16 ส.ค. เวลา 03:33 • หนังสือ

นักเลงดาบข้ามมิติ ตอนที่ 5 สงคราม ณ เมืองบาดาล

ณ กลางดงพงไพร อ้ายทิม ที่พักผ่อนเอนกายอยู่บนต้นไม้ พร้อมดาบคู่ใจทั้งสองอยู่ข้างกาย เขาได้ฝันถึงการขอความช่วยเหลือจากเมืองบาดาล อ้ายทิมสดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นว่าแหวนนำพา เรืองแสงขึ้นเหมือนบอกเป็นในว่ามีผู้ขอความช่วยเหลือ
อ้ายทิมเพ่งจิตไปที่แหวนนำพา เกิดแสงสว่างวาบ อ้ายทิม มาอยู่ที่บึงน้ำขนาดใหญ่ และเจอหญิงสาวนอนสลบอยู่ข้างบึงน้ำนั้น อ้ายทิมพยายามปลุกหญิงสาวสกครู่ แล้วเธอตื่น ลืมตาขึ้น
แต่พอเจอว่าเป็นอ้ายทิมหญิงสาวกลับตกใจ แล้วพูดขึ้นว่า " ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ครอบครัวข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าจะต้องรีบไปช่วย "
อ้ายทิมเห็นดั่งนั้นจึงปราหญิงสาวไว้
" ใจเย็นๆ ก่อนเถิดแม่หญิง ดูเจ้าอิดโรยและบอบช้ำมาก พักผ่อนก่อน "
หญิงสาวตอบ
" ข้ารอไม่ได้จริงๆ ข้าเป็นห่วงพ่อแม่กับพี่ชายของข้า นัก"
ไม่กี่อึดใจ หญิงสาวแปรเปลี่ยนกลายร่างเป็นพญานาคเลื้อยลงน้ำไป
ดาบวิหกอัคคี กระซิบอ้ายทิม " รีบตามลงไปสิพ่อพระเอก " อ้ายทิมตอบจะลงได้อย่างไรนั่นแม่หญิงเขาคือพญานาค
ดาบเมฆาพยัคฆ์กระซิบบ้าง " จะกลัวไปใยเล่าพ่อดวงตานาคราชหายในน้ำได้ ว่ายน้ำได้ดั่งปลาเชียวล่ะ " ว่าแล้วอ้ายทิมก็กระโดดลงน้ำอย่างไม่รีรอ
อ้ายทิมรู้สึกว่าตัวเองหายใจได้ปกติ แล้วรู้สึกอยากว่ายน้ำอ้ายทิมดำดิ่งลึกลงไปใต้ก้นบึง แล้วมองเห็นเมืองใหญ่หนึ่งเมือง อ้ายทิมครวญในใจนี่หรือเมืองบาดาล
อ้ายทิมเดินทางเข้าสู่เมืองบาดาล พบว่าเมืองกำลังอยู่ในความโกลาหล เนื่องจากการโจมตีของเหล่าพระยามารที่มาขโมยสะดือสมุทร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่รักษาสมดุลของโลกใต้น้ำ นาคสาวพัทราวตี เห็นอ้ายทิมถึงกับตกใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า เจ้ามนุษย์เจ้ามาที่เมืองบาดาลนี่ได้อย่างไร "
อ้ายทิมตอบไปอย่างซื่อๆ " ก็ข้าว่ายน้ำลงมา "
พญานาคสาวสวย มองค้อน
อ้ายทิมบอกไปว่า " ข้ามีดวงตานาคราช นี่ไง ข้าถึงว่ายน้ำลงที่เมืองบาดาลนี้ได้ "
อ้ายทิมถามอีกครั้ง " เหตุใดที่เมืองดูโกลาหลแบบนี้เล่า แม่หญิง "
พัทราวตี ตอบ." เมืองกำลังมีสงครางทางด้านบูรพาทิศ มีพวกพระยามารมาขโมย สะดือสมุทรหน่ะสิ "
อ้ายทิมอธิบายเรื่องที่เขาได้มาเจอกับนาคาสาวบ้าง ด้วยเหตุที่แหวนนำพา พาข้ามาเจอกับแม่หญิง ที่นี่คงไม่ใช่เหตุบังเอิญเป็นแน่
พัทราวตี นึกถึงคำพยากรจักมีบุรุษหนุ่มมาช่วยขจัดทุกข์ภัยให้แก่เมืองบาดาล หากเป็นเจ้าจริงๆ เจ้าจำต้องฝึกเพลงดาบฤทธิ์นาคราชให้ได้ถึงจะกำจัดพระยามารได้ วันรุ่งที่สภานาคราชจะหารือกัน ข้าจะนำความนี้บอกท่านพ่อของข้าเอง
อ้ายทิมและพัทราวตีตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อปราบพระยามารและกู้สะดือสมุทรกลับคืนมา
วันรุ่งขึ้นต่อมา ณ ท้องพระโรงของเมืองบาดาล เหล่าเสนาอำมาตย์ พญานาคราชทั้งหลายประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน นาคราชสาวพัทราวดีกราบบังคมทูลเอกนันตชัยนาคราชเจ้าแห่งพญานาคทั้งปวงผู้เป็นบิดาว่าบัดนี้มีบุรุษลักษณะตามคำทำนายของปู่ศรีสุทโธ ว่าจะมาขจัดทุกข์ให้แก่เหล่าเมืองบาดาลทั้งปวง เตรียมเปิดตัวบุรุษได้
อ้ายทิมก้าวเข้าสู่ท้องพระโรงเมืองบาดาล แล้วทำการถวายบังคมเจ้าแห่งบาดาล อ้ายทิมใช้สตินิ่ง แล้วภาวนาอยู่ในเสมอ เพราะเหมือนเขาจะล่วงรู้ว่าตนจะถูกทดสอบ
ไม่นาน จุลอนันตชัยนาคราช พี่ชายของพัทราวตี กราบบังคมทูลเจ้าเหนือหัวว่า ลูกขอพิสูจน์ฝีมืออ้ายมนุษย์นี่เองท่านพ่อ
ไม่กี่อึดใจทวนเทวกะ พุ่งเข้าหาอ้ายทิม แต่ก็ไม่สามารถทำร้านอ้ายทิมได้เพราะมันมีสติอยู่ทุกเมื่อ อ้ายทิม กระโดดม้วนหลัง แล้วกระโดดออกไปยังลานหน้าท้องพระโรง จุลนันตชัยนาคราชตามไป อ้ายทิมชักดาบเมฆาพยัคฆ์ออกแสงสีฟ้าเรืองรองอ่อนๆ
" ดาบเมฆาพยัคฆ์กระนั้นรึ" จุลนันตชัยนาคราชเอ่ย
หรือหาญจะสู้ทวนเทวะกะ เตรียมรับมือ อ้ายทิมถูกจู่โจมอย่างหนัก จนต้องชักดาบวิหกอัคคีออกมาอีกเล่ม เพื่อต้านไว้ อ้ายทิมถูกพุ่งเข้าใส่จนหลังติดกับปะการัง
จังหวะที่จุลอนันตชัยนาคราชท่าทวนรำแพน อ้ายทิมกระโดดลอยขึ้นหวังใช้ท่าวิหกเหินลม อ้ายทิมม้วนตัวกลางอากาศ แต่เมืองบาดาลมันเป็นน้ำ ถูกต้องครับอ้ายใช้ท่าระบำพยัคฆ์ซ้อนกันทำให้เกิดพลังดาบสองแรงบวกกัน
ทะลายเกล็ดนาคราชของจุลนันตชัย อ้ายทิมลงสู่พื้นเสียบดาบกลับเข้าฝักดั่งเดิมแล้วเดินเข้ามาประคองจุลนันตชัย
"ท่านเป็นอย่างไรบ้าง "อ้ายทิมกล่าวด้วยความห่วงใย
จุลนันตชัยหัวเราะ " ข้าไม่เป็นไร ฝีมือเจ้าแข็งแกร่งมาก็คงพอสู่สีกับพระยามารดีอยู่ แต่เจ้าแค่นี้คงทำอะไรมันไม่ได้หรอก "
อ้ายทิมพยักหน้า
ทุกคนกลับไปรวมกันที่ท้องพระโรงอีกครั้ง
พระเจ้าเอกนันชัยนาคราช เห็นฝีมืออ้ายทิม แล้วและบัญชาให้อ้ายทิมได้ฝึกปรือเพลงดาบฤทธานาคราชต่อไป กับเจ้าปู่ศรีสุทโธในถ้ำบาดาล
อ้ายทิมเปลี่ยนผ้าผ่อนใส่ชุดขาว แล้วฝากสัมภาระทุกอย่างไว้กับพัทราวตี
การฝึกเป็นไปอย่างเข้มข้น อ้ายทิมได้ฝึกทั้งการรวมลมปราณ ฝึกทั้งแรงกาย แรงใจ และท่าร่ายรำ
สำหรับ 8 ท่าร่ายรำของเพลงดาบฤทธานาคราช
1. ท่านาคาผงาด
- เริ่มต้นด้วยการยืนตรง ยกดาบทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ สร้างรูปทรงคล้ายพังพานนาค
2. ท่าสายฟ้าฟาดน้ำ
- ฟันดาบลงอย่างรวดเร็วในแนวทแยง สร้างคลื่นพลังงานคล้ายสายฟ้า
3. ท่าวงวนมหาสมุทร
- หมุนตัวพร้อมกับหมุนดาบเป็นวงกลม สร้างพลังหมุนวนรอบตัว
4. ท่าพญานาคพ่นพิษ
- พุ่งดาบไปข้างหน้าสลับซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว เหมือนการพ่นพิษของนาค
5. ท่าเกล็ดนาคาป้องกัน
- ใช้ดาบทั้งสองสร้างการป้องกันรอบตัว หมุนดาบเป็นวงกลมเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
6. ท่าม้วนเมฆาคืนทะเล
- กระโดดพร้อมกับหมุนตัวในอากาศ ฟันดาบเป็นวงโค้งขณะลงสู่พื้น
7. ท่านาคาสะบัดหาง
- สะบัดดาบอย่างรวดเร็วและรุนแรง สร้างคลื่นพลังงานพุ่งออกไปในระยะไกล
8. ท่าอสุรินทราหาญ
- ท่าจบ ยืนมั่นคง ดาบทั้งสองไขว้กันตรงหน้าอก แสดงถึงการรวมพลังของทั้งสองโลก
แต่ละท่าจะมีการผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของมนุษย์และลักษณะการเคลื่อนตัวของนาค สร้างความสวยงามและทรงพลังในเวลาเดียวกัน การฝึกฝนท่าเหล่านี้ต้องอาศัยความชำนาญและการควบคุมพลังภายในอย่างสูงมาก
ด้านการศึกเมืองบาดาลกับพระยามารยังไม่จบ ทั้งคู่ต่างรบกันต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวี่แววจะยุติ
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด พระยามารใช้อำนาจมืดและกองทัพปีศาจน้ำโจมตีอย่างหนัก แต่กองทัพเมืองบาดาลก็ต้านไว้อย่างดี ผลัดกันแพ้ชนะ พวกเขาค่อยๆ ต้านทานและต่อกรกับพระยามารได้
ผ่านไปได้ราวๆ 7 วัน การรบสองข้างยังคงดำเนินต่อไปจู่ๆ มีคลื่นยักษ์ซัดใส่บริวารของพระยามารกระเด็นกระดอน เหลือเพียงแต่แม่ทัพของพระยามารที่ชื่อว่าอิสก คลื่นยักษ์ทำอะไรมันไม่ได้
" ม้วนเมฆาคืนทะเล " ดาบเมฆาพยัคฆ์ตัดที่แขนขาอิสกได้อย่างรวดเร็ว อิสกทำท่าจะงอกแขนขาใหม่
" สายฟ้าฟาดน้ำ " ตัดหัวอยากหลุดสลายไปในอากาศ อ้ายทิมปรากฏตังอีกครั้งหลังจากป่านไป7วัน7คืน พัทราวตีที่ตอนนี้แต่งองค์ทรงรบครบเครื่อง อ้ายทิมท้าทายพระยามารออกมาสู้กัน
พระยามารหัวเราะเจ้ามนุษย์นี่นะหรือจะมาจัดการข้าอ้ายทิม
ไม่รอช้า ใช้ท่า " พญานาคพ่นพิษ " พระยามารเงื้อดาบจะฟันใส่อ้ายทิม พัทราวตีใช้มนต์นาคราชปัดป้องให้ อ้ายทิมได้จวงแทงพระยามารได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่พระยามารฆ่าไม่ไปตาย อ้ายทิมหลับตานึกถึงองค์พระพิชิตมาร องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขออำนาจพระพุทธคุณจงบังเกิดเถิด
อ้ายทิมเก็บดาบเมฆาพยัคฆ์กลับดึงดาบวิหกอัคคีออกมาแทนทุกคนต่าง งุนงงเพราะดาบวิหกอัคคีคืธาตุไฟ ใยจะสู้ธาตุน้ำได้
นั่นจุดสำคัญของการต่อสู้คือการแย่งชิงสะดือสมุทรคืน อ้ายทิมใช้ความว่องไวและทักษะการต่อสู้ของเขา ในขณะที่พัทราวตีใช้เวทมนตร์สร้างการเบี่ยงเบนความสนใจของพระยามาร
อ้ายทิมทราบว่าสะดือสมุทรต้องใช้ของร้อนล่อ ทำให้สะดือสมุทรขยับตัวเข้าหาดาบวิหกอัคคี ได้คืนมาโดยง่าย อ้ายทิมเห็นช่องจึงใช้ท่า " นาคาสบัดหาง" จากที่จะเป็นคลื่นที่เป็นกระแสน้ำออกมา มันกลับกลายเป็นลาวา แผดเผากองทัพพระยามารจนหมดท่า พระยามารหนีไปได้ทันเสียก่อน
ทำให้เมืองบาดาล และความสมดุลของโลกใต้น้ำก็ถูกฟื้นฟูกลับคืนมา
หลังจากชัยชนะ ชาวเมืองบาดาลเฉลิมฉลองและขอบคุณวีรกรรมของอ้ายทิมและองค์หญิงพัทราวตี ลูกสาวคนเล็กของกษัตริย์แห่งเมืองบาดาล
เจ้าเอกอนันตชัยนาคราชได้ยกเมืองบาดาลให้อ้ายทิมดูแลกึ่งหนึ่ง
แล้วยกพระธิดาคนเล็กให้อ้ายทิม แต่อ้ายทิมนั้นรู้ดีว่า คนและเดรัจฉานอยู่ร่วมกันหาได้ไม่ อ้ายทิมจึงปฏิเสธของรางวัลนั้นเสีย
ด้วยความผูกพันธ์ที่มีกันมาแต่หนไหนไม่อาจรู้ได้ องค์หญฺิงพัทราวตีที่อยู่ในอ้อมกอดอ้ายทิม มันช่างมีความอบอุ่น ห่วงใยอาลัยอาวร แต่ในใจลึกๆ อ้ายทิมนั้นหนักหนาเอาการอยู่
" ข้าไม่ได้รังเกียจแม่หญิงเลยหนา หากแต่ข้ามีภารกิจอีกมากหลายที่ต้องไปทำ แม่หญิงโปรดเข้าใจ " อ้ายทิมกล่าว
" ข้าเข้าใจดีว่ามนุษย์และเดรัจฉานอยู่ด้วยกันไม่ได้ มันผิดธรรมชาติ" พัทราวตีกล่าว
" อย่าพูดอย่างนั้นเลยแม่หญิงหากข้ายังไม่สิ้นชีพเสียก่อนข้ากลับมาหาแม่หญิงเป็นแน่ " อ้ายทิมกล่าว
"ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้าเป็นการตอบแทนมันคือกำไรมาศนาคราชมันเป็นเครื่องรางของขลังของเหล่าชาวบาดาล เผื่อช่วยเจ้ายามมีภัย " พัทราวตีกล่าว
" แม่หญิงดูแลตัวเองให้ดี แล้วเราจะได้พบกันใหม่ ข้าขอลา " อ้ายทิมเอ่ยอีกครั้ง
แล้วว่ายน้ำกลับขึ้นบนฝั่งอันเป็นโลกของมนุษย์
องค์หญิงพัทราวตี จิตใจเธอแข็งแกร่งมากกว่าสตรีนางใดในโลกา ทั้งที่ใจมีปฏิพักตร์ต่อชายหนุ่มผู้มนุษย์ แต่เธอยอมเสียสละความรักนั้นให้ชายหนุ่มได้ทำหน้าที่ต่อไป...
การเดินทางของอ้ายทิมยังคงดำเนินต่ออย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง....
#อ้ายทิมคนบ้าผู้ไม่มีดาบ
#ทีมพญาเม็งรายแอพดำ
#นิยายอิงประวัติศาสตร์
#ตำนานอิงประวัติศาสตร์
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน วิเคราะห์ แยกแยะ ตัวละครบางท่านอาจะมีอยู่จริง บางท่านอาจสมมุติขึ้นมา ตามจินตนาการของผู้แต่ง มิได้ล่วงเกินผู้ใดแต่อย่างใด เพื่อการดำเนินเรื่องให้เชื่อมโยงเท่านั้นหากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คนจรดาบ
#นิยายนิทานพื้นบ้าน
โฆษณา