20 ส.ค. เวลา 01:36 • ไลฟ์สไตล์

วาดชีวิต

เหมือนภาพศิลปะ ข้างถนน ธรรมดาๆ แต่มัน ใหญ่มาก ตึกทั้งตึก ผู้อยู่อาศัย จัดวางงานศิลปะ อย่างมีองค์ประกอบ โดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้มอง รับรู้ได้ถึงอารมณ์ ปะติดปะต่อชีวิต ของผู้ที่อยู่ในตึก
ขับรถบนทางด่วน ผ่านตึกเก่าย่านพระรามสี่ ไม่ไกลจากคลองเตย ผมเห็นตึกหลังใหญ่เมื่อก่อนเรียกแฟลต สีขาวขุ่น บางส่วนสีปูนติดฝุ่น ไม่เห็นวี่แววของการทาสีทับ มาเนิ่นนาน ที่ระเบียงเห็นผ้าใบบังแดด บังได้ครึ่งเดียว มันขาดวิ่นขึงอยู่ ผมชอบองศาที่มันเอียง
1
ห้อยรับกันกับเสื้อสีหม่น แขวนตากบนราวอย่างเรียบร้อย บางห้อง คว่ำ หม้อกะทะเก่าใช้งานมานาน ผมเห็นศิลปะในหลากชีวิต มันสะอาดตาในความไม่สมบูรณ์
คนรายได้น้อยแต่ยังดี ที่มีที่นอน เป็นตึก กันลมกันฝุ่นกันหนาว
ผมนึกถึงคนเร่ร่อน รอบสวนลุมพินี บางคนเร่ร่อนนานจนเสียสติ ไม่สนใจกับสังคม หรือแม้แต่มองหน้าผู้คน นอนตรงไหนก็ได้ ถ้าไม่มีใครไล่ ไม่ติดยึด แต่ก็ไม่สบายตัว ไม่คิดมาก ไม่ระแวงแต่ท้องก็หิว ก่อนที่จะเปลี่ยนผันชะตา เขาเจอกับเรื่องราวใดมาบ้าง
ย้อนถามตัวเองผมใช้ศิลปะอะไรประคองชีวิตมาได้เคยโหนท้ายรถสองแถวจนตัวโก่งมีแค่หัวแม่เท้ากับมือที่แตะยึดไว้กับรถ ตกรถเมล์ เพราะก้าวพลาด ขลุกคลุกฝุ่นบนพื้นถนนแถวป้ายรถ ดีที่ลุกขึ้นทัน ก่อนล้อหลังเข้าบี้ ก็ผ่านมาได้จนถึงป่านนี้ ผมอาจจะโชคดีไม่เจอกับเรื่องร้ายจนต้องออกจากบ้านแบบเขา
แต่ผมมันคนประหลาดเอง กลับยังทำตัวเร่ร่อนไปเหนือจรดใต้ เข้าร้านเหล้ายามเย็นบ้าง คุยกับเพื่อนเก่า เจ็บปวดบ้าง อกหักบ้าง บางครั้งผมรู้สึกเข้าใจพวกเขา แค่บางขณะนะ
ตอนนี้ ..ผมรู้เพียงว่าชีวิตต้องใช้ศิลปะ หล่อเลี้ยงอารมณ์ จึงจะสมบูรณ์แบบ มีศิลปะเข้าใจตัวเอง ถอยอารมณ์ทุกข์บางจังหวะ สรรค์สร้างมันไปตามแบบของผม
ก่อนจบ..การวาด...
โฆษณา