20 ส.ค. เวลา 01:56 • ปรัชญา
เรื่องการชนะกิเลส กิเลสที่ร้อยรัดจิตของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้จมอยู่กับการเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิด มีรูปนั้นรูปนี้ เกิดมาเป็นมนุษย์เค้าให้โอกาส มีรูปที่แก้ไข นิสัยสันดานติดตามมากับธาตุทั้งสี่ที่ประกอบกับธาตุนะโมมีพ่อแม่เป็นมนุษย์ ที่สามารถใช้กายมาทำเรื่องราวดี เรื่องตัณหาราคะ พวกสัตว์เค้าก็มีกัน ความโลภก็มี ความหลงนั้น ..ก็ไม่มีปัญญาใคร ครวญใช้เหตุผลอะไรต่างได้ พวกสัตว์พอโตขึ้นมา ก็ทิ่งพ่อแม่ บ้างก็ทำร้ายพ่อแม่ของมัน เกิดไปในรูปไหนก็ใช้สัญชาตญาณของรูปนั้น กินนอนอยู่ในรูปนั้น
เมื่อเกิดมา มีรูปเป็นมนุษย์ เรื่องอารมณ์ต่างๆ มันก็มีมา ..ติดตามมากับธาตุทั้งสี่ ที่เคยไปเกิดเป็นคนเป็นสัตว์ ตกนรก นิสัยสันดานกรรม พวกนี้ก็ติดตามมา หากเกิดมาจากที่สูงๆ เคยประพฤติปฏิบัติธรรมมา เคยสะสมนิสัยสร้างบุญกุศลมา ก็มาทำต่อ เพื่อที่จะให้จิต ..กลับสู่ที่เก่า หรือสูงกว่าเก่า แต่มันก็ไม่เที่ยง
หากเผลอสติ สร้างกรรมกับพ่อแม่ มันก็กลายเป็นจิตที่ไม่รู้จัก ไม่มีความกตัญญูรู้คุณเหมือนสัตว์ที่เค้าเป็นกัน .จิตก็ตกต่ำลงไปเรื่อย ไหลไปทางนรกสัตว์เปรตอสุรกาย ก็ใช้กายพ่อแม่ที่จิตตนเองอาศัย กลับไม่รู้จักคุณ เรื่องราวของชีวิตก็จะลำบาก ยากจะหาความสุข เพราะเรือนกายนั้นมีแต่กรรม
เรื่องราวที่จะนำพาจิตไม่ให้ไหลไปตามกิเลสที่ร้อยรัดสรรพทั้งหลาย ก็มีหนทางที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านทรงกระทำขึ้นมา ..แต่นั้นเป็นเรื่องของผู้ที่เกิดมามีกายเป็นบุญ มีบารมี มีความขันติ ท่านจึงสามารถนำกายบุญนั้น ไปชำระสะสางเศษของกรรมจนหมดสิ้นได้ จึงมีเรื่องราวของผู้ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ เค้าสนใจที่ฟีงธรรมจากจิตของพระ จิตที่เรืองรองส่ิองแสงรัตนะออกมา เค้าฟังแล้วก็เก็บไว้กับธาตุทั้งสี่ของเค้า
เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ มาเห็นผ้าเหลืองเครื่องหมายของธรรม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไปสะกิดจิตของเค้า ให้สนใจประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศลขึ้นมา ปฏิบัติธรรมในรอยทั้งสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ลอยอารมณ์กรรม ลอยอารมณ์นึกคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ยิืนเดินนั่งนอน กายนิ่งๆ จิตนิ่งๆ ไม่มีอารมณ์นึกคิด กายนิ่ง จิตนิ่ง ก็อยู่เฉยๆ ไม่ไปสร้างกรรม ไม่มีกายวาจาใจที่เป็นไปตามอารมณ์กรรม ทำกายนิ่งจิตนิ่งได้ ก็เกิดมีปัญญาธรรม
เรื่องการฝึกหัด เอากายมาที่พ่อแม่ให้มา มานั่งหน้าพระ นั่งพับเพียบ สำรวจเรือนกาย นั่งตัวตรงๆ หายใจเข้าออกลึกๆ เข้าออกสักสิบหน นั่งนับไป หายใจออกพุท หายใจเข้าโธ ค่อยทำไม่ต้องรีบร้อน หากรีบร้อนนั่นเป็นอารมณ์ ..ยกมือซ้ายขึ้นมา ที่หน้าอก..มารดา ยกมือขวาขึ้นมาที่หน้าบิดา พูดออกเสียงไปด้วย .พูดถึงพ่อแม่ของเราเอง เราจะได้ระลึกถึงคุณของกายพ่อแม่ ที่สงเคราะห์ให้จิตเรามาอาศัยชั่วขณะหนึ่ง
นี่ถ้ามีกายพ่อแม่ เป็นหมูหมากาไก่ ก็เอามากราบพระไม่ได้ ค่อยๆฝึกหัด บรรจงในการกราบพระ เอากายมากราบพระ เอาจิตมากราบพระ ..ไม่ได้เอาอารมณ์มากราบพระ .ให้จิตมากราบพระ กราบด้วยความนอบน้อม ..เพื่อให้จิตเราเข้าไปหาพระ เราก็ต้องทำกายทำใจเราให้สะอาดทำด้วยกิริยาที่ดีๆ อย่าไปเอากิริยาเยี่ยงอย่างรูปที่ไม่ดีมาทำ ..จิตมันจะไหลตกต่ำไปตามกิเลสฝ่ายต่ำ กราบพระทั้งที ..ไม่ได้อะไรเลย
เรื่องการเอากายพ่อแม่ที่จิตตนอาศัย ..มานั่งหน้าพระ พูดคำสูงๆ ก็เป็นการบันทึกเรื่องราวดีของตนเอง สะสมลงไปที่ธาตุทั้งสี่ คนที่มาอคติกับพ่อแม่ ..เค้าจะไม่สามารถ นำกายพ่อแม่มานั่งเรียบร้อย สำรวมจิต เปล่งวาจา ข้าพเจ้าขอนำกายพ่อแม่มากราบพระได้เลย ..กิริยาท่าทางของเค้าจะลุกลี้ลุกลน ..เรื่องนี้ต้องฝึกหัด หัดสังเกตได้ ยิ่งมีเรื่องราวของขลังเจ้าพ่อเจ้าแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดถือมาเต็มองค์เต็มตัว ..เค้ายากที่จะทำได้ ..ของง่ายๆ กลับกลายเป็นของยากสำหรับจิตของเค้า เพราะมันบรรจุด้วย..เวรกรรมที่ร้อยรัด
โฆษณา