้ว่าเธอน่ะ ไม่ใช่ทั้ง 2 นั้นหรอก
โฆษณา