18 ส.ค. เวลา 00:19 • บันเทิง

ตราบใดยังหายใจ ฝันก็ไม่มีวันสิ้นสุดหรือหมดอายุ ถ้าเราไม่ยอมแพ้

วันนี้มาชวนคุยเรื่องภาพยนตร์ Mrs. Harris Goes to Paris สตรีมมิ่งทาง Netflix
ตอนแรกฉันไม่ได้คิดจะดู Mrs. Harris Goes to Paris เลย แค่เห็นภาพโปรโมทก็แอบคิดว่า "นี่ต้องเป็นหนังสำหรับผู้สูงวัยแน่ ๆ ไม่เหมาะกับคน Gen Z อย่างฉัน" แต่บังเอิญไปเห็นว่า Lucas Bravo พระเอกสุดหล่อที่ฉันชอบจาก Emily in Paris เล่นด้วย ก็เลยลองเปิดดู ปรากฏว่ามันดีเกินคาด! ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยพลังบวกและแรงบันดาลใจ ที่ช่วยเติมเต็มใจของฉันที่เริ่มจะหมดไฟและเกือบจะหมดฝัน โชคดีจริง ๆ ที่ฉันได้ดูเรื่องนี้
ภาพยนตร์ Mrs. Harris Goes to Paris พาเราเดินทางสู่ปารีสในยุค 1950s ผ่านสายตาของแม่บ้านธรรมดา ๆ ชาวลอนดอนอย่าง Mrs. Ada Harris ซึ่งถูกดึงดูดด้วยความฝันในการเป็นเจ้าของชุดของ Dior การเดินทางของเธอไม่ได้เป็นแค่การตามหาชุดสวยๆ แต่ยังเป็นการค้นพบตัวตนและความกล้าหาญที่จะทำตามความฝันเล็กๆ ของตัวเอง
สำหรับฉัน Mrs. Harris Goes to Paris ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์แฟชั่นที่เน้นสไตล์หรูหรา แต่มันคือบทเรียนที่ซ่อนอยู่ในการกล้าฝัน ถึงแม้ว่าเราจะดูธรรมดาแค่ไหนก็ตาม Mrs. Harris เป็นตัวแทนของคนที่ไม่เคยลืมที่จะฝัน แม้ว่าโลกจะบอกว่าเธอไม่มีทางทำได้
 
แล้วเรื่องนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า "ในชีวิตประจำวันของเรา เรากล้าที่จะฝันแบบ Mrs. Harris ไหม?" หรือว่าเรามัวแต่เดินตามทางที่ใครสักคนวางไว้ให้ โดยไม่ได้หยุดคิดว่าเราอยากทำอะไรจริง ๆ
👗✨ฝันไม่เคยหมดอายุ
หนึ่งในประเด็นที่ชัดเจนที่สุดในภาพยนตร์คือความจริงที่ว่าฝันไม่เคยหมดอายุ Mrs. Harris ซึ่งเป็นแม่บ้านวัยกลางคน ผู้ที่ดูเหมือนจะมีชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมดา กลับกล้าที่จะตามหาความฝันของเธอที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ การตัดสินใจของเธอเป็นการย้ำเตือนให้เรารู้ว่าทุกช่วงวัยของชีวิตสามารถเต็มไปด้วยความฝันและเป้าหมายใหม่ ๆ ได้ เราทุกคนมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่หรือสร้างความสำเร็จในแบบที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นในวัยใดก็ตาม
ภาพยนตร์ยังแสดงให้เห็นถึงความงดงามของ haute couture และความลึกซึ้งของโลกแฟชั่นในระดับสูง ชุดของ Dior ไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงาม แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์ที่มีความหมายลึกซึ้ง ซึ่งแต่ละชุดมีเรื่องราวและแรงบันดาลใจของตัวเอง
 
ความพิถีพิถันในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าเหล่านี้ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของศิลปะและความหลงใหลในสิ่งที่เราทำ สิ่งนี้เป็นการกระตุ้นให้เราให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นในการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิตของเรา
เรื่องราวของ Mrs. Harris ยังเตือนให้เราหวนกลับมามองคุณค่าของสิ่งเล็กๆ ที่เรามักมองข้าม Mrs. Harris ไม่ได้แค่แสวงหาชุดหรู แต่เธอมีความตั้งใจและความรักในสิ่งที่เธอทำ เธอทำให้เห็นว่า "การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ" มันคือสิ่งที่สร้างความหมายให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการดูแลลูกค้า การสร้างมิตรภาพ หรือการทำงานที่เราทำทุกวัน
ในตอนจบของภาพยนตร์ ฉันอดคิดไม่ได้ว่า "ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ Mrs. Harris เราจะทำอย่างไร?" เราจะกล้าฝันและเดินตามฝันของเราหรือไม่? หรือเราจะเลือกปล่อยให้ชีวิตธรรมดา ๆ ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง?
 
Mrs. Harris Goes to Paris ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เกี่ยวกับแฟชั่น แต่เป็นการเตือนให้เรากล้าที่จะฝัน กล้าที่จะเสี่ยง และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง
 
ไปชมภาพยนตร์เรื่องกันเถอะ!
หากคุณยังไม่เคยชม Mrs. Harris Goes to Paris ฉันขอแนะนำให้คุณเปิดใจลองดูทาง Netflix ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฟชั่นหรือไม่ก็ตาม เรื่องราวของ Mrs. Harris จะทำให้คุณรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดในชีวิตของคุณเอง
โฆษณา