23 ส.ค. เวลา 02:00 • ธุรกิจ

เงินสำรองฉุกเฉิน ทางรอดในภาวะวิกฤต

หากถามว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่ อาจจะเป็นคำถามที่ตอบได้ยากอยู่ แต่ถ้าถามว่าธุรกิจรอบๆตัวเราซบเซาลงหรือไม่ หลายคนคงเห็นไปในทางเดียวกัน ทั้งนี้ ภาวะการซบเซาทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานะการเงินของครัวเรือน ที่เดิมทีก็มีหนี้สินครัวเรือนจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ภาวะเศรษกิจซบเซายังส่งผลให้กำลังซื้อที่เหลืออยู่ หดตัวลงไปอีก ตลาดสินค้าราคาแพงเช่นตลาดอสังหาฯจึงได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก และเมื่อบ้านมือหนึ่งขายไม่ออก จึงกระทบไปยังตลาดบ้านมือสองให้ซบเซาตามมา
ผนวกกับการมาถึงของยุค EV car และ สงครามราคารถยนต์ ที่ถล่มตลาดรถมือสองจนราคาตกฮวบฮาบ ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ทรัพย์สินของครัวเรือนส่วนใหญ่ (บ้าน,รถ) มีมูลค่าที่ลดลง และหากมีเหตุร้ายมากระทบ จนรายได้ไม่เพียงพอ การเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านั้นเป็นเงินสด ก็อาจทำได้ยากหรือได้ในราคาที่ไม่คุ้มค่า นอกจากนี้การหารายได้เพิ่มโดยการขยายกิจการหรือเปิดร้านค้าใหม่ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยเหมาะสมนักในภาวะตลาดซบเซาเช่นนี้
ทางเลือกที่น่าจะเป็นคำตอบในสภาวะเช่นนี้ ควรเป็นการทยอยเก็บสะสมเงินสำรองฉุกเฉิน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด หากเกิดปัญหาขึ้นมา ตัวเราและครอบครัวต้องสามารถเอาตัวรอดผ่านไปให้ได้อย่างน้อย 6เดือน รอให้วิกฤตผ่านพ้นไป สถาณการณ์เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ค่อยมาตั้งหลักสู้กันใหม่
 
สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากครั้งนี้ไปได้กันทุกๆคนนะครับ
โฆษณา