15 ส.ค. เวลา 02:14 • ข่าวรอบโลก

องค์การอนามัยโลก ประกาศให้ฝีดาษลิง (Mpox) เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขแล้ว

หลังจากที่เมื่อวันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2567 ACDC หน่วยงาน สูงสุดทางด้านสาธารณสุขของแอฟริกา ได้ประกาศให้ฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของทวีปแอฟริกาไปแล้วนั้น https://www.blockdit.com/posts/66bc3020a8903c2088c7d4b1
2
ถัดมาเพียงหนึ่งวัน ในวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567 องค์การอนามัยโลกโดยผู้อำนวยการ Dr.Tedros ก็ได้ประกาศให้ฝีดาษลิงหรือชื่อใหม่ว่าเอ็มพ็อค (Mpox) เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ซึ่งเป็นการประกาศเตือนขั้นสูงสุด
1
ทั้งนี้มาจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอิสระ ซึ่งเป็นคณะกรรมการย่อยขององค์การอนามัยโลก ได้รวบรวมข้อมูลพบว่า
ในปีนี้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในแอฟริกาหลายประเทศ มีมากกว่า 15,600 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 537 คน
1
เฉพาะในประเทศคองโกซึ่งเป็นประเทศเริ่มต้นที่มีการระบาดหนักที่สุด มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 14,000 คน และ 96% ของจำนวนนี้ ติดเชื้อภายในเดือนสิงหาคมเดือนเดียว
2
ฝีดาษลิงสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยรุนแรง (Clade II )ได้มีการระบาดไปทั่วโลกเมื่อปี 2565 และ WHO ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ในช่วงกรกฎาคม 2565 และสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2566
ซึ่งประเทศไทยก็พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเป็นจำนวนพอสมควร ส่วนใหญ่มักจะติดเชื้อมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีเพศสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะชายรักชาย
แต่ในปีนี้ ไวรัสที่ก่อโรคในประเทศคองโกและแอฟริกาเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่ง (Clade Ib) ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ที่เคยระบาดไปเมื่อปี 2565
1
จึงทำให้เกิดการวิตกกังวลว่า ถ้ามีการแพร่ระบาดในลักษณะเดียวกัน จำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตจะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน
1
แม้โรคฝีดาษลิง จะมีวัคซีนป้องกันได้ แต่มีการผลิตจำนวนน้อย ขณะนี้สำรวจสต็อกแล้ว มีอยู่ประมาณ 500,000 โดส ถ้าจำเป็นจะสามารถเร่งการผลิตได้ 2.4 ล้านโดสได้ภายในสิ้นปีนี้
การระมัดระวังไม่ให้มีการติดเชื้อฝีดาษลิงก็คือ
1) ไม่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่เราไม่รู้จัก
2) ระมัดระวังการสัมผัสเนื้อตัวหรือข้าวของของผู้ที่มีผื่นหรือตุ่มหนองชัดเจน
3) หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น
4) ใส่หน้ากากอนามัยเวลาอยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการไอจาม มีน้ำมูกเสมหะ
1
ก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อฝีดาษลิงลดลงมาก
1
บทความอ่านเพิ่มเติม
Reference
โฆษณา