14 ส.ค. เวลา 10:47 • การเมือง

POLITICS: ‘เศรษฐา‘ เปิดใจครั้งสุดท้าย รับ เสียใจ ต้องเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรม

POLITICS: ‘เศรษฐา‘ เปิดใจครั้งสุดท้าย รับ เสียใจ ต้องเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรม ยัน ทำงานให้บ้านเมืองต่อ ในทุกหน้าที่ ปัดตอบ โดนวางยาหรือไม่ เพราะไม่อยากย้อน เชื่อ ทุกอย่างชัดเจนแล้วในคำแถลงผิดคดี
วันนี้ (14 ส.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5:4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา สิ้นสุดลง ว่า คำพิพากษาออกมาแล้ว ขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้โอกาสทุกฝ่ายได้ชี้แจงประเด็นทั้งหลาย และมีการชี้แจงพูดคุยในวงกว้าง ตนเองเคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมถึงกล้าเสี่ยงตั้งนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีนั้น ตนเองไม่แน่ใจว่าใช้คำว่ากล้าเสี่ยงได้หรือไม่ เพราะตนเองดูข้อกฎหมาย และสอบถามผู้มีความรู้หมดแล้ว ตนเองขอให้มันจบไปดีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแล้วว่าตนเองผิด และให้ออกจากหน้าที่ไป ก็ไม่ควรถามต่อว่าทำไม เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าตนเองไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล
นายเศรษฐายืนยันว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ในการดำรงตำแหน่ง พยายามทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง เป็นความตั้งใจจริงในการทำงานที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ ซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำตัวเป็นที่ขัดแย้ง โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า เคารพในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนข้อต่อสู้นั้น ตนเองไม่ได้ฟังเลย ฟังแค่ช่วงท้าย เนื่องจากติดประชุมอยู่
ส่วนคาดคิดหรือไม่ว่าผลการวินิจฉัยจะออกมาเป็นแบบนี้ นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลคาดการณ์ออกมาทั้งสองด้าน แต่ว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป ตนเองมีหน้าที่วางแผนระยะยาว ระยะสั้น ว่าต้องเดินทางไปทางไหน ซึ่งตนเองไม่ได้ไปก้าวล่วง หรือคาดเดาคำตัดสิน ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมระบุว่า ตนเองเสียใจที่เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีจริยธรรม ซึ่งขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เมื่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแล้ว ตนเองก็พร้อมน้อมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียดายหรือไม่ เพราะยังมีภารกิจที่ยังไม่ได้ทำอีกเยอะ นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีภารกิจอีกเยอะ แต่บ้านเมืองมีคนเก่งหลายท่าน ที่สามารถมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปได้ และไม่มีอะไรจะฝากถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะยังมีคณะรัฐมนตรีที่รักษาการอยู่ ที่เข้าใจการทำงานของตนเอง เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย กำลังหาไฟลท์บินกลับมาจากประเทศคาซัคสถาน
ถ้ามาไม่ทันก็มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่สอง ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานราชการแผ่นดินมาแล้วหลายหลายสมัย ตนเองมั่นใจในศักยภาพของทีมงาน ส่วนกระบวนการในการสรรหานายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้นให้เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา ตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการมองคำตัดสินของศาลในครั้งนี้ เป็นการวางยาหรือไม่ ว่า ตนเองไม่เคยคิดแบบนั้น แม้ผลที่ออกมาจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่จะกล่าวโทษคนอื่นว่ามีคนมาวางยาไม่ได้ ส่วนเป็นการตัดสินใจคนเดียวหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ปัดตอบคำถาม พร้อมระบุว่า ไม่อยากกลับไปย้อนเรื่องนี้อีก เพราะแถลงชัดเจนอยู่แล้ว ทุกอย่างยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญหมดแล้ว และได้พูดไปแล้ว ซึ่งคณะตุลาการก็มีข้อมูลพร้อมในการพิจารณาแล้ว เบื้องต้นก็ยืนยันน้อมรับคำตัดสิน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะวางมือทางการเมือง หรือเข็ดหลาบทางการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่เกี่ยวว่าเข็ด หรือไม่เข็ด จริง ๆ ปัญหาบ้านเมืองมีเยอะ แต่ละคนทำหน้าที่ช่วยเหลือบ้านเมืองได้หลายหน้าที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบทเรียนราคาแพงในการเป็นนักการเมืองครั้งนี้ ว่า เป็นคำถามที่ยาก ตอบได้ทั้งบวก และลบ ตนเองไม่อยากมองในแง่ลบ ศาลตัดสินไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การที่จะบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง หรือมีใครวางยา
ขออย่าให้ไปกล่าวโทษใครคนนั้นเลยดีกว่า เราพร้อมน้อมรับคำตัดสิน และเดินไปข้างหน้า ให้กระบวนการนิติบัญญัติในสภาฯ หานายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในการแปลงคำพิพากษา ส่วนตนเองยังไม่ดูในรายละเอียดการดำรงตำแหน่งต่อ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเองจะเป็นผู้ดูในส่วนนี้ และจะเสนอชื่อตนเองอีกรอบหรือไม่นั้น ขออย่าให้คิดไปไกลขนาดนั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่านายเศรษฐาไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใคร จากคนบางส่วนหรือบางกลุ่มหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า การที่ผลออกมาแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าเพราะตนเองไว้ใจใครนั้น ไม่ใช่ทุกคนมีความหวังดีกับประเทศชาติ แต่จะทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ทุกวันที่ทำหน้าที่ ตนเองทำงานอย่างเต็มที่ด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ เคยมีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว และไม่มีปัญหาความขัดแย้งกับใครเลย
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่าคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป จะสานต่อนโยบายที่ประกาศไว้แล้วหรือไม่ ตนเองตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ตนเองก็ไม่รู้ ต้องให้เกียรติรักษาการนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และไม่ว่าใครจะมาเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงนโยบายตามสมควร ตามที่ทำได้
เพราะที่ผ่านมาที่ผ่านมา มีบางคนที่เห็นด้วยและ ไม่เห็นด้วยกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เพราะแต่ละคนก็มีหลายวิธีในการดำเนินการให้ไปถึงจุดนั้น พร้อมยอมรับว่า ตนเองหมดหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปตั้งแต่เวลา 15:30 น. แล้ว และการเดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่มีอำนาจแล้ว เป็นหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคนใหม่
”มีหลายคนส่งข้อความเข้ามาว่าจะเข้ามาหา ผมจึงบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว เพราะผมกำลังจะไปแล้ว มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เขาไม่ให้อยู่แล้ว“ นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา ยืนยันว่า การที่ตนเองบอกว่าไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้นไม่ได้มีนัยยะใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากไหนก็ตาม ตนเองน้อมรับกระบวนการรัฐสภา และปล่อยให้การเมืองดำเนินไปตามวิธีของการเมือง ส่วนจะปลอดโปร่งหรือไม่ ก็ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวดีกว่า ซึ่งตนเองก็กังวลเรื่องบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองไม่ขอคอมเม้นต์เรื่องการเมือง ตนเองไม่ได้เป็น สส. แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ ปล่อยให้พรรคไปทำการพูดคุยเพราะตนเองไม่อยากกดดันใครทั้งสิ้น ถ้าอยากให้อยู่ต่อก็จะอยู่ต่อ ถ้าไม่ให้อยู่ ตนเองก็จะไม่อยู่ ไม่อยากกดดันว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะเป็นใคร แล้วมาจากพรรคไหน ถือว่าเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
เมื่อถามว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ทุกท่านที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตมีความพร้อม แต่ละคนมีจุดแข็งจุดด้อยจุดเด่นแตกต่างกันไป วันนี้ต้องเคารพกระบวนการรัฐสภา ซึ่งตนเองไม่ได้ห่วงโครงการดิจิทัล วอลเล็ต แต่ห่วงประชาชนมากกว่า
นายเศรษฐา กล่าวถึงวิธีการฮีลจิตใจตัวเองหลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ ว่า ไม่มี เพราะก้าวมาวันแรกก็รู้อยู่แล้วว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ได้ในหลายหลายหน้า จะครบ 4 ปี หรือจะไปในปีที่หนึ่ง ต้องพร้อมทุก ๆ ฉากทัศน์ ส่วนความผิดหวังที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ว่าจะจะเป็นในเรื่องการเมือง หรือเรื่องธุรกิจ ทุกความผิดหวังโหดร้ายหมด
นายเศรษฐา กล่าวถึงกำหนดการหลังจากนี้ของตนเอง ว่า ไม่รู้ แต่จะไปลอยอังคารนางชดช้อย ทวีสิน มารดาให้เร็วขึ้น จากเดิมวันที่ 24 สิงหาคม จะปรับให้เร็วขึ้นภายในสัปดาห์นี้ และใครที่อยากปรึกษาเรื่องการประสานงานต่อไปนั้น ตนเองก็ยินดี
นายเศรษฐา กล่าวถึงการไปพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากนี้หรือไม่ ว่า ไม่ เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว ว่าง ๆ ก็จะไปกินกาแฟกัน
ส่วนประทับใจอะไรใน 1 ปี ตลอดการทำงาน และจะเก็บเป็นความทรงจำ นายเศรษฐา กล่าวว่า คนเราอายุขนาดนี้ การที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ใหม่และนำไปแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ได้ลงพื้นที่ได้รับความรู้ ได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้ ถ้าตนเองไม่ได้เข้ามานั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บางเรื่องก็จะมองไม่เห็น และจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งวันนี้ตนเองได้เห็น แต่ขอให้ประชาชนไว้ใจระบบรัฐสภาที่จะสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้
“เป็นห่วงทุกเรื่อง แต่ต้องยอมรับว่าฉากนี้มันจบไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปแล้ว” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ได้มายืนรอส่งขึ้นรถ ซึ่งระหว่างนั้นนายจุลพันธ์ มีอาการน้ำตาซึม ก่อนที่จะส่งนายเศรษฐา ขึ้นรถออกไปจากทำเนียบรัฐบาล
รายงาน: สริตา เรืองจิต
ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์, ศุภสัณห์ กันณรงค์
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #นายกรัฐมนตรี #นายก #เศรษฐาทวีสิน #เศรษฐา
โฆษณา