16 ส.ค. เวลา 01:00 • การเกษตร

จับตา เวียดนามจับมือฟิลิปปินส์ตกลงจัดตั้งพันธมิตรอุตสาหกรรมข้าว

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของเวียดนามและฟิลิปปินส์ได้ตกลงที่จะจัดตั้งความร่วมมืออุตสาหกรรมข้าวระหว่าง 2 ประเทศ และยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าเป็นหุ้นส่วนการลงทุนในอุตสาหกรรมข้าว
นาย เล มินห์ ฮว่าน (Le Minh Hoan) รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนามกล่าวว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศนําเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยคิดเป็นร้อยละ 35-40 ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ
สถิติของกระทรวงฯ แสดงให้เห็นว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 การส่งออกข้าวของเวียดนามทั้งหมด 4.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 104 มูลค่า 2,980 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อุตสาหกรรมข้าวของเวียดนามได้เปลี่ยนแปลงอย่างมากในด้านการผลิต การบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก ในบริบทของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
เวียดนามให้ความสําคัญกับการปรับปรุงคุณภาพ ลดต้นทุน ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ลดการปล่อยมลพิษ สร้างหลักประกันความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ ขยายตลาดส่งออก และสร้างแบรนด์ข้าวที่ยั่งยืนในตลาด
ต่างประเทศ การผลิตข้าวมีบทบาทสําคัญในการสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านอาหารของประเทศและในภูมิภาค
ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางสังคม และยกระดับสถานะของเวียดนามในระหว่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์การเกษตรและการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนภายในปี 2573 พร้อมวิสัยทัศน์ถึงปี 2588 เวียดนามตั้งเป้าไปที่ห่วงโซ่คุณค่าการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปล่อยมลพิษต่ำ
นาย Francisco Tiu Laurel Jr รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ฟิลิปปินส์ได้นําเข้าข้าว 2.17 ล้านตัน โดยนําเข้ามาจากเวียดนาม 1.59 ตัน เวียดนามเป็นซัพพลายเออร์ข้าวรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์มา
นานหลายปี
ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ได้เยี่ยมชมสามเหลี่ยมปากแม่น้ํา Cuu Long (แม่น้ําโขง) เพื่อศึกษารูปแบบการปลูกข้าว 1 ล้านเฮกตาร์ (6,250,000 ไร่) เพื่อแก้ไขปัญหาที่อุตสาหกรรมการเกษตรของฟิลิปปินส์กําลังเผชิญ
อยู่ เช่น ผลผลิตต่ํา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร
นาย Francisco Tiu Laurel Jr รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ได้ขอให้เวียดนามจัดตั้งพันธมิตรอุตสาหกรรมข้าวระหว่างทั้ง 2 ประเทศ การดําเนินการดังกล่าวจะส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ทางการค้าข้าวกลายเป็นหุ้นส่วนการลงทุน นอกจากนี้
จะศึกษาและจะนําเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีจากเวียดนาม เพื่อนํามาประยุกต์ใช้ในการเพาะปลูกข้าวในฟิลิปปินส์ โดยสิ่งแรกที่ประเทศจะต้องทําคือนําเข้าปุ๋ยจากเวียดนาม
นาย เล มินห์ ฮว่าน (Le Minh Hoan) รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนาม เห็นด้วยกับ นายFrancisco Tiu Laurel Jr โดยกล่าวว่าความร่วมมือด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมข้าวจะช่วยให้เวียดนามสามารถส่งเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่การผลิตข้าวของฟิลิปปินส์ แทนที่จะส่งออกข้าวสีเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงแต่ข้าวเท่านั้น นาย เล มินห์ ฮว่าน (Le Minh Hoan) ยังเรียกร้องให้มีความร่วมมือที่มากขึ้นในภาคการประมงอีกด้วย
ข้อคิดเห็นของสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศนําเข้าข้าวมากที่สุดในโลกเนื่องจากมีจํานวนประชากรที่บริโภคข้าวมากและอุปทานข้าวของประเทศมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือระหว่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ ในการตกลงจัดตั้งพันธมิตรอุตสาหกรรมข้าวถือเป็นโอกาสในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมข้าวของเวียดนามเป็นอย่างมาก
การที่ฟิลิปปินส์สนใจที่จะแสวงหาการขยายการผลิตข้าวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมุ่งเน้นที่การผลิต การแปรรูปเป็นหลัก ซึ่งฟิลิปปินส์ยังคงต้องพึ่งพาการนําเข้าข้าวเนื่องจากการผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค อีกทั้งในปัจจุบัน ฟิลิปปินส์มีการนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นเพื่อเก็บไว้ เนื่องจากความกังวลเรื่องความมั่นคงทางอาหารและผลกระทบของสภาพอากาศต่อการผลิตข้าวในอนาคต
นอกจากนี้ จากข้อมูลของสํานักอุตสาหกรรมพืช กรมวิชาการเกษตรของฟิลิปปินส์ (Department of Agriculture’s Bureau of Plant Industry) ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 การนําเข้าข้าวทั้งหมดของฟิลิปปินส์เป็น 1.97 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยคาดการณ์ว่าการนําเข้าข้าวทั้งหมดของฟิลิปปินส์ ในปี 2567 จะสูงถึงประมาณ 4 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม หากมาตรการลดภาษีนําเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าข้าวมีผลบังคับใช้ คาดว่า จะเพิ่มการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดข้าวของฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันในด้านราคาสินค้า รวมถึงการเพิ่มโอกาสการนําเข้าและเป็นผลประโยชน์ต่อประเทศผู้ส่งออกข้าว เช่น เวียดนาม ไทยและอินเดีย
Reference : สํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
อ่านเพิ่มเติม : https://www.ditp.go.th/post/177614
โฆษณา