21 ส.ค. เวลา 03:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ปรับสมดุลพอร์ต ด้วยRebalancing

สำรวจความเสียหาย ใน BlackMonday ที่ผ่านมา ที่ตลาดหุ้นหลายๆแห่งทั่วโลกร่วงกันระนาวจากความกังวล Recession ในสหรัฐอเมริกา
ในส่วนพอร์ตการลงทุนของเรานั่น กำไรกองทุนกลุ่มGrowth(KFGG)หายไป 10%กว่าๆ ยังดีที่มีการจัดพอร์ตถ่วงดุลด้วยกองทุนกลุ่ม Defensive(KFGBRAND) เลยโดนไม่หนักเท่าไหร่
นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำ Asset allocation ที่บางคนอาจคิดว่าต้องใช้เพียงแต่ตราสารหนี้ความเสี่ยงต่ำ เพื่อถ่วงดุลความผันผวนกับหุ้นที่ความเสี่ยงสูงกว่าเท่านั้น แต่จริงๆ เราสามารถเลือกใช้กองทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนหุ้นกลุ่ม Defensive หรือ Healthcare หรือ กลุ่ม Infrastructure เพื่อทำการถ่วงดุลก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของการจัดพอร์ตแบบนี้ คือการทำ Rebalancing ซึ่งเป็นการพยายามคงสัดส่วนการลงทุนให้คงที่ เพราะหากไม่มีการปรับพอร์ตเลย สินทรัพย์เสี่ยงที่มีการเติบโตที่เร็วกว่าสินทรัพย์ปลอดภัย จะค่อยๆมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมากเกินกว่าที่เรากำหนดไว้ และทำให้ความผันผวนของพอร์ตสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงควรมีการทำ Rebalancing ปรับพอร์ตเป็นระยะ แต่ไม่ควรปรับบ่อยเกินไปนัก เพราะต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมในการสับเปลี่ยนกองทุนด้วย
โดยอาจแนะนำเป็นการปรับพอร์ตทุกไตรมาส หรือ ทุกครึ่งปี หรือเมื่อสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มขึ้นจากเดิมเกิน 5-10% ตามความสะดวกของเรา ซึ่งการหมั่นตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของเรานั้น นอกจากจะเป็นโอกาสปรับสัดส่วนการลงทุนแล้ว ยังเป็นโอกาสประเมินผลงานของสินทรัพย์ที่เราลงทุนด้วย
หากกองทุนหรือหุ้นที่เราลงทุนมีผลการดำเนินงานที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือมีปัจจัยแวดล้อมมา Disruption ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงอย่างถาวร เราอาจต้องพิจารณาขายสินทรัพย์นั้นออกเสีย เพื่อย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์อื่นที่มีโอกาสเติบโตที่ดีกว่าต่อไป
โฆษณา